เข้าสู่ระบบผ่าน

ชายาแพทย์พลิกชะตา นิยาย บท 15

กู้หว่านเยว่คนนี้ถึงกับสร้างบ้านด้วยมือเปล่าในถิ่นทุรกันดาร!

เห็นเพียงนางหยิบเชือกป่านออกมา ผูกไว้กับลำต้นของต้นไม้สองต้นที่อยู่ใกล้กัน จากนั้นก็หยิบผ้าใบกันน้ำขนาดใหญ่มาคลี่ออก ผูกปลายทั้งสองข้างเข้ากับเชือก และใช้ก้อนหินทับด้านล่างไว้กับพื้น เพียงเท่านี้เต็นท์ขนาดเล็กก็สร้างเสร็จแล้ว

“ไปกัน จื่อชิงและท่านแม่ช่วยกันพยุงท่านพ่อเข้าไปข้างใน จิ่นเอ๋อ เจ้าเอาผ้าห่มที่อยู่บนเกวียนลงมาปูให้เรียบร้อย”

กู้หว่านเยว่สั่งการอย่างเป็นระบบ

คนของบ้านสามต่างมองนางเป็นผู้นำตัวน้อย ๆ และทำตามคำสั่งของนางทันที

นักโทษที่อยู่รอบข้างมองพวกเขาเข้าไปข้างใน นอนลงบนผ้าห่มนุ่ม ๆ แล้วหันกลับมามองพื้นดินที่ตัวเองนอนอยู่ ก็รู้สึกนอนไม่หลับขึ้นมาทันที

ซุนอู่ยิ่งประหลาดใจ พวกเขาคุมนักโทษมาเป็นเวลานาน ไม่เคยเห็นใครตั้งเต็นท์กลางทางได้มาก่อน

“แม่นางกู้ เต็นท์นี้กันน้ำหรือไม่?” ซุนอู่ถามด้วยความอยากรู้

“แน่นอนว่ากันน้ำได้ นี่คือผ้าใบกันน้ำ ไม่ต้องพูดถึงน้ำค้าง แม้แต่น้ำฝนก็กันได้”

ขณะที่กู้หว่านเยว่พูด นางก็หยิบธูปหอมออกจากบนเกวียนมาจุดไฟ จากนั้นแขวนไว้ข้างเต็นท์ เพื่อป้องกันยุงมากัดในตอนกลางคืน

ซุนอู่เริ่มสนใจ “เจ้าสอนข้ากางเต็นท์แบบนี้ได้หรือไม่?”

พวกเขามีผ้าใบกันน้ำอยู่บนเกวียนจำนวนมาก ใช้สำหรับคลุมสิ่งของเวลาที่ฝนตก คิดไม่ถึงเลยว่าจะเอามาใช้บังแดดบังฝนให้คนได้ด้วย

เมื่อครู่ขณะที่กู้หว่านเยว่กางเต็นท์ เขาก็ยืนดูอยู่ข้าง ๆ

ดูเหมือนจะง่ายมาก

แต่พอลงมือทำเองกลับไม่ใช่แบบนั้น

เขาลังเลครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจมาขอคำแนะนำ

ใบหน้าที่ดำคล้ำของซุนอู่แดงขึ้นเล็กน้อย เขาเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแต่กลับต้องมาขอคำแนะนำจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กลางป่า

กู้หว่านเยว่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ข้าจะวาดภาพให้ เจ้าดูให้ดีนะ”

แค่กางเต็นท์ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร

กู้หว่านเยว่สอนอย่างใจกว้าง

และยังถือโอกาสนี้ สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซุนอู่

กู้หว่านเยว่หักกิ่งไม้มาหนึ่งกิ่ง แล้วปัดเศษหญ้าบนพื้นดินออก จากนั้นวาดภาพร่างของเต็นท์ลงบนพื้น พร้อมทั้งใส่ใจเขียนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ควรระวังเอาไว้ด้วย

“ท่านนักการ ต้องมัดเชือกป่านระหว่างต้นไม้ทั้งสองให้แน่น ไม่เช่นนั้นเต็นท์ทั้งหลังจะพังลงมา”

หลังจากที่ซุนอู่ดูจบ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ

เขารู้ฐานะของกู้หว่านเยว่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่เป็นคุณหนูตระกูลโหวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจริง ๆ หรือ?

เขาจดจำภาพวาดไว้ในใจ แล้วรีบประสานมือคารวะ

“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”

“ไม่ต้องเกรงใจ” เป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกัน นางสอนซุนอู่กางเต็นท์ ซุนอู่ก็รับน้ำใจจากนาง ระหว่างทาง ตราบใดที่นางไม่ทำอะไรเกินเลย พวกเขาก็จะทำเป็นไม่เห็น

ซุนอู่รีบกลับไปสั่งให้เหล่านักการกางเต็นท์

เมื่อเขาจากไป นางหลิวก็เริ่มพูดจาประชดประชัน “ครอบครัวบ้านสามนี่เรื่องมากจริง ๆ ถูกเนรเทศแล้วยังทำอะไรที่ไร้ประโยชน์อีก มีเงินขนาดนี้ ซื้ออาหารกินดีกว่า ซื้อผ้าใบกันน้ำมาทำไมกัน”

นางเฉียนก็พูดจาเหน็บแหนมตามมา “ก็เพราะแม่ผัวที่โง่เง่าอย่างนางหยาง คุมลูกสะใภ้ไม่ได้ ถ้าลูกสะใภ้ของข้ากล้าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ ข้าจะตีให้ตายเป็นคนแรก!”

ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองกู้หว่านเยว่อย่างเย็นชา

กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยขึ้นเสียงดัง “เช่นนั้นท่านก็เสียแรงที่เป็นห่วงแล้ว ซูอวี่ลูกชายของท่านติดแม่ขนาดนั้น คงหาเมียมาแต่งด้วยไม่ได้”

“จะจะเจ้า กู้หว่านเยว่เจ้าพูดบ้าอะไร!” นางเฉียนโกรธจนนิ้วสั่น กอดซูอวี่ไว้ในอ้อมแขน

ลูกชายของนางเป็นสมบัติล้ำค่า จะไม่สามารถหาภรรยามาแต่งด้วยได้อย่างไร

ซูจื่อชิงเข้าใจทันที “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง พี่ใหญ่ชอบอ่านหนังสือและฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบเล่นกับผู้หญิง แม้แต่คนรับใช้ในห้องของเขาก็เป็นหญิงชรา เมื่อก่อนพวกเรายังสงสัยว่าพี่ใหญ่อาจจะ...”

“จื่อชิง!” ซูจิ่งสิงรีบกระแอมขึ้นมา

“โอ๊ยตายแล้ว พี่ใหญ่ท่านตื่นมาได้อย่างไรกัน!” ซูจื่อชิงเพิ่งพบว่าพี่ใหญ่ตื่นอยู่ ตกใจจนรีบปิดปาก

กู้หว่านเยว่มองซูจิ่งสิงราวกับจะยิ้มก็ไม่เชิง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “ที่แท้ท่านพี่ก็ไม่ค่อยได้สัมผัสกับผู้หญิง มิน่าล่ะถึงได้ง่ายต่อการยั่วเย้าเช่นนี้~”

ง่ายต่อการยั่วเย้า... ซูจิ่งสิงมือสั่น เกือบจะปัดขวดยาที่อยู่ข้าง ๆ ล้ม ถ้าเขาขยับตัวได้ ตอนนี้คงจะเขินอายจนต้องรีบวิ่งออกไปแล้ว

ภรรยาของเขาเดี๋ยวก็เย็นชา เดี๋ยวก็เหมือนปีศาจ เขาไม่รู้ว่าจะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดี

หลังจากทายาเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็หยุดแกล้งเขา หยิบหมั่นโถวงาดำจากมือของซูจื่อชิง

หลังจากเดินทางมาทั้งวัน ทุกคนก็เริ่มคุ้นเคยกับรสชาติของหมั่นโถวงาดำแล้ว

แช่หมั่นโถวกับน้ำให้นุ่มลงก็พอจะกลืนได้ แต่รสชาติก็จืดชืดไปหน่อย

กู้หว่านเยว่มองไปรอบ ๆ

เต็นท์บังสายตาจากภายนอก

ก่อนหน้านี้นางไม่หยิบอาหารออกมาเพราะกลัวคนอื่นจะเห็น แล้วก็ไม่รู้จะอธิบายที่มาของอาหารอย่างไร

ตอนนี้...กู้หว่านเยว่ยกยิ้มมุมปาก ยื่นมือเข้าไปในห่อผ้า แต่จริง ๆ แล้วจิตของนางได้เข้าไปในมิติแล้ว

ไม่นานนัก นางก็ดึงขาแกะย่างออกมาด้วยมือเปล่า

ทุกคนในเต็นท์ !

“นี่คือขาแกะย่างที่ข้าซื้อมาจากเมืองอูอวิ๋น เย็นไปหน่อยแล้ว แต่ยังไม่เสีย พวกเราเอาไปกินกับหมั่นโถวกันเถอะ”

เมื่อเห็นขาแกะย่าง ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือขาแกะย่างนี่มาจากไหน แต่เมื่อได้กลิ่นหอมของขาแกะย่าง น้ำลายก็ไหลออกมาแล้ว ใครจะไปสนใจว่ามันมาจากไหนกันล่ะ?!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา