มุมปากของเมิ่งจิ่นเหยายิ่งโค้งขึ้น รอยยิ้มเอ่อล้นดวงตา แววตาสวยวิจิตร แม้แต่น้ำเสียงก็เปี่ยมไปด้วยความยิ้มแย้ม “นี่ท่านพี่พูดเองนะ”
นางไม่คิดว่ากู้จิ่งซีจะพูดง่ายเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นคนมีอายุ ชายชราอายุใกล้สามสิบ อีกไม่กี่ปีก็จะถึงวัยที่ต้องเป็นปู่คนแล้ว ดังนั้นจึงมีนิสัยใจคอที่ค่อนข้างเป็นกันเอง
อย่างกู้ซิวหมิงนั้นพูดคุยด้วยยาก คอยวางท่าอยู่เสมอ ให้ความรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าผู้อื่น เห็นทีนางคงตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานกับกู้จิ่งซีเมื่อวานนี้ ต่อให้ต้องเป็นม่ายไปตลอดชีวิตก็ยอมรับได้
กู้จิ่งซีมองท่าทางดีใจของนาง นางผู้มีความสุขุมเยือกเย็นแทบจะไม่เคยแสดงท่าทีปราดเปรียวอย่างที่เด็กสาวควรมีเลย แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็กสาวอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่และสุขุมเพียงใด ก็ต้องมีลักษณะท่าทางที่เด็กสาวควรมี
เขาตอบว่า “อืม ข้าพูดเอง”
ทั้งสองคนอายุห่างกันมาก ไม่คุ้นเคยกันก็ไม่เป็นไร จับคลุมถุงชนเอาเสียเลย พูดเรื่องสำคัญจบต่างคนต่างก็มองหน้ากันไม่พูดจา กู้จิ่งซีไม่อยากอยู่กับเด็กน้อย จึงหาข้ออ้างเพื่อออกไปจากที่นี่
เมิ่งจิ่นเหยารีบดำเนินการทันที สั่งให้สาวใช้จัดห้องใหม่ตามความชอบของตัวเอง ภายในห้องมีการตกแต่งคล้ายกับห้องส่วนตัวของบ้านพ่อแม่ที่นางเคยอยู่
สาวใช้ของเวยหรุยเซวียนเห็นดังนั้นก็เผยสีหน้าทนมองไม่ได้ออกมา พลางพึมพำกับตัวเองว่า “ท่านโหวไม่ชอบสีฉูดฉาดแบบนี้ ชอบให้เป็นสีเดียวเหมือนกันหมด ไม่รู้ว่าท่านโหวกลับมาเห็นห้องอยู่ในสภาพนี้แล้วจะพาลโมโหหรือไม่”
สาวใช้อีกคนตอบว่า “ท่านโหวโกรธแน่ แล้วนั่นก็เป็นความผิดของฮูหยินด้วย ฮูหยินเป็นคนสั่ง พวกเราแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”
ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของสาวใช้ก็เผยแววดูถูกออกมา “คิดไปว่าตัวเองได้แต่งงานเข้ามาก็จะได้เป็นโหวฮูหยินอย่างแท้จริงแล้ว ไม่ได้คิดด้วยซ้ำไปว่าตัวเองแต่งงานกับท่านโหวได้อย่างไร เพิ่งเข้าจวนมาได้สองวันก็มายุ่งกับเรือนของท่านโหวเสียแล้ว”
ไม่นาน พวกนางก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เหลือบมองไปที่สาวใช้อีกสามคนที่ไม่ได้ร่วมวงนินทาด้วยสายตาขุ่นเคือง ราวกับว่ากำลังตำหนิพวกนางที่ไม่ส่งเสียงเตือน จากนั้นก็โค้งคำนับเมิ่งจิ่นเหยา “ข้าน้อยคารวะฮูหยิน”
เมิ่งจิ่นเหยานั่งลง มองพวกนางด้วยแววตาเฉยเมย ไม่เกรี้ยวกราดแต่น่าเกรงขาม “สงสัยท่านพี่จะมัวยุ่งอยู่กับงานราชการ จึงละเลยในการดูแลจัดการคนรับใช้ แม้แต่สาวใช้ยังกล้ากุเรื่องล้อเลียนเจ้านายลับหลังเสียแล้ว”
สาวใช้ทั้งสองคุกเข่าลง รีบยอมรับผิด “ฮูหยินอย่าเพิ่งกริ้ว ข้าน้อยไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
“แค่ไม่กล้าเองหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาเลิกคิ้วขึ้น พลางถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่กล้า มันมีความหมายว่าอยากกุเรื่องล้อเลียนเจ้านาย แต่ว่าไม่กล้าเช่นนั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำเสียหน่อย?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก