สรุปเนื้อหา บทที่21 ขาทั้งสองข้างมันสั่นไปหมดแล้ว – ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ โดย เฟยเหนี่ยวปู้เจ๋
บท บทที่21 ขาทั้งสองข้างมันสั่นไปหมดแล้ว ของ ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฟยเหนี่ยวปู้เจ๋ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่21 ขาทั้งสองข้างมันสั่นไปหมดแล้ว
ในฐานะของ 'เพศ-ราชาแห่งความรัก'คาโตะ ทากะ เคยอธิบายไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งว่า "ก่อนจะได้เรียนรู้เทคนิคของความรัก ควรรู้เทคนิคการทำให้ผู้หญิงสบายใจก่อน"
เขายังเคยพูดไว้ว่า“สิ่งที่คุณลูบไล้สัมผัสนั้น คือส่วนที่เรียวและอ่อนนุ่มของผู้หญิง ต้องแน่ใจว่าคุณได้ตัดเล็บสั้นๆขอบเล็บนั้นต้องเรียบ และเป็นเล็บที่ปราศจากสิ่งสกปรก ควรขัดให้สะอาดด้วยหินตะไบเล็บ ให้แน่ใจว่าได้รักษานิ้วให้นุ่มนวลต่อการสัมผัส”
ผมยังไม่เข้าใจคำพูดทั้งหมดของเขา แต่อย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่าควรที่จะเคารพทะนุถนอมร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งยังไง และแน่นอนเทคนิคที่ว่านี้ยังแค่ตื้นๆ แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หยาวเซียวศิโรราบให้กับผม
หลังจากผ่านไปนานกว่ายี่สิบนาที หยาวเซียว ยอมจำนนให้ผม และขอร้องอ้อนวอนแม้เธอออกจากห้องผมด้วยอาการขาสั่น ภาพที่เห็นนั้นได้อธิบายทุกสิ่ง นั่นหมายความว่า เธอไม่เคยได้สัมผัสกับความตื่นเต้นและความรุนแรงที่จนต้องร้องขอชีวิตเช่นนี้มาก่อน
ในวันถัดไปผมหลับไปและได้หลับเต็มตื่น เมื่อตื่นขึ้นมานั้นก็ไม่รู้ว่าหยาวเซียวออกไปไหนแล้ว
หลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ หยู่ถิงก็โทรหาผม ให้ผมรีบแต่งตัวและรีบไปพบเธอ ตอนนี้เธอได้รอผมอยู่ที่ชั้นล่างแล้ว
ผมชะโงกหัวไปมองทางนอก หน้าต่าง ก็เห็นรถเธอจอดอยู่ชั้นล่างจริง ๆ ผมคิดว่าเธอโกหกผมเสียอีกรีบใส่เสื้อผ้าเสร็จก็รีบลงไปขึ้นรถและเธอก็พาผมซิ่ง ระหว่างทางผมได้ถามเธอว่าเราจะไปที่ไหนกัน เธอบอกว่าความลับบอกไม่ได้ ถึงแล้วก็รู้เองว่าจะไปไหนกัน
“นี่คุณคงไม่ได้เห็นว่าไตผมยังแข็งแรงดีแล้วจะหลอกพาผมไปขายไตใช่ไหม”
“อืม ใช่แล้วล่ะ ฉันรู้จักอยู่ร้านนึง แส้วัวไม่เลวเลยล่ะ แต่แค่ขาดวัตถุดิบเฉยๆ”
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และสังเกตการณ์ขับรถของเธอ ลองคิดว่าถ้าเป็นผมขับเอง จะจัดการอย่างไรเมื่อโดนแซงหรือเปลี่ยนเลนส์
ระหว่างการเดินทาง เมื่อถึงเวลาหาอาหารรองท้องเธอก็ได้ขับรถเข้าไปที่ศูนย์อาหาร เราก็ได้กินข้าวรองท้องกันไปนิดหน่อย
และระหว่างนั้นหยู่ถิงก็ได้ถามผมว่า ตอนนี้ขับรถได้ถึงขั้นไหนแล้ว ผมไม่ได้ตอบเธอ แต่เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วผมก็พาเธอขึ้นรถและพาเธอซิ่ง ตอนแรกเธอยังกังวลอยู่บ้างกังวลว่าผมอาจจะเหยียบมิดไมล์ กังวลว่าผมไม่สามารถควบคุมสติถ้าอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ แต่สักพักเธอได้ตั้งระบบนำทางGPSให้กับผม จากนั้นเธอก็ปิดตางีบในรถ
เห็นได้ชัดว่า เธอไว้วางใจในสกิลขับรถของผมแล้ว
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมได้ลดความเร็วลง แล้วหยู่ถิง ขอก็เปลี่ยนขับกับผม อ้างว่าในเมืองรถรามันเยอะ ให้เธอขับน่าจะปลอดภัยกว่า
“นายขับรถได้ไม่เลวนี่นา ถ้าหากฉันไม่รู้มาก่อนว่านายขับรถไม่เป็น ฉันคงคิดไปแล้วว่านายน่ะ
มีประสบการณ์ขับรถมาสักสองสามปีแล้วนะเนี่ย”
สำหรับการยกย่องของหยู่ถิงผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
"เกียร์ออโต้ง่าย มันสามารถเหยียบคันเร่งลงบนเกียร์Dได้ และตราบใดที่คุณไม่ตื่นเต้นใครก็ทำได้หรอกน่า"
หยู่ถิงหัวเราะแต่เธอไม่ได้พูดอะไรอีก จนกระทั่งเธอพาผมเข้ามาที่เต้นท์ขายรถ ตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่า ที่แท้นั้นเธอพาผมมาดูรถมือสองนั่นเอง”
หลังจากที่หยู่ถิงเดินเข้ามา สาวพนักงานขายรถ ก็รีบยิ้มให้เธอ แต่ว่าหลังจากที่เธอพูดทักทายต้อนรับแล้ว หลังจากที่หยู่ถิงได้ส่งซิกนั้น สาวขายรถ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ฉันน่ะเคยส่งคนมาดูรถที่นี่แล้ว มีรถหลายคันยังอยู่ในสภาพดีเลยล่ะ นายลองเลือกดูเองสักคันสิ
ทันทีที่หยู่ถิงพูดชื่อยี่ห้อรถ สาวขายรถก็รีบวิ่งแจ้นพาไปดูทันที
“นี่คือ รถพอร์ช รุ่น..... Cayman? ที่ใช้งานมาแล้วสามปี ถ้าคุณชอบแนวรถสปอร์ตล่ะก็ นี่คงเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยล่ะ การบำรุงรักษาก็ดี นี่เป็นรุ่นเริ่มต้นของเจ้าสมรรถนะม้าศึกเยอรมันเลยล่ะ การเร่งความเร็วของพลังงานนั้นเสถียรมาก..."
“ส่วนคันนี้คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์G500 ใช้งานมาแล้วหกปี ขับเคลื่อนสี่ล้อเต็มเวลา ขึ้นเนินสูงไม่ต้องกลัวเลย ขาลุยสุดๆ ชุดAMGภายนอก เครื่องยนต์ดูดตามธรรมชาติ5.5L …”
“คันนั้นแลนด์โรเวอร์ ใช้งานมาแล้วหนึ่งปี........”
ประมาณสิบนาทีต่อมา เจ้าของหัวล้านคนนึงก็ปรากฏตัวขึ้น คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า "โถ่น้องชาย ถ้าผมลดให้คุณขนาดนั้นมีหวัง กิจการผมเจ๋งแหงๆ เกรงว่าผมขายรถคันนี้ให้คุณไม่ได้จริง ๆ”
ผมไม่ได้สนใจคำพูดปลอมเปลือกของตาลุงหัวหน้านั่น เหอะๆ มุกเก่าไดโนเสาร์เต่าล้านปีแบบนี้ ป้าขายส้มเน่าตามถนนยังพูดได้เลย มิหนำซ้ำคงพูดได้ดีกว่าตาลุงนี่อีกมั้ง
สุดท้ายผมก็เลือกใช้วิธีประนีประนอมกับเขา โดยยังคงเสนอราคาที่เท่าเดิมและสุดท้ายเขาก็ได้หอบเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ออกมา
หลังจากนั่งอยู่ในออฟฟิศของเขาเกือบสองชั่วโมง สาวขายรถก็ได้ยื่นซองเอกสาร ให้ผม ข้างในนั้น มีกุญแจรถและบัตรประจำตัวประชาชนของผม รวมทั้งคู่มือของรถ ใบขับขี่และบลาๆ ผมนั้นสนใจเพียงแค่ชุดอย่างเดียว เอกสารกรรมสิทธิ์เจ้าของรถ——เฉินเฟิง
หลังจากบอกลาตาลุงหัวหน้าหัวล้าน ผมกับหยู่ถิงก็ขับรถออกจากโชว์รูมรถ เธอขับนำผมขับตามขึ้นทางด่วน เมื่อถึงจุดบริการที่บนทางด่วนหยู่ถิงได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเข้าไปที่นั่น ผมก็ขับเข้าไปตามเธอ หลังจากจอดรถที่ลานจอดรถแล้ว หยู่ถิงก็ลงจากรถมาหยุดตรงที่หน้าผม แล้วก็จ้องที่ใบหน้าของผมเหมือนกับว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
"มีอะไรเหรอ มีดอกไม้ติดบนหน้าผมรึไง?"
"ไม่ใช่ ฉันก็แค่สงสัยเฉยๆ ว่าทำไมนายถึงได้ดูเชี่ยวชาญเรื่องรถจัง ทำไมถึงเดาราคารถได้เป๊ะขนาดนี้"
น้ำหน้าอย่างผมเหรอจะไปรู้ ก็แค่ต่อราคาไปซี้ซั้วเฉยๆ ถ้าสมมุติว่าเขาไม่ขายให้ ผมกะจะเพิ่มราคาให้อยู่หรอกน่า
"เค้าเรียกว่าทริกเจ้าเล่ห์ของคนฉลาด ลูกคนรวยแบบคุณจะไปเข้าใจอะไรล่ะ"
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหยู่ถิงสวยราวกับดอกไม้ แต่ก็ยังคงซ่อนความทะเล้นของเธอเอาไว้อยู่ ไม่ได้เหมือนกับตอนที่เจอเธอเมื่อครั้งแรกที่ดูเหมือนแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้เธอกลับดูเหมือนนุ่มนวลมากกว่า
“วันนี้ฉันได้พานาย ไปเลือกรถ ไปซื้อรถ แถมนั่งรอเป็นเพื่อนนายตั้งสองสามชั่วโมงแหน่ะ งั้นคืนนี้นายก็ต้องทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนฉันบ้างแล้วล่ะ”
ใบหน้าที่สวยงามพราวเสน่ห์ ดูอวบอิ่มและทรงพลัง ทรวดทรงองเอวที่เรียว ขาเรียวสวย ข้อเท้าเล็กๆที่สวยงามแบบนี้
สิ่งที่เธอได้ขอผมมานั้น บอกได้เลยว่า ยอม!!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+