ซุปเปอร์เจ้าสำราญ นิยาย บท 111

สรุปบท บทที่111 คนที่ทั้งมีความสามารถทั้งร่ำรวย: ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

บทที่111 คนที่ทั้งมีความสามารถทั้งร่ำรวย – ตอนที่ต้องอ่านของ ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ตอนนี้ของ ซุปเปอร์เจ้าสำราญ โดย อาเหา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่111 คนที่ทั้งมีความสามารถทั้งร่ำรวย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่111 คนที่ทั้งมีความสามารถทั้งร่ำรวย

“คนกระจอกอย่างคุณนี่สมองมีปัญหาด้วยหรือเปล่าเนี่ย?” ชายหัวล้านใส่สูทพูดสวนขึ้นมา “คุณกล้ามาก่อเรื่องถึงเจ๋อเฉิงกรุ๊ปเลยเหรอ?ไม่ไปสืบหน่อยเหรอ ว่าที่นี่เป็นที่ของใคร!”

“นั่นสิ ยังกล้ามาเรียกชื่อของประธานของพวกเราอีก ไม่เจียมตัวเลย!”

“ไอหนุ่มนี่ กล้ามาบอกว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่ของประธานอีกเหรอ?คุณบอกว่าประธานเป็นพ่อเลี้ยงของคุณฉันยังไม่เชื่อเลย!คุณไม่เหมาะแม้แต่จะเป็นหลานของประธาน!”

ผู้รักษาความปลอดภัยหลายๆ คนพูดจาแดกดันขึ้นมา

“ลากตัวเขาออกไป ตบให้ได้สติสักทีสองทีค่อยมาคุยกันใหม่ สุดท้ายทำโทษโดยการให้เขาคุกเข่าอยู่หน้าประตูของบริษัท ให้คนอื่นดู เพื่อเป็นการเตือนสักหน่อย!” ชายหัวล้านใส่สูทพูดด้วยความเนิบ พลางโบกไม้โบกมือ

แล้วก็ไม่รู้ว่ามีไองั่งที่ไหน เหมือนกับพวกสมองผิดปกติ คิดว่าตัวเองเป็นใครกันนะ?ขึ้นมากพูดฉายาของประธาน แถมยังอาจหาญ บอกให้ประธานลงมาหาเขาอีก?

เขาทำงานให้ประธานหยูจื๋อเฉิงมาตั้งหลายปี พวกคนร่ำรวยและคนมียศมีอำนาจในเขตจงเทียน มีใครบ้างที่ไม่เคารพต่อประธาน?ที่ในเขตจงเทียน ฐานะของประธานใหญ่แค่ไหนหล่ะ?ออกจากบ้านทีก็มีทหารกว่ายี่สิบคันคอยรับใช้!

ไม่เคยเจอใครที่สามหาวขนาดนี้มาก่อนเลย!

“ไอหนุ่ม คุณแหว่งเท้าหาเสี้ยนเองนะ เดี๋ยวจะจัดให้คุณเอง!”

พูดไป ก็มีผู้รักษาความปลอดภัยรูปร่างกำยำปรี่เข้ามา ในมือก็ถือไม้สีดำตีไปที่ตัวของหลินอิ่ง

ผัวะ!

ชายร่างกำยำเจ็ดแปดคนปรี่เข้ามา ก่อนจะหาที่ว่างเข้าไป บางคนถึงกับหัวชนกัน ชนเข้าไปเต็มๆ จนต้องเอามือกุมหัวแล้วร้องโอดโอย

แต่หลินอิ่ง เหมือนกับเป็นลม เขาหายไปจากที่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าหนีออกไปไกลราวๆ สิบกว่าเมตรตั้งแต่เมื่อไหร่

ฉากนี้มันทำให้ผู้รักษาความปลอดภัยเจ็ดแปดคนถึงกับตกใจ พลางมีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

หลินอิ่งไวเหมือนกับสายลม เพียงแวบเดียวก็หายไปแล้ว สับขาวิ่งไปอย่างราวเร็ว เสียงดังท่ามกลางอากาศนั้น เข่าของทุกคนชนขา และรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกอย่างจริงจัง ทำให้พวกเขาเจ็บปวด มีเสียงปึกปักดังขึ้น ทุกคนต่างคุกเข่าลงกับพื้น อยู่ต่อหน้าหลินอิ่ง

“คุณ!คุณกล้ามาลงไม้ลงมือที่นี่เหรอ?” ชายหัวล้านใส่สูทงงเป็นไก่ตาแตก จากนั้นก็ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนจะรีบปรี่เข้ามาต่อยเข้าไปเต็มๆ

เขาลงมืออย่ารวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเป็นนักมวยที่เก่งกาจ ออกหมัดอย่างมั่นใจ

ปั่ก!

มีเสียงดังขึ้น หลินอิ่งยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ขยับไปไหน ก่อนจะรับหมัดของชายหัวล้านใส่สูทเอาไว้อย่างแม่นยำ

กร๊อบๆ !

มีเสียงกระดูกกำลังหมุนเคลื่อนที่ ชายหัวล้านคนนั้นเจ็บจนเหงื่อแตก ตัวสั่นไปทั้งตัว ร่างกายอ่อนแรง เพราะแขนข้างหนึ่งนั้นถูกหลินอิ่งบีบเอาไว้แน่น จึงมีเสียงกระดูกหักอย่างต่อเนื่อง!

“โอ๊ะ!โอ๊ย!คุณกล้ามาทำอะไรฉันงั้นเหรอ?ฉันเป็นถึงนกอินทรีที่เป็นลูกน้องของท่านหยูเลยนะ!จะให้ดีคุณออกไปถามฉายาของฉันด้านนอกจะดีกว่านะ!” นกอินทรีพูดด้วยความดุดัน แต่ร่างกายนั้นก็เจ็บปวดเกินจะรับไหว

นกอินทรีไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวนี้ ที่เหมือนกับเด็กนักเรียนกร่างๆ คนหนึ่งนี้ ไปเอาแรงมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน ใช้เพียงมือเดียวก็สามารถทำให้กำปั้นของตัวเองแทบแตก!

ต้องรู้ด้วยว่า ตัวเองเป็นถึงเจ้าแห่งมวยในโลกใต้ดินของเขตจงเทียนเลยนะ ตอนแรกก็เป็นเพราะมีชื่อเสียงโด่งดังมากเนื่องจากการต่อสู้ ท่านหยูเลยมองเห็น และพามาปลูกฝังที่นี่

คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะต้องมาเป็นแบบนี้ภายใต้กำมือของเด็กกร่างคนนี้!

หลินอิ่งมีสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ แววตาพลางมองไปที่พนักงานต้อนรับหญิงตรงเคาน์เตอร์ด้วยแววตาเรียบเฉย

“ฉันจะไปหาหยูจื๋อเฉิง”

“นี่!นี่!” พนักงานต้อนรับหญิงร้อนรน ทำงานต้อนรับมาตั้งนาน ไม่เคยเจอเรื่องราวที่รับมือไม่ทันขนาดนี้มาก่อนเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย มีคนกล้ามามีเรื่องในบริษัทของประธานด้วยเหรอ?

“พวกคุณมัวยืนอึ้งอะไรกันอยู่ล่ะ!เรียกคนลงมาเร็ว!ให้ท่านหยูรู้ว่าพวกคุณไม่ควรมาอยู่ตรงทางเข้าด้วยซ้ำ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?” นกอินทรีอดทนต่อความเจ็บปวด ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง

“ท่านอิ่ง!คุณ มาทำอะไรที่นี่?” หยูจื๋อเฉิงมีใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ พลางถามขึ้นด้วยความเคารพ

“ฉันกลับมาแล้ว” หลินอิ่งเตะนกอินทรีออก ก่อนจะเอามือไล่หลังแล้วเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

หยูจื๋อเฉิงมีท่าทีตื่นเต้น และใบหน้าที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย

จากนั้น แววตาเย็นชาของเขาก็มองไปทางนกอินทรีกับฮุยโสง ก่อนจะพูดเสียงไร้อารมณ์ว่า: “ท่านอิ่งเป็นคนที่พวกคุณจะมีเรื่องด้วยได้เหรอ?คุกเข่าลง!เมื่อไหร่ที่ท่านอิ่งพยักหน้า พวกคุณถึงจะลุกขึ้นมาได้นะ ถ้าเกิดว่าท่านอิ่งไม่พยักหน้า พวกคุณก็คุกเข่าลงตรงนั้นไปตลอดชีวิตเลย!”

“ห๊ะ!”

ฮุยโสงกับนกอินทรีตกใจจนเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก ก่อนจะมองหลินอิ่งตาเบิกโพลง

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าทำไมคนที่ระดับสูงอย่างท่านหยู ถึงได้เคารพไอเด็กกร่างนี่นักหนากันนะ?

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?พวกเขาไปมีเรื่องกับคนแบบนี้แล้ว ถ้าเกิดว่าท่านหยูโกรธ อยากจะอยากจับไปเป็นอาหารจระเข้ก็ได้!

“โอ๊ย!พวกพ้อง ไม่สิ ท่านอิ่ง!ไม่ว่าจะอยากอย่างไร ก็ต้องขอโทษด้วยนะ!”

“เจ้านายของคุณมีอำนาจมาก ขอให้คุณพูดดีๆ กับท่านหยูหน่อยนะ พวกเราไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลย!”

ทั้งสองคนอ้อนวอนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะโขกหัวลงกับพื้นอย่างจัง!ท่านหยูโกรธขนาดนั้นแล้ว ถ้าเกิดพวกเขายังไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา คงจะจบเห่แน่นอน!

ปั่ก ผู้รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคนนั้นต่างพากันคุกเข่าลง โดยไม่กล้าขยุกขยิกเลย ต่างพากันก้มหัวให้ต่ำที่สุด ขนาดหญิงต้อนรับที่มองอย่างไม่รับแขก ยังคุกเข่าตัวสั่นอยู่หน้าลิฟต์เลย

หลินอิ่งเอามือไพล่หลังก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไป โดยที่ไม่ได้สนใจคนพวกนั้น เหมือนกับมดที่ไม่น่าใส่ใจเลย

หยูจื๋อเฉิงโค้งคำนับให้ ด้วยหัวใจเต้นรัว

เขาคิดถึงคืนฝนตกพายุกระหน่ำเมื่อสิบกว่าปีก่อน ในคืนนั้น เด็กอายุราวๆ สิบขวบ ที่ช่วยตัวเองให้รอดจาก ปืนสิบกว่ากระบอกและมีดกว่าสามสิบเล่มออกมาได้ ด้วยการฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า!ในคืนนั้น มันน่ากลัวและน่าหวาดกลัวขนาดไหน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์เจ้าสำราญ