ซุปเปอร์เจ้าสำราญ นิยาย บท 40

บทที่ 40 เยาวชนที่เรียนจบกลับมา?

“สินค้าที่ออกแบบ? ไม่ใช่ของตัวเองสักหน่อย มันน่าอวดตรงไหน” หลี่เจิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม

“ฉันว่านะ ซิ่วเฟิง หย่าฮุ่ยที่พวกคุณสองคนบอกว่าฉีโม่เก่งอย่างนั้นเก่งอย่างนี้ ดิ้นรนจนได้เป็นผู้อำนวยการบริษัท แต่เธอก็ยังเป็นคนทำงานอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?” หลี่เจิ้นกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “ฟางผิงของเรานะ เปิดบริษัท อสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเองเลยนะ”

จางฉีโม่สีหน้าแย่ลงเล็กน้อย

“นี่ไม่” หลี่เจิ้นพูดขึ้นด้วยสีหน้ามีชัย “วันนี้ฉันเลี้ยงเอง นี่ไม่ใช่เพราะกำลังจะย้ายบ้านแล้ว และก็เพราะว่าฟางผิงที่ได้ซื้อบ้านให้ด้วย ตั้ง 1.2 ล้านเลยนะ และยังอยู่ในเขตชุมชนระดับสูงของเขตเหนือของเมืองอีกด้วย ชุมชนสุ่ยหยวนแหละ”

“ชุมชนสุ่ยหยวน?” หลินอิ่งถามขึ้น

“ไอ นายก็เคยได้ยินชื่อชุมชนสุ่ยหยวนเหมือนกันเหรอ? รู้ได้ยังไง?” หลี่เจิ้นถามด้วยความสนใจ

“สองวันก่อนเคยไปที่นั่น” หลินอิ่งกล่าวตอบ

“เคยไปเหรอ? ถ้าอย่างนั้นนายก็คงได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อยจริงไหม?” หลี่เจิ้นพูดขึ้นมาเรื่อยๆ “ซิ่วเฟิง หย่าฮุ่ย พวกคุณสองคนไม่เคยไปคงจะไม่เข้าใจ สามารถถามลูกเลขของพวกคุณดูได้นะ ชุมชนสุ่ยหยวนนั้นเป็นชุมชนระดับสูงที่มีชื่อเสียงมากในเขตเหนือของเมืองเลยทีเดียว ตารางวาละ 100,000 สภาพแวดล้อมค่อนข้างสวยงาม สิ่งอำนวยความสะดวกของชุมชน และการจัดการทรัพย์สินยอดเยี่ยมที่สุด ไม่เหมือนกับที่ชุมชนเจียงฉือ นี้ทั้งทรุดโทรม เก่าแก่ และไม่มีที่จอดรถใต้ดิน”

“ฉันจะบอกพวกคุณเลยว่า ถ้ามีเงินแล้ว รีบย้ายออกเลย” หลี่เจิ้นคว้าโอกาสไว้โอ้อวดไปเรื่อยๆ “ฉันนะ โชคดีมีหลานเอ๋อที่พึ่งพาได้ และหาลูกเขยที่ดีได้อย่างฟางผิงเรียนต่อต่างประเทศ กลับจากต่างประเทศอย่างที่สุภาษิตว่า ผู้ชายกลัวเข้าวงการผิด ผู้หญิงกลัวแต่งงานผิด คุณว่าจริงไหมซิ่วเฟิง?”

“ก็จริง” จางซิ่วเฟิงฝืนยิ้มและพยักหน้า

“คือความหมายนี้สินะ คุณบอกว่าที่บริษัทฉีโม่นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่สุดท้ายพวกคุณสองคนก็ยังต้องอาศัยอยู่ในชุมชนเจียงฉือที่เสื่อมโทรมนั้นอยู่ดี?” หลี่เจิ้นพูดขึ้นอย่างมีชัย

ลู่หย่าฮุ่ยหน้าดำคล้ำเขียว มองไปที่หลินอิ่งอย่างเยือกเย็น

อยู่ดีดี ก็ปล่อยให้หลี่เจิ้นมีโอกาสแสดงความคิดเห็นอีกนได้

“ใครให้นายพูดมากกัน?” ลู่หย่าฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ “นายไปที่ชุมชนสุ่ยหยวนทำไม?”

“ไปซื้อบ้าน” หลินอิ่งพูดตามความจริง

“อะไรนะ? นายบอกว่านายไปซื้อบ้านที่ชุมชนสุ่ยหยวน?” ลู่หย่าฮุ่ยชะงักไปสักพัก จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโกรธเคืองขึ้นมา

“หลินอิ่ง นายอย่าคุยโวโอ้อวดได้ไหม? อย่าทำให้ฉันต้องอับอายขายหน้า!” ลู่หย่าฮุ่ยกล่าวอย่างโกรธเคือง เดิมทีคิดว่าลูกสาวมีอนาคตที่ดีแล้ว และวันนี้ก็สามารถเป็นหน้าเป็นตาได้แล้วแท้ๆ

ใครจะไปรู้ กลับถูกคนอื่นเปรียบเทียบลูกเขยซะงั้น

เดิมทีความโกรธก็เต็มท้องอยู่แล้ว หลินอิ่งยังจะออกมาคุยโวอีก

“หย่าฮุ่ย เธอก็ให้หลินอิ่งได้พูดต่อไปสิ” หลี่เจิ้นพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หลินอิ่ง นายซื้อบ้านแบบไหนเหรอ? ขนาดเท่าไหร่? อยู่อาคารไหนเหรอ? สไตล์การตกแต่งแบบไหน?”

“ลืมแล้ว” หลินอิ่งกล่าว เพราะตัวเองเลือกอย่างง่ายๆ จะจำได้ยังไงว่าเท่าไหร่

“ฮาฮา! ลืมแล้ว?” หลี่เจิ้นหัวเราะฮาฮาเสียงดัง “ฉันว่า คนหนุ่มสาวควรทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ และสร้างรายได้ให้มากขึ้น อย่าคิดที่จะโอ้อวดเพื่อสร้างอัฒจรรย์เสมอไป จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้รู้ไหม?”

หลินอิ่งน่าสมเพชแค่ไหนมีเหรอที่ตัวเองจะไม่รู้? ยังจะเสแสร้งบอกว่าไปซื้อบ้านที่ชุมชนสุ่ยหยวน? อยากจะหัวเราะให้ตาย

“ไม่มีอะไรเปรียบได้เลยจริงๆ เพราะหาข้อแตกต่างไม่เจอเลย” หลี่เจิ้นพูดอย่างตรงไปตรงมา “หย่าฮุ่ย คุณบอกหน่อยสิ เป็นลูกเขยเหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้”

“คุณลองดูฟางผิงคนอื่นเขาสงบมากเลย แต่เขามีความสามารถ ไม่เหมือนใครบางคนคุยโวเป็นอย่างเดียว”

“ฟางผิง นายก็แนะนำตัวเองกับทุกคนหน่อยสิ” หลี่เจิ้น พูดขึ้นอย่างมีชัย

ฟางผิงเขย่าข้อมือเล็กน้อย และพับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย จงใจเผยให้เห็นนาฬิกา วาเชอรอง คองสตองแตง มูลค่ากว่า 200,000 ที่สวมอยู่ตรงข้อมือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์เจ้าสำราญ