ซุปเปอร์เจ้าสำราญ นิยาย บท 44

บทที่ 44 น้ารองตระกูลจาง

“นี่หรือว่าลูกรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขาแล้ว?”พูดขึ้นอย่างไม่แยแส “เขามาเกาะพวกเรากินอยู่ตั้งสองปี ซื้อบ้านให้พวกเราสักหลังมันก็สมควรแล้ว!ลูกไม่ต้องรู้สึกติดหนี้บุญคุณเขาหรอก”

“ไอ้เด็กคนนี้มันช่างคิดจริงๆ รู้ตัวว่าเงินพวกนี้เป็นเงินที่ต้องพึ่งพาลูก ก็เลยเอาของของคนอื่นมาให้เป็นการตอบแทนน้ำใจ ลูกอย่าคิดนะว่าหลินอิ่งใจดีซื้อบ้านให้พวกเราน่ะ”

ลู่หย่าฮุ่ยมองจางฉีโม่พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง“เขาก็แค่ปูทางให้ตัวเองเท่านั้น กลัวว่าตอนที่หาเงินจากบริษัทพอมีปัญหาขึ้นมา ก็จะได้ให้ลูกออกหน้าปกป้องเขายังไงล่ะ”

จางซิ่วเฟิงพูดอย่างคิดวิเคราะห์“หลินอิ่งเด็กคนนี้อยู่เป็นจริงๆ เป็นผู้ช่วยได้ไม่นานก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ขนาดนี้ ถือว่ามีพรสวรรค์คนหนึ่งเลย”

“พรสวรรค์อะไรกัน? ถ้าไม่ได้อยู่กับฉีโม่ของพวกเรา เขาก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ต้องกลับไปขายของปิ้งของย่างข้างถนนตามเดิม”ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างเย้ยหยัน

“ลูก อย่ามัวแต่อุดอู้อยู่กับการออกแบบสินค้า ต้องรู้จักไปพัฒนาความสัมพันธ์กับบุคลากรด้วย”ลู่หย่าฮุ่ยพูดอย่างมีหลักเกณฑ์“ลูกดูสิ ขนาดผู้ช่วยของลูกเองก็หาเงินไปด้วย ผูกมิตรไปด้วยเลย ลูกเป็นถึงผู้อำนวยการก็ต้องรู้จักออกหน้าออกตัวบ้าง ไม่เป็นไร ยังไงก็อย่าลืมว่าต้องเด็ดขาดกับหลินอิ่งบ้าง ยับยั้งควบคุมเขาบ้าง อย่างน้อยต้องให้เขาซื่อสัตย์เวลาอยู่ต่อหน้าเรา”

จางฉีโม่รู้สึกหมดคำพูด นี่พูดไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเนี่ย?

พ่อแม่คงจะยังไม่เข้าใจดีพอ แต่ในใจของเธอรู้ดีว่า หลินอิ่งมีเงินเก็บอยู่ไม่น้อยเลย

“เอาล่ะ ย้ายบ้านใหม่ครั้งนี้เสร็จ จัดข้าวของในบ้านให้เข้าที่เข้าทางแล้ว พวกเราต้องจัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่กัน เชิญสหายญาติมิตรมาดื่มฉลองกันสักหน่อย!”ลู่หย่าฮุ่ยพูดขึ้นด้วยความปลื้มปริ่มดีใจ

“ไม่เลว นานแล้วที่ตระกูลของพวกเราไม่ได้จัดงานมงคล”จางซิ่วเฟิงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น

……

สองสามวันที่ผ่านนี้ สองสามีภรรยาของตระกูลฉีโม่ยุ่งอยู่กับเรื่องการจัดงานขึ้นบ้านใหม่ แถมเชิญสหายญาติมิตรมาด้วย จัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นที่ร้านอาหารสุ่ยหยวนในละแวกนั้น

ในวันงานเลี้ยงฉลอง หลินอิ่งอยู่ในงานไม่นาน ดื่มไปแค่สองสามแก้วก็กลับแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นญาติทางฝั่งนั้นของลู่หย่าฮุ่ย หรือว่าเพื่อนสนิทของจางซิ่วเฟิงทางฝั่งนี้ เขาก็ไม่รู้จักสักคน

แถมทั้งสองสามีภรรยานี้ ก็ไม่ได้จะเต็มใจให้ตัวเองเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้สักเท่าไร

หลินอิ่งก็เลยกลับมานั่งสมาธิพัฒนาจิตอยู่ที่บ้านให้รู้แล้วรู้รอดไปดีกว่า

เสิ่นซานโทรศัพท์เข้ามา

“ท่านหลิน งานที่ท่านมอบหมายให้ก่อนหน้านี้ วันนี้ซูนเหิงติดต่อผมมาแล้วครับ”ในสาย พูดขึ้นอย่างเคารพนบนอบ

หลินอิ่งถามขึ้น“ซูนเหิงบอกว่ายังไง?”

“ซูนเหิงถามว่าทำไมผมถึงไม่ส่งคนไปจัดการกับท่านท่านหลิน ผมบอกเขาว่าไม่มีเวลามาทำเรื่องอะไรพวกนี้ เลยตอบปฏิเสธไป” เสิ่นซานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เขาบอกว่าจะเพิ่มเงินให้ผม แถมยังอยากจะให้มาเจรจากันซึ่งๆหน้าด้วย”เสิ่นซานค่อยๆพูดขึ้น “ท่านหลิน จะให้ผมนัดเขาออกมา แล้วสั่งสอนเขาสักหน่อยไหม?”

“ไม่ต้อง”หลินอิ่งพูดขึ้นนิ่งๆ“แบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรซูนเหิงเป็นคนของตระกูลซูน ถ้าเกิดฉันจะจัดการกับเขา ก็จะไปจัดการที่ต้นตอของเขาเลยดีกว่า”

“ท่านหลินท่านหมายความว่าอะไร? ท่านจะทำการกำราบตระกูลซูน?”เสิ่นซานถามขึ้นอย่างระมัดระวัง ในใจยังไม่อยากจะเชื่อ

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ชัดว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของหลินอิ่งมีอำนาจอิทธิพลอะไร

แต่เขารู้จักตระกูลซูนของเมืองชิงหยูนตระกูลยักษ์ใหญ่และเก่าแก่นี้ดี!

ท่านเสิ่นซานแห่งเมืองหนานเฉิง ผู้นั่งอยู่ตำแหน่งสูงสุดของเมืองหนานเฉิง แบบเขา จะต้องจัดการกับตระกูลรองแบบตระกูลจางถึงขนาดที่เหยียบให้จมดินก็ยังได้

แต่ถ้าจะต่อกรกับตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองชิงหยูนอย่างตระกูลซูน ลำพังตัวเสิ่นซานคนเดียวคงจะแพ้ราบคาบแบบไม่ต้องสงสัยแน่ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์เจ้าสำราญ