CRAZY LOVE คลั่งรัก | SM25 นิยาย บท 90

EP.90 CRAZY LOVE คลั่งรัก ♥

ตอน ความจริง

"แต่ทุกอย่างมันจะถูกต้องเร็ว ๆ นี้แหละ..."

เฟรนด์ชิพพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฟาเรนก็ไม่ได้ใส่ใจจะฟังใด ๆ

ฟุ่บ!!

ฟาเรนปล่อยคอเสื้อของเขาอย่างหัวเสียที่อีกฝ่ายไม่คิดสู้กลับหรือต่อกรใด ๆ กับเขาเลย ต่อยไปคนตรงหน้าก็เหมือนจะไม่ได้รู้สึกรู้สาใด ๆ

"ถูกต้องงั้นเหรอ?"

ฟาเรนถามกลับไปพร้อมกับเบะปากใส่ทันที

"ที่ถูกคือมึงต้องไปอยู่ในคุก ไม่ใช่มานั่งตำแหน่งประธานอยู่แบบนี้เฟรนด์ชิพ!"

ฟาเรนตะโกนใส่หน้า พร้อมกับผลักแผ่นอกของพี่ชายออกไปเต็มแรง

"อยากรู้เหมือนกันนะว่าคู่หมั้นพี่จะรู้สึกยังไง ถ้าเขาตื่นขึ้นมาแล้วจำได้ว่า…คนที่ฆ่าแฟนเขาตายคือใคร?"

คนเป็นน้องต้องการจะพูดอะไรก็ได้ให้คนที่ได้ฟังเจ็บปวดและรู้สึกผิดมากที่สุด เพราะฟาเรนคือคนรับผิดแทนเฟรนด์ชิพในวันนั้น

เพราะเขาอายุไม่ถึง 20 ปี และได้รับโทษน้อยกว่า ซึ่งวันที่ประสบอุบัติเหตุ เป็นวันก่อนหน้าที่เฟรนด์จะต้องขึ้นรับตำแหน่งประธานบริษัท

"…."

เฟรนด์ชิพเม้มปากแน่นอย่างพูดอะไรไม่ออกเลยจริง ๆ

เขาเอาแต่นิ่ง ๆ ก้มหน้าลงอย่างน้อมรับต่อความเกลียดชังและโกรธแค้นของคนตรงหน้า เพราะเขาเองก็เกลียดตัวเองอยู่ไม่น้อยเลย

"ขอโทษ"

เฟรนด์ชิพไม่ปฏิเสธอะไรทั้งนั้นนอกจากเอ่ยขอโทษ

"กองคำขอโทษของมึงเอาไว้ตรงนี้แหละ"

ฟาเรนตะโกนด่าอย่างไม่ลดความโมโหลงเลยแม้แต่น้อย

"แล้วไง...ที่มึงเรียกกูมาวันนี้เพื่อจะซ้ำเติมเรื่องที่มึงทำลายความฝันของกูได้สำเร็จใช่ไหม?"

ฟาเรนเดินเข้าไปประชิดตัวเฟรนด์ชิพอีกครั้ง ความสูงที่เท่า ๆ กัน สองพี่น้องสายเลือดเดียวกันจ้องมองกันและกันราวกับศัตรู

ฟาเรนมองไปที่พี่ชายตัวเองอย่างเคียดแค้น ขณะที่เฟรนด์ชิพมองน้องตัวเองอย่างลำบากใจ

"เปล่า"

เฟรนด์ชิพส่ายหน้าเบา ๆ

"ถ้ามึงไม่ทำ อาวินเทอร์จะขอระงับโพรเจกต์ที่ทำร่วมกันของกูไปก่อนแบบนี้เหรอ"

ฟาเรนตะคอกใส่พี่ชายตัวเองราวกับเด็กน้อยที่โดนขัดใจ

"ที่โพรเจกต์มันถูกระงับ เพราะมึงยังไม่ทำอะไรให้มันถูกต้องทั้งหมดต่างหาก"

เฟรนด์ชิพตอบไปด้วยใบหน้านิ่ง ๆ

"ที่ดินนั้นยังเป็นชื่อของพ่ออยู่ แล้วพ่อเราก็ยังคงดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Home Land อยู่"

เฟรนด์ชิพตัดสินใจอธิบายไปอย่างใจเย็น

"แน่นอนว่าชื่อมึงคือผู้รับมรดกก็จริง แต่พ่อเรายังไม่ตายนะเว้ย"

"นั่นหมายความว่า ถ้ามึงอยากจะทำอะไรพ่อก็ควรจะเห็นด้วยซะก่อน"

เฟรนด์ชิพพยายามอธิบายเหตุผลตามหลักความเป็นจริง

"ไม่ใช่มาเสี่ยงคิดเองทำเองคนเดียวแบบนี้โดยที่ไม่ปรึกษาใครเลย"

"ส่วนเรื่องอาวินเทอร์ เขาก็แค่ขอระงับโพรเจกต์ของมึงไปก่อนเพราะเขายังไม่มั่นใจว่าพ่อของเราจะอนุญาตให้เขาร่วมลงทุนในพื้นที่ของตัวเองหรือไม่...และมึงก็ไม่ได้บอกกับเขาว่าที่ดินตรงนั้นมันชื่อพ่อ"

เฟรนด์ชิพพยายามบอกกับน้องชายหัวร้อนที่มองเขาพร้อมกับกำหมัดแน่น

"เลิกทำอะไรแบบเด็ก ๆ ซะที"

"ถ้าคิดว่าตัวเองแน่ คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันดีพอก็แสดงออกมาสิ เผชิญหน้าและสู้เพื่อมันแบบซึ่ง ๆ หน้าไปเลย"

เฟรนด์ชิพเอ่ยเสียงดังกร้าวใส่หน้าของน้องชายตัวเองที่ยืนโกรธหน้าดำหน้าแดงอยู่

"สู้งั้นเหรอ?"

ฟาเรนส่ายหน้าและมองพี่ชายตัวเองอย่างไม่พอใจ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายต้องการพูดยั่วโมโหเขา เพราะเขารู้ดีว่าพ่อไม่มีทางเห็นด้วยกับเรื่องต่าง ๆ ที่เขาตั้งใจทำ

"พ่ออะ ยังไงก็อยู่ฝั่งมึง"

ฟาเรนกำหมัดแน่น อยากจะซัดเข้าหน้าพี่ชายไปอีกที แต่ก็พยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

"ยังไงเขาก็ช่วยมึงไง...อะไรที่มึงพูดเขาก็เห็นด้วยทั้งหมดนั่นแหละ" ฟาเรนตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน

"ถ้ามึงอยากจะใช้ชื่อพ่อ หรือเรื่องมรดกต่าง ๆ มาบีบบังคับกูมากขนาดนี้"

ฟาเรนล้วงไปหยิบกุญแจรั้วสนามแข่งรถที่เพิ่งจะปรับปรุงตกแต่งเสียค่าเสียหายไปหลายสิบล้าน เขากำกุญแจเอาไว้แน่นจนแทบจะบาดเข้ามือ…

"ถ้าอยากได้ที่ดินตรงนั้นมากนัก มึงก็เอาไปดิ"

ฟาเรนตวาดใส่หน้าของเขาก่อนจะปากุญแจประตูรั้วเข้าสนามแข่งรถใส่เฟรนด์ชิพไปด้วยความโกรธจัด

"พ่อแม่งก็รักแต่มึงนั่นแหละ อะไร ๆ ก็ให้มึง ๆ"

"มึงมันเก่งไปทุกเรื่อง ทำอะไรก็ไม่เคยผิดเคยพลาด"

ฟาเรนระบายความในใจออกไปจนหมด

"ขนาดมึงขับรถไปชนคนตายอะ ...คนที่รับผิดแทนยังเป็นกูเลย!"

ฟาเรนระบายออกไปอย่างเจ็บใจ และมันเหมือนเป็นแผลเป็นภายในใจว่าพ่อไม่ได้รักเขาเท่ากับพี่ชายสักนิดเดียว

"พ่อจำใจทำแบบนั้น ก็เพื่อครอบครัว เพื่อบริษัทเรานะเว้ย"

เฟรนด์ชิพพยายามจะอธิบาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางรับฟัง

"ไม่มีบริษัทของเรา มีแต่ของพี่คนเดียวต่างหาก"

ฟาเรนกระแทกเสียงกลับไปอย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน

หลังจากที่พวกเขาทั้งคู่ฟาดฟันกันอยู่สักพักใหญ่ ๆ จนสุดท้ายฟาเรนก็ยอมถอดใจเรื่องสนามแข่ง

เพราะถ้าจะให้งัดข้อกับทั้งพี่ชายทั้งพ่อ เขาก็หมดปัญญาแล้วจริง ๆ

อีกอย่างที่ฟาเรนคิดจะยอมถอย เพราะเขาไม่มีใครอีกคนที่คอยให้กำลังใจข้างสนามอีกแล้ว เขาไม่เหลืออะไรแล้ว

เหลือแค่แม่คนเดียวเท่านั้นที่รักและเข้าใจเขา ซึ่งการทะเลาะกับพ่อและพี่มันคงไม่ใช่เรื่องดีต่อแม่เช่นกัน

ก๊อก ๆ ๆ

ทันใดนั้นจู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาแทน

เพราะในทุก ๆ แผ่นจะมีโน้ตสรุปย่อ ๆ เขียนข้อดีข้อเสียของโพรเจกต์เอาไว้ทุกแผ่น วัตถุประสงค์ การคาดการณ์ต่าง ๆ ซึ่งมันคือแผนที่ฟาเรนวางเอาไว้จริง ๆ เธอแอบฟังและจดจำได้ทุกรายละเอียด

ทุกคนในห้องประชุมล้วนแต่เป็นนักลงทุนรายใหญ่ของบริษัท แต่ฟาเรนก็คือฟาเรน เขาไม่มีความเกร็งความกลัวหรืออายใด ๆ ต่อหน้าคนมากมาย

ลูกชายคนเล็กของประธานบริษัทเดินไปหยุดยืนกลางที่ประชุม ก่อนจะเริ่มอธิบายโพรเจกต์สนามแข่งรถของตัวเขาเองอย่างตั้งใจ

เขามองไปทางเฟรนด์ชิพที่นั่งฟังด้วยสายตาที่ภาคภูมิใจในสิ่งที่น้องชายกำลังทำอยู่อย่างน่าประหลาดใจ

ฟาเรนอธิบายต่อว่า โพรเจกต์แข่งรถนี้สามารถไปไกลได้ถึงระดับโลก และถ้ารวมยอดซื้อขายบัตรเข้างานในแต่ละครั้ง จัดงานแค่สามปีก็สามารถคืนทุนให้เทียบเท่ากับการขายบ้านจัดสรร

แต่สิ่งที่ดีไปกว่านั้นคือ สนามแข่งรถนี้ยังสามารถหาเงินต่อไปได้เรื่อย ๆ

ซึ่งแม้มันจะไม่ได้มาเป็นก้อนใหญ่ แต่ถ้าสำหรับการลงทุนในระยะยาว มันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม และยิ่งตอนนี้มีบริษัท THE WINNER บริษัทขายรถส่งออกอันดับหนึ่งมาร่วมออกบูทและลงทุนร่วม และได้ติดต่อทีมงานแข่งรถระดับโลกหมดแล้ว

ถ้ามัวแต่ทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ แต่เรื่องของบ้าน ๆ บางทีบริษัทอาจจะไม่สามารถก้าวไปเปิดมุมมองใหม่ ๆ ได้เลย

ซึ่งทุกคำพูดของฟาเรน เป็นที่ฮือฮามาก ๆ ในหมู่นักลงทุน หลังจากที่ฟาเรนพูดจบลง ในหมู่นักลงทุนจึงแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่ายทันที เริ่มมีเสียงพูดคุยกันดังกระหึ่มขึ้น

"แล้วแบบนี้ คุณเฟรนด์ชิพมาเก็บเงินลงทุนเราเพื่อจะนำไปทำหมู่บ้านจัดสรร แต่วันนี้ดันจะมาเปลี่ยนเป็นสนามแข่งรถแบบนี้โดยไม่ปรึกษาก่อน ผมว่ามันชักจะยังไง ๆ นะครับ"

นักลงทุนคนหนึ่งมีท่าทีไม่ค่อยพอใจ และเขาก็คือตัวตั้งตัวตีที่คิดจะฟ้องร้องทางบริษัท

"ที่ผมมาในวันนี้ก็เพื่อเสนออีกโพรเจกต์หนึ่งให้นักลงทุนหลาย ๆ ท่านได้ลองพิจารณาดูกันอีกที แต่ถ้าคุณเห็นว่าโพรเจกต์หมู่บ้านจัดสรรของพี่ชายน่าจะให้ผลประกอบการได้ดีกว่า คุณก็แค่เสนอแนะมาก็เท่านั้น"

ฟาเรนสวนกลับไปทันทีอย่างตรงไปตรงมาและแน่วแน่ จนทำให้หลาย ๆ คนในห้องทึ่งในภาวะผู้นำ ความคิด ความอ่านของเขา

แม้ว่าจะเพิ่งเจอฟาเรนเป็นครั้งแรก แต่เรียกว่านักลงทุนหลาย ๆ คนก็ล้วนแต่ประทับใจอยู่ไม่น้อย รวมไปถึงคนเป็นพ่ออย่างไฟนอลที่นั่งฟังโพรเจกต์ของลูกชายไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป

"ผมพอจะเข้าใจนะว่านักลงทุนหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ค่อยไว้วางใจในตัวของฟาเรนสักเท่าไหร่ เพราะแกยังมือใหม่อยู่"

พ่อของเขาลุกขึ้นพูดออกหน้ารับแทนลูกชายคนเล็กทันที

"แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นว่า สนามแข่งรถนี้จะต้องสร้างรายได้ให้กับบริษัท HL ของเราอย่างมหาศาล เพราะฉะนั้นถ้าหากพวกคุณคนไหน บริษัทไหนอยากจะร่วมลงทุนก็ขอให้บอกกันตั้งแต่วันนี้"

"สำหรับหุ้นต่าง ๆ ที่ลงกันมาในโพรเจกต์บ้านจัดสรร ผมสามารถทำเอกสารเปลี่ยนแปลงให้ได้ทั้งหมด"

ประธานบริษัทผู้กุมอำนาจสูงสุดพูดขึ้นอย่างเสียงดังฟังชัดเจน

"แต่ถ้าหากท่านใดไม่ประสงค์ร่วมลงทุน อยากจบง่าย ๆ ก็แค่มารับลงทุนคืนไปเต็มจำนวน หรือสอง...ไปฟ้องเอาคืนและเจอกันในชั้นศาล"

ไฟนอลพูดขึ้นแค่เพียงเท่านั้น ทั้งห้องประชุมที่วุ่นวาย ๆ อยู่นั้นก็เงียบกริบและตั้งใจฟังเขาอย่างใจจดใจจ่อ ไม่มีใครเอ่ยขัดหรือโวยวายเรื่องฟ้องร้องใด ๆ เฟรนด์ชิพกับไฟนอลจึงหันมองหน้ากันและพยักหน้ารับทันที

"ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ปิดการประชุมเพียงเท่านี้แล้วกันนะ"

ประธานใหญ่กล่าวปิดประชุมทันที

หลังจากที่ทุกคนเดินออกไปจนหมด ก็เหลือแค่ พ่อ พี่ชาย และเขาเพียงสามคนเท่านั้น

"เดี๋ยวเราไปคุยกันส่วนตัวหน่อยนะลูก"

ไฟนอลเอ่ยนัดหมายลูกชายอีกสองคนเพื่อให้ตามไปเจอกันที่ห้องทำงานของเขา

@ห้องทำงานไฟนอล

"ทำแบบนี้กันทำไม?" นั่นคือคำแรกที่ฟาเรนพูดหลังจากที่ก้าวเข้าไปในห้อง

"กูกำลังจะไปสารภาพกับทางตำรวจเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วไง"

จู่ ๆ เฟรนด์ชิพก็เอ่ยขึ้นมากด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

"นี่มึงบ้าปะเนี่ย?" ฟาเรนตกใจกับสิ่งที่เขาพูดอยู่ไม่น้อยเลย

"เฟรนด์ชิพ พี่อย่าโง่ได้ปะ!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: CRAZY LOVE คลั่งรัก | SM25