บทที่ 131 พ่อฉันคือฉางหงเทียน
เซ็นสัญญาโอนบริษัทอย่างเบลอๆ ซ่งเทียนซานเร่ขายหลงเถิงกรุ๊ปอย่างเป็นทางการ
หลังจากเซ็นสัญญาเรียบร้อย ซ่งเทียนซานยังคงตกตะลึงกับเฟิ่งหวงอยู่อย่างนั้น
เขาคิดจนหัวจะระเบิดก็คิดไม่ออกว่าเฟิ่งหวงเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ไม่เพียงแต่จะมีบัตรทองสวิส อีกทั้งยังมีการ์ดดำหัวกะโหลก
ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงมาเป็นบอดี้การ์ดให้คนไม่เอาไหน
แววตาของซ่งเทียนซานขุ่นมัว เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครไปแล้ว
เฟิ่งหวงมองแวบเดียวก็รู้ว่าซ่งเทียนซานกำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆ แววตาของเธอก็ฉายแววการดูหมิ่นยิ่งขึ้นไปอีก
เขาต้องนึกว่าบัตรสองใบนี้เป็นของเธอแน่ๆ
ที่จริงแล้วบัตรสองใบนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของรองหัวหน้า
บัตรทองได้มาจากบ้าการค้า ส่วนการ์ดดำหัวกะโหลกได้มาจากหัวหน้าสาวของแก๊งโครงกระดูก เธอต้องการขอบคุณรองหัวหน้าเลยมอบให้แบบเป็นข้อยกเว้น
ถ้าจะให้เล่าที่มาที่ไปของทั้งสองคน คงจะยาวอย่างแน่นอน เรียกว่าเป็นของขวัญแทนใจเพียงฝ่ายเดียวจะได้ไม่ถือว่ามากเกินไป ตั้งแต่รองหัวหน้าปลดประจำการและกลับมาที่ประเทศ ทั้งสองก็ติดต่อกันน้อยมาก
ถังเฉาเก็บสัญญาและมองซ่งเทียนซานอีกครั้ง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “นายลืมอะไรไปหรือเปล่า”
ซ่งเทียนซานโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และแผดเสียงออกมาว่า “ฉันยกหลงเถิงกรุ๊ปให้นายแล้ว นายยังจะเอาอะไรอีก”
“ยังมีสัญญาโอนบริษัทโอ้ซิน”
ถังเฉาเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อนายใช้ชื่อของหลงเถิงกรุ๊ปซื้อกิจการบริษัทโอ้ซิน ก็ถือว่าบริษัทโอ้ซินอยู่ในเครือของหลงเถิงกรุ๊ปแล้ว ตอนนี้ฉันซื้อหลงเถิงกรุ๊ปทั้งบริษัท ถ้าพูดตามเงื่อนไขแล้ว บริษัทโอ้ซินก็ถือเป็นของฉัน”
“นาย…”
ซ่งเทียนซานเบิกตาโพลง เขาโกรธจนหายใจไม่ออก
มาจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แก้แค้น
ถังเฉากำลังแก้แค้นที่เขาซื้อกิจการบริษัทโอ้ซิน จึงใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งโดยการซื้อหลงเถิงกรุ๊ป
ถึงในใจของเขาจะค้านหัวชนฝา แต่ทว่าซ่งเทียนซานก็โอนบริษัทโอ้ซินให้ถังเฉา
ใครใช้ให้เขาซื้อโดยไม่ใช้ชื่อส่วนตัวกันล่ะ?
ไปๆ มาๆ ซ่งเทียนซานไม่เพียงแต่จะไม่ได้บริษัทโอ้ซิน หนำซ้ำยังเสียหลงเถิงกรุ๊ปไปอีกด้วย
“ถ้าเกิดว่าลูกพี่ลูกน้องของนายรู้ว่านายทำผลงานอะไรไว้บ้าง เธอจะต้องตอบแทนนายอย่างดีแน่นอน”
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ถังเฉาก็พูดทิ้งท้ายเอาไว้และออกมาจากหลงเถิงกรุ๊ป
ระหว่างที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวลงมา ถังเฉาพูดเนิบๆ ว่า “เอาหลงเถิงกรุ๊ปกลับมาได้แล้ว แล้วทางบริษัทผลิตยาหงเทียนเป็นยังไงบ้าง”
เฟิ่งหวงหัวเราะ “รองหัวหน้าวางใจเถอะค่ะ ฉางหงเทียนหนีไม่พ้นหรอกค่ะ หลัวปู้เรียกประชุมใหญ่สมาชิกเพื่อที่จะลงโทษฉางหงเทียน”
“ภายในวันนี้จะไม่มีบริษัทผลิตยาหงเทียนอีก!”
“ประชุมใหญ่สมาชิกเหรอ…”
ถังเฉาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มบางๆ “เราไปแอบสังเกตการณ์กันดีกว่า”
“ค่ะ!”
…...
หลังจากผ่านไปสิบนาที เฟิ่งหวงขับรถมาจอดที่ลานจอดรถใต้ดินของอาคารต้าชาง และเดินมาที่หน้าประตูพร้อมกับถังเฉา
เอี๊ยดดด
รถเบนซ์ MPV สีดำเคลื่อนตัวมาจอดตรงหน้าของทั้งสองคน ประตูรถถูกเปิดออก ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบกริบเดินลงมาจากรถและเดินไปที่ประตู
เขาคือฉางเซ่าเฟิง ลูกชายของฉางหงเทียน
ถังเฉาหรี่ตาลง เขายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “โจโฉยังไม่ถึง ลูกชายของโจโฉก็มาถึงก่อนแล้ว”
เฟิ่งหวงสีหน้าราบเรียบ “ลูกชายของฉางหงเทียนแล้วยังไง อาคารต้าชาง ไม่ใช่ลูกค้าที่ไหนจะเข้าไปได้”
เป็นไปตามคาด เมื่อฉางเซ่าเฟิงกำลังจะเดินเข้าไป รปภ.ร่างกายบึกบึนคนหนึ่ง เข้ามากันเขาเอาไว้ “หยุดนะ จะทำอะไร!”
เมื่อเห็นรปภ. ธรรมดาๆ กล้าที่จะรั้งเขาไว้ ฉางเซ่าเฟิงก็พูดอย่างโมโหว่า “พ่อฉันคือวีไอพีชั้นกลางของสมาคมการค้าหงยิง แกกล้าขวางฉันเหรอ!”
“ขอโทษด้วย ถึงคุณจะเป็นคนในครอบครัวของวีไอพีก็เข้าไปไม่ได้ครับ”
แต่ทว่า สีหน้าของรปภ. ยังคงเย็นชา “ที่นี่คือสมาคมการค้าหงยิงสาขาของพื้นที่หมิงจู มีเพียงสมาชิกและลูกค้าเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้”
แน่นอนว่าลูกค้าของที่นี่คือคนใหญ่คนโตในธุรกิจด้านต่างๆ แน่นอนว่าคุณชายผู้ลากมากดีอย่างฉางเซ่าเฟิงไม่ได้นับรวมอยู่ในนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม