ตระกูลหลวงตระกูลหลินรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของถังเฉาและหลินชิงเสว่ดี
ภายในห้องรับแขกคฤหาสน์ เว่ยหมิงจวินนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ
จากนั้นเป็นหลินจ้าวหยูน หลินอิ่น และถงเจิน รวมถึงสมาชิกสำคัญคนอื่นในตระกูลหลิน
ราวกับกำลังรอข่าวบางยอ่าง
ตอนนี้ข่าวยังมาไม่ถึง เว่ยหมิงจวินเหลือบมองหลินจ้าวหยูนพลางถาม “จ้าวหยูน หลายวันนี้ไปบริษัทหลักแล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
ตั้งแต่ถูกเลื่อนตำแหน่งมาเป็นเจ้าหญิงเพียงคนเดียวของตระกูลหลิน หลินจ้าวหยูนก็ถูกส่งไปอบรมที่บริษัทหลักภายใต้ตระกูลหลินตั้งแต่วันถัดมา
หากอยากนั่งตำแหน่งผู้จัดการที่อสังหาริมทรัพย์หงหย่วนแห่งตระกูลหลินให้มั่นคง จะต้องมีความสามารถเหนือคนทั่วไปให้มาก
หลินชิงเสว่ทำได้ดีแน่นอน น่าเสียดายที่เธอไม่ถูกกับเว่ยหมิงจวินประหนึ่งน้ำกับไฟที่ไม่ยอมกัน คนหลังไม่ยอมให้คนหน้าขัดอนาคตอันเกรียงไกรของเธอหรอก
ความสามารถของหลินจ้าวหยูนเทียบกับหลินชิงเสว่แล้วออกจะด้อยกว่าหน่อย จึงต้องเสริมเองในภายหลัง หลายวันมานี้เธอเข้าอบรมจากแผนกต่างๆที่บริษัทหลัก แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลยสักนิด
หลินจ้าวหยูนมีสีหน้าเหนื่อยล้า เธอฝืนยิ้ม “เยี่ยมมากเลยค่ะแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
คิดไม่ถึงว่าเว่ยหมิงจวินหน้าขรึมขึ้น สีหน้าดุดัน “ฉันจะไม่เป็นห่วงได้ยังไง แกเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลหลิน ไม่สำเร็จก็พัง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพิ่มเวลาอบรม!”
“แม่-----”
สีหน้าหลินจ้าวหยูนเปลี่ยนไปอย่างมาก สายตาหวาดผวา และโกรธเคืองด้วย
“หุบปาก!”
คิดไม่ถึงว่าเว่ยหมิงจวินตะคอกเสียงดัง สายตามีแสงเย็นเยียบที่หลินจ้าวหยูนไม่เคยเห็นเปล่งประกายอยู่ “แกมีสิทธิ์โอดครวญว่าเหนื่อยหรอ รู้มั้ยว่าทำไมแกถึงสู้พี่สาวแกไม่ได้? เพราะแกไม่มีความตระหนักว่าต้องทำลายกฎเกณฑ์เก่าๆจึงจะสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาได้! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ชาตินี้ทั้งชาติแกก็ไล่ตามพี่สาวแกไม่ทัน!”
“.......”
ดังนั้น หลินจ้าวหยูนไม่พูดอะไรอีก ชั่วขณะที่เธอก้มหน้า มีน้ำตารื้นขึ้นมา
หน้าเธอเต็มไปด้วยความน้อยใจ
เธอมองนกที่โบยบินอย่างอิสระนอกหน้าต่าง เธออยากจะหนีไปจากที่นี่จังเลย
จากนั้น เว่ยหมิงจวินถามไถ่เรื่องภายในตระกูลของตระกูลหลวงต่างๆ และชี้แนะวิธีรับมือบ้าง
ระหว่างที่พูดคุยกัน สีหน้าเธอเคร่งขรึม แสดงถึงความเป็นผู้นำของตระกูล
ร่างเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะตื่นเต้น
เธอแต่งเข้าตระกูลหลิน ก็เพื่อนาทีนี้ในวันนี้ไม่ใช่หรือ?
เธอรักความรู้สึกที่กุมอำนาจใหญ่ไว้ในมือ รู้สึกดีมากจริงๆ
น่าเสียดาย ที่เธอเป็นเพียงตัวแทน
“ผู้นำ!”
ขณะนั้น มีบ่าวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาที่ประตูอย่างรวดเร็ว
เขาถือรายงานเล่มหนึ่งไว้ในมืออย่างระมัดระวัง
"นี่คือข้อมูลที่ท่านต้องการ."
ได้ฟังปุ๊บ เว่ยหมิงจวินสายตาแข็งทื่อไปทันที "เอามานี่"
ก่อนหน้านี้เธอใช้ให้หลินอิ่นและถงเจินไปสืบความสัมพันธ์ระหว่างถังเฉาและบ้าการค้า เพิ่งได้ข่าวตอนนี้นี่แหละ
เว่ยหมิงจวินตั้งใจอ่าน อ่านไปอ่านมา สีหน้าของเธอก็เลื่อนลอยไปพักหนึ่ง
จากนั้น ใบหน้าสะสวยของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
"ไอ้ถังเฉานี่ บังอาจหลอกพวกเรา!"
เธอตวาดเสียงดัง เว่ยหมิงจวินโยนรายงานในมือลงพื้นอย่างแรง
หลินอิ่น หลินจ้าวหยูนและคนอื่นๆสะดุ้งโหยงกันหมด ไม่รู้ว่าทำไมผู้นำถึงโมโหขนาดนี้
พอเก็บขึ้นมาอ่าน หลินอิ่นก็เอ๋อไป
"นี่มัน นี่มันเป็นไปไม่ได้!"
"พวกเขา มีความสัมพันธ์กันแบบนี้เองหรอ!"
หลินอิ่นยืนให้ถงเจินอ่าน ถงเจินอุทานเสียงหลงออกมาทันที "ถังเฉาเป็นคนช่วยชีวิตบ้าการค้าไว้หรอนี่?"
ข้อมูลถูกเก็บมาเป็นกอง แต่ข้อที่สะดุดตา ที่สุดกลับเป็นเรื่องที่ห้าปีก่อนบ้าการค้าเคยเป็นขอทาน ต้องเผชิญกับทั้งความหิวและความหนาว ในขณะที่กำลังจะถูกขอทานคนอื่นกระทืบตาย ก็ได้ชายหนุ่มคนหนึ่งช่วยไว้ เขาก็คือถังเฉา
เนื้อหาหลังจากนั้น ก็คือถังเฉาเอาข้าวหอมร้อนๆถ้วยนึงให้บ้าการค้า ทำให้บ้าการค้าไม่อดอยากจนตาย
"นี่มัน..... นี่มัน....."
"ไหนบอกว่า ถังเฉาเป็นอาจารย์ของบ้าการค้าไม่ใช่หรอ ทำไมถึงกลายเป็นผู้มีพระคุณล่ะ?"
ทุกคนรู้สึกยากจะเชื่อ
เว่ยหมิงจวินหน้าตาอึมครึมจนแทบจะมีสายฝนเทลงมา
“ฉันว่าแล้ว ไอ้ขยะนั่นจะไปมีความสามารถอะไรไปเป็นอาจารย์ของบ้าการค้า? มิน่าล่ะ ก็แค่ดวงดี บุญคุณข้าวถ้วยเดียว”
“ส่วนเรื่องการเรียกอาจารย์ ถ้าไม่ใช่พวกเขาเตี๊ยมกันไว้ก่อน ก็เพราะบ้าการค้าเรียกผู้มีพระคุณของตัวเองว่าอาจารย์ ตามคนสมัยโบราณ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม