ข้าพเจ้าไม่ยินยอม
ในพื้นที่บริเวณงาน สี่คำที่ดังออกมาในทันทีนี้เอง
เสียงเพลงมาร์ชแต่งงานยังคงบรรเลงไป เสียงยิงพลุและดอกไม้ไฟยังดำเนินต่อ แต่ผู้คนทั้งบนเวทีและข้างล่างรอบเวทีทั้งหมด ต่างงงกันตาแตก
โตกันมาถึงขนาดนี้ พวกเขาก็เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกที่มีคนพูดว่าไม่ยินยอมในพิธีแต่งงาน
ถังหลินบนเวทียืนเซ่อ เย่จงซือก็ตะลึง แม้ตัวเย่หรูอี้เองก็ยืนงง
‘ดิฉันยินยอม’ เป็นคำที่หล่อนเตรียมจะพูดต่อแล้ว คิดไม่ถึงว่ามีใครไม่รู้มาพูดแทน
ส้วบ สัวบ ส้วบ
บรรดาแขกเหรื่อในงานพอดึงเอาสติกลับมาได้ ต่างพากันมองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก หาคนที่พูดสี่คำนี้ออกมา
สีหน้าแต่ละคนอยู่ในอาการแบบทองไม่รู้ร้อน ต่างหวังรอดูฉากสนุกตอนต่อไป
นี่เป็นงานแต่งงานธรรมดาทั่วไปเสียเมื่อไหร่ เป็นถึงงานของตระกูลเย่กับตระกูลถังสองตระกูลหลวงเลยเชียว
ค้นดูทั่วประวัติของตระกูลหลวงในเยี่ยนตู มีใครไหนเลยที่จะเหิมเกริม กล้ากระทั่งมาแย่งชิงเจ้าสาวสะใภ้ตระกูลถัง
ไม่เฉพาะคนทางฝั่งตระกูลเย่จะโกรธ ด้านฝ่ายตระกูลถัง ก็กวาดมองรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกอึมครึม
“คุณปู่ครับ จะใช่คุณถังหรือเปล่า?”
ถังฮันเจี๋ยเกิดฉุกคิดอะไรขึ้นมาในฉับพลันนั้น ถามถังเหนียนหู่ด้วยสีหน้าจริงจัง
พวกเขาเหล่าตระกูลถัง หลังจากสวามิภักดิ์กับถังเฉาแล้ว ก็ไม่คิดจะให้มีงานแต่งงานครั้งนี้ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ สุดท้ายก็ไม่สามารถยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ไปได้
นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การแต่งงานเป็นไปตามกำหนด อีกทั้งยังมีข่าวการตายของถังเฉา
ความจริงแล้วถังฮันเจี๋ยไม่คิดเชื่อว่าถังเฉาตาย ถ้าถังเฉาไม่ตาย การบุกเข้ามาชิงตัวเจ้าสาว จึงเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไป
แต่ทว่า ถังเหนียนหู่นิ่งใคร่ครวญพักหนึ่ง กลับส่ายหัว “ไม่ใช่คุณถัง”
“ไม่ใขคุณถัง?”
ถังฮันเจี๋ยมีสีหน้างุนงง
ไม่ใช่ถังเฉา แล้วนั่นจะเป็นใครได้นะ?
เฟิ่งหวงก็อยู่ในภวังค์ครุ่นคิด กวาดสายตาที่คมเฉียบ มองไปรอบด้าน
ในข้อเท็จจริง ขณะที่มีเสียงพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ยินยอม’ ดังออกมา ด้วยสัญชาตญาณ เฟิ่งหวงก็ก้มมองยังรองหัวหน้า
แต่ทว่า เสียงนั้นไม่ได้ออกไปจากถังเฉา
เขาไม่ใช่คนประเภทจะบุกชิงเจ้าสาวกันตรง ๆ แบบนั้น อย่างน้อยต้องมีการวางแผน และดำเนินการได้อย่างรอบคอบ
เย่หรูอี้กลับดูเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างลุ่มลึก
อีกด้านหนึ่ง เย่จงซือสีหน้าน่าเกลียดมาก
“ใคร?เหิมเกริมขนาดนี้ กล้ากระทั่งจะมาเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเย่ของข้า”
ถึงเวลานี้ เขาก็ไม่สนใจแล้วว่าตัวเองกำลังทำหน้าที่พิธีกรในงานแต่งงาน มือที่ถือไมค์ กรอกเสียงเครียดดังลั่น
ถังหลินยิ่งโกรธจนเนื้อเต้น เส้นเอ็นบนหน้าผากปูดเขียว จะมีอะไรน่าละอายให้เลวร้ายเท่าการถูกแย่งตัวเจ้าสาวในงานแต่งงาน?
แต่ทว่า ในบริเวณเห็นแต่หัวคนขยับ ไม่เห็นมีใครออกเสียง ยิ่งกว่านั้นก็คือไม่มีใครก้าวยืนออกมารับ
พรึบ!
ในทันใดนั้นเอง ไฟสว่างในบริเวณงานดับพรึบลง
“เฮ้ย.......”
วูบเดียวนั้นพากันมองไม่เห็นแม้แต่ห้านิ้วตัวเอง พาเอาแขกเหรื่อทีมางานตื่นผวากันไปหมด
ยิ่งกว่านั้นยังเอะอะด้วยเสียงกรีดร้องของบรรดาแขกสตรีเพศ
ฟ้าว!
ปึง ปง ปัง!
ท่ามกลางความมืด ทุกคนต่างได้ยินเสียงแผดก้องเหมือนสายลม
ทุกคนต่างพากันแตกตื่น ทั่วทั้งบริเวณงาน ตกอยู่ในความวุ่นวายในฉับพลัน
“ทุกคนอย่าแตกตื่น มันมีคนไปตัดสายไฟของโรงแรม จะจัดการให้เรียบร้อยในทันทีนี้!”
เย่จงซือคอยพยายามประกาศขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
เย่เซ่าเตี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ อึ้งงงไปพักหนึ่ง ทันทีก็เหมือนได้เข้าใจในเหตุการณ์ หัวเราะออกอย่างไม่มีเสียง
“งานแต่งงานนี้ กลายเป็นมีเรื่องให้สนุกซะแล้ว......”
ทันใดนั้น เย่จงซือเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“เจ้าสาว!ระวังเจ้าสาวไว้!”
พรึบ!
พอพูดขาดคำ แสงไฟในบริเวณงานสว่างคืนสภาพเดิม
ความมืดหมดไป ความสว่างเข้ามาแทน
เสียงอึงคะนึง เสียงกรีดร้องหายไปในพลัน
แต่ทว่า พอทุกคนได้มองขึ้นไปบนกลางเวที คนทั้งหมดเซ่อไปตาม ๆ กัน
เจ้าสาวหละ?
นอกจากพิธีกรเย่จงซือบนเวที กับเจ้าบ่าวถังหลิน เจ้าสาวเย่หรูอี้เหมือนติดปีกบินหายไป
บรูม!
ในทันทีนั้น คนทั้งบริเวณงานส่งเสียงกันฮือฮา
สีหน้าแสดงออกต่างกันไป บ้างตื่นตระหนก บ้างทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว------สรุปได้ว่า มีฉากสนุกให้ดูกันแล้ว
ถังเฉาเองก็ตระหนกตื่นไปชั่วพัก เฟิ่งหวงที่ยืนข้างหลังก็งงเซ่อ
หล่อนก็ยังได้เคยเห็นงานแต่งงานที่เจ้าสาวหายตัวไป!
“มันเป็นใครกันแน่?”
เฟิ่งหวงพูดฟังเองพึมพำ
นิ่งขรึมไปพักใหญ่ ถังเฉาหัวเราะขึ้นเสียงเรียบ ๆ “นอกจากเขาแล้ว คนอื่นไม่มีทางจะทำได้เด็ดขาด”
“จัดการค้นหาออกมาให้ได้!”
เย่จงซือกับถังหลินต่างโกรธกันเป็นฟืนเป็นไฟ ตะคอกเสียงออกคำสั่ง “ปิดทางเข้าออกทั้งโรงแรม ถึงจะต้องขุดพลิกพื้นโรงแรม ก็ต้องหาเจ้าสาวกับไอ้มือที่สามออกมาให้ได้!”
ฮือ ฮู ฮา!
ในทันทีนั้น เหล่าบรรดาบอดี้การ์ดของตระกูลเย่ระดมกำลังออกมาหมด ปิดบล็อกทั่วทั้งโรงแรม
……
ในขณะเดียวกันนั้น ท่ามกลางความมืดตรงทางเดินระหว่างตึก
ชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
เย่เทียนหลงกับเย่หรูอี้ กำลังวิ่งตามทางระหว่างตึกอย่างไม่คิดชีวิต
เย่หรูอี้ขยับขาก้าววิ่ง----เกิดมาจนโตป่านนี้ ยังไม่เคยวิ่งได้เร็วขนาดนี้
เหมือนว่าข้างหลังฟ้ากำลังถล่มภูเขากำลังทะลายซือนามิถั่งโถมไล่มา ดั่งว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสิ้นโลกปานนั้น
ฟ้าว ฟ้าว ฟ้าว!
สองข้างหู คงมีแต่เสียงหวีดหวิวของลมกระหน่ำ
เย่หรูอี้เคยคิดแต่ว่าเพียงใช้สมองของหล่อนก็สามารถโลดเล่นไปได้ทั่วจักรวาล คนทั้งปวงต้องสยบกลัวหล่อนอย่างจริงใจ
แต่มาถึงตอนนี้แล้วจึงได้พบว่า ตัวเองนั้นไม่มีใช่เลยสักอย่าง
โลกใบนี้ คงยังต้องให้ผู้ที่แข็งแกร่งเป็นที่ได้รับการยกย่อง----ตัวหล่อนเองก็คงยังเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
แต่ก็นั่นแหละ นั่นดูเหมือนก็ไม่เห็นมีตรงไหนไม่ดีเลยนะ?
ตอนเริ่มแรก เย่หรูอี้ให้รู้สึกว่าตัวของตัวเองเบาโล่ง ได้ปล่อยวางสัมภาระต่าง ๆ ลง จนดูเหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไป ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำ
ตอนนั้นเองที่หล่อนรู้สึกเบิกบานใจ ใบหน้าเต็มด้วยความดีใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม