หลังจากที่ถังเชียนเชียนได้ยินประโยคดังกล่าวของถังเฉา เธอก็ยิ้มหน้าบานราวกับเด็กที่ได้รับอมยิ้ม
เพียงแต่ว่าถังเชียนเชียนที่ไร้เดียงสายังไม่ทราบความขัดแย้งภายในของตระกูลถัง ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นคนของตระกูลถังที่ถังเฉารับมาคนแรก ได้สู้เพื่อสายพระจันทร์ ถังเชียนเชียนจึงไม่รอช้าที่จะโอ้อวดให้คนรอบตัวฟังทันที
หากคำพูดเหล่านี้ถูกพูดต่อหน้าศิษย์พี่น้องของตระกูลถังก็คงไม่มีอะไร แต่ข่าวลือดังกล่าวไปถึงหูของผู้อาวุโสของตระกูลถังอย่างรวดเร็ว
“ ว่าไงนะ! ไอ้เด็กนั่นจะต่อสู้เพื่อสายพระจันทร์และยังพาถังเชียนเชียนเข้าร่วมทีมของเขาด้วย? ”
ข่าวนี้แพร่กระจายไปถึงหูของเหล่าราชวงศ์แห่งตระกูลถังที่เป็นสายอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความโกลาหลในทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลถังรู้สึกแปลกใจใดๆ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนคือ การที่ถังเฉาตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อสายที่เกือบจะหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้อยู้แล้ว
หากเป็นเช่นนั้นจริง มันจะเป็นผลให้อีกสามสายสูญเสียกำลังที่มีประสิทธิภาพไป และเพิ่มศัตรูขึ้นมาอีกคน เห็นได้ชัดว่าบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลถังมิอาจยอมรับเรื่องแบบนี้ได้
เพียงแต่ว่าก่อนที่ผู้อาวุโสของตระกูลถังจะจัดการกับเรื่องนี้ ข่าวลือบางอย่างก็แพร่กระจายในหมู่ศิษย์พี่น้องของตระกูลถังอีกครั้ง
วันนี้ ถังเชียนเชียนฝึกศิลปะการต่อสู้ที่สนามตามเช่นเคย
ตามหลักแล้ว ทุกคนในครอบครัวถังมีสิทธิ์ในการฝึกซ้อมมวยภายในชนิดนี้ของครอบครัวถังอยู่แล้ว แต่ตอนที่ถังเชียนเชียนกำลังฝึกซ้อมอยู่นั้น ก็มีผู้หณิงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอและมองหน้าถังเชียนเชียนแล้วพูดว่า
“ เธอเป็นองค์รัชทายาทของสายพระจันทร์ในตำนานใช่ไหม? ต้องรู้ว่าสายพระจันทร์เป็นสายที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วทำไมเธอยังมาฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้ที่ต่ำต้อยนี้กับเราอีกล่ะ? ”
“ เราไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาทแห่งสายพระจันทร์อย่างเธอหรอก เธอไปฝึกที่อื่นเถอะ จะได้ไม่ต้องถูกพวกเราขัดจังหวะเหมือนตอนฝึกตรงนี้ ”
“หากถังเชียวของคุณรู้เรื่องนี้เข้ามันจะไม่กลายเป็นเรื่องโตเหรอ?”
คนที่พูดจาก้าวร้าวคนนี้เป็นถังฉู่ฉู่ซึ่งเป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลถัง
ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วถังฉู่ฉู่คนนี้เหมือนเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสา แต่ถ้าสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว ก็จะสามารถมองเห็นล่องลอยของความดุเดือดรุนแรงจากสายตาของเธอได้
และเธอเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของสายฟ้า ซึ่งเป็นสายที่สามัญที่สุดในตระกูลถัง
เห็นได้ชัดว่าถังเชียนเชียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ในการโต้เถียงของผู้หญิงเหล่านี้ แม้จะรู้ดีว่าถังฉู่ฉู่กำลังเยาะเย้ยตัวเองอยู่ แต่ถังเชียนเชียนก็ทำอะไรไม่ได้
ถังเชียนเชียนที่ไม่มีทางเลือกทำได้แค่เดินถอยออกมาและไปฝึกซ้อมกับศิษย์พี่น้องคนอื่นๆ
แต่แม้ว่าเธอจะทำเช่นนี้มันก็มิอาจสู้การบุกโจมตีของทุกคนได้
สาเหตุนั้นไม่ได้เป็นเพราะว่ารูปลักษณ์ของถังเชียนเชียนไม่น่ารัก แต่เเป็นเพราะเหล่าศิษย์พี่หลงใหลความงามของถังเชียนเชียน แต่ถังเชียนเชียนกลับไปเป็น ศิษย์น้องของถังเฉา ดังนั้นความหึงหวงของพวกเขาจึงทำให้พวกเขาปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้
“ เธอนี่ก็ตลกเนาะ! มีศิษย์พี่น้องตั้งมากมายสามารถให้เธอเลือกมาฝึกทักษะได้ แต่เธอกลับเข้าร่วมทีมของคนขี้โกง แถมยังช่วยกันปกป้องสายพระจันทร์อะไรนั่นอีก ถามจริงเถอะ เธอรู้หรือเปล่าว่าสายพระจันทร์คืออะไร? ”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการเตือนถังเชียนเชียน เพื่อบอกให้ถังเชียนเชียนรู้ว่า ผู้ยอดฝีมือคนสุดท้ายของสายพระจันทร์นั้นอนาถเพียงใด
แต่มองกลับไปที่ถังเชียนเชียน ถังเชียนเชียนแน่วแน่อย่างมากราวกับว่าคำพูดของคนรอบตัวไม่มีผลกระทบต่อเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ถังเชียนเชียนพูดกับคนกลุ่มนี้ด้วยความโกรธว่า
“ พลังงานของแต่ละสายย่อมมีเหตุผลการดำรงอยู่ของมันเอง ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณพูดสักหน่อย และฉันฝึกวิชาของสายพระจันทร์แล้วไง? ฉันเป็นคนของสายพระจันทร์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ”
เมื่อพูดอย่างนั้น เบ้าตาของถังเชียนเชียนก็แดงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปากของเธอเพียงคนเดียวไม่สามารถที่จะสู้คำพูดนับพันคำของคนอื่นได้หรอก เมื่อเผชิญกับการใส่ร้ายและเยาะเย้ยของผู้คน ถังเชียนเชียนมิอาจยับยั้งความโกรธในใจได้ แต่ถึงกระนั้น เธอจะทำอย่างไรกับมันได้ล่ะ ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม