คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 56

ขณะที่ภายในงานเลี้ยงเกิดเรื่องราววุ่นวายอยู่นั้น ภายในห้องรับรองของตำหนักองค์ชายรองก็กำลังเกิดเรื่องราวเช่นกันแต่เป็นเรื่องราวเร่าร้อนบนเตียง สองร่างเปลือยเปล่ากำลังขยับโยกสะโพกอย่างเมามันด้วยฤทธิ์ของสุรา หานเฟิ่งอวี่ถึงแม้จะเมามายด้วยฤทธิ์สุราแต่เขาสามารถรับรู้การกระทำทุกอย่างของตนเอง ต่างจากร่างบางใต้ร่างของตนที่ดูเหมือนว่านางจะโดนยาปลุกกำหนัดรวมเข้ากับสุราจึงทำให้นางขาดสติ การร่วมรักครั้งแรกของนางนั้นเร่าร้อนเสียจนเขาเผลอทำรุนแรงไปบ้าง

“อ่า..แรงอีกเจ้าค่ะ” เสียงใสเอ่ยบอกบุรุษที่กำลังกระแทกสะโพกใส่ตนเองด้วยน้ำเสียงกระเส่าเร่าร้อน โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุรุษผู้นี้เป็นใครเพราะภายในห้องนี้มันมีดมากมีเพียงแสงจากตะเกียงที่ตั้งเอาไว้แต่ก็ไกลจากที่ตนเองอยู่ตอนนี้มาก จึงทำให้มองใบหน้าบุรุษที่ตอกสะโพกใส่อย่างบ้าคลั่งผู้นี้ไม่ชัดเจน แต่ใครจะไปสนใจกันของเพียงให้เขาช่วยปลดปล่อยความอึดอัดภายในร่างกายได้เท่านั้นเป็นพอ

หานเฟิ่งอวี่ไม่ตอบแต่ขยับสะโพกแรงขึ้นตามคำขอนั้น เขาเองก็รู้สึกดีมากเช่นกันที่นางชอบความรุนแรงเช่นนี้ เฟิ่งอวี่ขยับสะโพกทั้งเร็วและแรงจนร่างบางใต้ร่างกระเด้งขึ้นตามแรงของตน ดอกบัวขาวสองดอกตรงหน้ากระเพื่อมไปมาอย่างเย้ายวนจนเขาต้องลงไปสัมผัสด้วยปากร้อนของตน เพียงไม่นานสองร่างก็กระตุกเกร็ง พร้อมกับแก่นกายอันใหญ่โตปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นใส่ถ้ำบุบผาจนล้นเอ่อออกมา

“อืม..” สองเสียงประสานกันอย่างสุขสม จากนั้นเฟิ่งอวี่ก็รีบถอนแก่นกายออกทันที ในขณะที่ร่างบางกำลังนอนหายใจหอบถี่ เขารีบลุกขึ้นหยิบอาภรณ์ขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ ขณะที่กำลังสวมใส่อาภรณ์อยู่นั้นองครักษ์ของตนก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับชายแปลกหน้าอีกหนึ่งคน

“เอามันขึ้นไปบนเตียงให้จัดการปรนเปรอนางแทนข้าเพราะดูแล้วท่าทางคืนนี้นางยังต้องการทั้งคืนเป็นแน่ ด้านนอกเรียบร้อยดีใช่หรือไม่ มีใครรู้เห็นเรื่องนี้หรือเปล่า” หานเฟิ่งอวี่เอ่ยถามคนของตน

หานเฟิ่งอวี่ไม่ใช่คนโง่ที่มองไม่ออกว่านี่คือการจัดฉากฉากหนึ่ง เขาเริ่มแน่ใจเมื่อเห็นร่างบางขององค์หญิงสี่เดินเข้ามาภายในห้อง คล้ายมีคนจงใจและวางแผนเอาไว้อย่างดี อีกอย่างหนึ่งก็คือนางไม่มีสติเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด

หานเฟิ่งอวี่จึงจัดการซ้อนแผนสั่งให้คนของตนไปหาแพะมารับผิดชอบในครั้งนี้ ส่วนตนเองนั้นย่อมไม่พลาดสาวงามในครั้งนี้จึงรีบจัดการอย่างเร่งรีบและรวดเร็ว

“องครักษ์ที่เฝ้าหน้าตำหนักกระหม่อมจัดการหลอกล่อออกไปจึงทำให้พวกมันไม่ทันได้เห็นขอรับ”

“ดี..เรารีบไปกันเถิดก่อนที่จะมีใครเข้ามาเห็น” หานเฟิ่งอวี่เอ่ยบอกคนของตนแล้วหันไปมองสองร่างที่ตอนนี้เริ่มนัวเนียกันอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง หญิงสาวนั้นโดนวางยาปลุกกำหนัดอยู่ก่อนแล้ว ส่วนชายหนุ่มนั้นเป็นคนของเขาที่วางยาแล้วนำตัวมาที่นี่ ไม่รู้ว่าการกระทำนี้จะเป็นแผนการของผู้ใด แต่อย่างน้อยเขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการเปิดบริสุทธิ์หญิงสาวเรื่องนี่ถือว่าโชคดีแล้ว

ทั้งสองร่างกระโดดออกจากห้องไปทางหน้าต่างแล้วเร้นกายหายไปในความมืดกลับตำหนักที่พักของตนเองทันที สองร่างบนเตียงชายหนุ่มที่มาใหม่นั้นเป็นเพียงคนเลี้ยงม้าที่จู่ๆก็ถูกจับกรอกยาบางอย่างแล้วนำตัวมาที่แห่งนี้ มันรู้ว่าเป็นยาอะไรหลังจากได้กลิ่นกายสาวด้านล่าง วันนี้ถึงแม้จะตายมันก็ยอมขอให้ได้ปลดปล่อยแก่นกายอันใหญ่เขื่องของตนบนร่างกายสาวอันเย้ายวนแทนที่จะเป็นม้าอย่างที่เคยทำ

การร่วมรักของคนเลี้ยงม้านั้นรุนแรงและดุดันเพราะความเคยชินจนลืมคิดไปว่าคนที่มันกำลังร่วมรักอยู่นั้นเป็นสตรีบอบบางหาใช่ม้า จนทำให้ร่างบางถึงกับสลบคาเตียงแต่ถึงกระนั้นด้วยฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดชายเลี้ยงม้าก็หาหยุดมือไม่ยังคงเสพสุขกับร่างบางเย้ายวนไม่ยอมปล่อยจนกระทั่ง

“กรี๊ด..” เสียงสตรีกรีดร้องเสียงดังเมื่อเปิดประตูเข้ามาตามคำสั่งของผู้เป็นนาย มู่กุ้ยเฟยยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจคิดว่าแผนของตนสำเร็จเป็นแน่ เพราะเสียงนางกำนัลที่ตนเองสั่งให้เปิดประตูและสั่งให้จุดตะเกียงเพิ่มแสงสว่าง

และเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของบุตรชายก็ต้องตกใจจนแทบเสียสติแข้งขาอ่อนแรงจนทำให้เซถอยหลังไปสองก้าว ส่วนบุตรชายนั้นรีบเข้าไปจับคนที่มันกล้าย่ำยีน้องสาวของตนแทนที่จะเป็นองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหาน ยังไม่ทันที่จะได้ทำการใดก็มีกลุ่มคนอีกหนึ่งกลุ่มเดินเข้ามาภายในห้อง ผู้คนเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนอื่นไกลคือสวามีและบุตรชายของเขากับฮองเฮาที่มู่กุ้ยเฟยเองเป็นคนให้คนไปเชื้อเชิญหลอกล่อพวกเขามาก็เพื่อจะให้เป็นสักขีพยานเพื่อผูกมัดองค์รัชทายาทหานเฟิ่งอวี่และธิดาของตนเอง แต่เหตุใดไม่ใช่องค์รัชทายาทเล่า มู่กุ้ยเฟยไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรในตอนนี้จึงได้แต่เป็นลมล้มพับและหมดสติไปในที่สุด

หนิงฮ่องเต้ถึงกับเข่าอ่อนเช่นกันเมื่อเห็นสภาพขององค์หญิงสี่แต่ก็ยังมีสติสั่งให้เหล่าผู้คนที่เกี่ยวข้องและพบเห็นเรื่องนี้ปิดปากให้สนิทห้ามผู้ใดแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด และจัดการกับชายชั่วที่ย่ำยีธิดาของตนโดยการเอาไปโบยจนตายแล้วนำร่างไปโยนให้แล้งกาจิกกินนอกเมือง

ส่วนองค์หญิงสี่และมู่กุ้ยเฟยถูกนำตัวกลับห้องพักและสั่งตามหมอหลวงมาดูอาการอย่างเร่งด่วนและเป็นความลับที่สุด เมื่อทุกอย่างสงบลงก็ต่างพากันแยกย้ายกลับตำหนักเพื่อพักผ่อน เพราะต่างก็เหนื่อยล้ากันเป็นอย่างมาก…

เช้าวันรุ่งขึ้นเย่วซินเดินทางกลับจวนด้วยรถม้าของจวนแม่ทัพเหอ คนป่วยทั้งสองอาการดีขึ้นจนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพียงให้ยาบำรุงร่างกายเพียงเท่านั้น เย่วซินได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพี่สาวแล้วจากพี่จิ้นฝาน และนางก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมาให้พี่จิ้นฝานฟังเช่นกัน จึงได้ข้อสรุปคร่าวๆว่าคนร้ายมันต้องการกำจัดนางอย่างแน่นอน

เมื่อมาถึงจวนก็รีบเร่งเข้าเรือนตัวเองเพื่อจัดการอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่แล้วเดินมายังโถงหลักที่ตอนนี้มีท่านปู่ พี่เย่วเทียน อาฉีและอิงอิงกำลังนั่งจิบน้ำชาหลังมื้ออาหารอยู่ ส่วนท่านแม่น่าจะกลับเรือนไปแล้วเย่วซินทำความเคารพท่านปู่แล้วรีบเอ่ยทันที

“ท่านปู่เมื่อคืนมีพวกแมลงพิษบุกเข้ามาที่จวนท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยบอก

“จริงหรือ?แล้วทุกคนปลอดภัยดีใช่หรือไม่” ฮุ่ยฉินเอ่ยถามอย่างสนใจ ตนคิดว่าคนร้ายไม่น่าย้อนไปทำร้ายท่านแม่ทัพเพราะเมื่อคืนเหมือนว่าคนร้ายมันต้องการสังหารหลานสาวของเขาเสียมากกว่า แต่เมื่อหันไปมองหน้าหลานสาวก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น

“ปลอดภัยเจ้าค่ะ หลานใช้ขลุ่ยสยบมารจัดการเจ้าแมลงพวกนั้นเสียราบคาบไปเลยเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

“ซินเอ๋อร์เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ” จิวอิงเอ่ยถามน้องสาวเมื่อสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ เพราะตนเองก็มีเช่นกันแต่ก็ทายามาเรียบร้อยแล้วเมื่อเช้านี้ก่อนที่จะทาครีมไข่มุกดำทับอีกที

 เย่วซินเมื่อนึกขึ้นได้ก็ใช้มือเรียวเล็กจับบริเวณแก้มซ้ายของตนที่โดนบางอย่างเฉียดผิวทำให้เกิดเลือดซึมเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนั้นนางทาใบหน้าดำจึงไม่ทันได้สังเกตตัวเองและหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ก็ไม่ได้สนใจส่องกระจกมองตัวเองเพราะรีบมารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านปู่และทุกคนได้รับรู้

“ซินเอ๋อร์หน้าของเจ้าเหตุใดจึงมีรอยแผลเล่า? อ้อ..เป็นแผลเดียวกันกับที่ซินเอ๋อร์ได้รับเมื่อคืนใช่หรือไม่” เย่วฉีเอ่ยถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงห่วงใย และทุกคนก็ดูมีสีหน้าห่วงใยไม่แพ้กัน

“เมื่อคืนเหมือนมีบางอย่างเฉียดผิวหน้าข้าไปทำให้เกิดบาดแผลเล็กน้อยเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่รู้สึกเจ็บเท่าไรนักจึงไม่ได้สนใจ อิงอิงก็มีเช่นกันใช่หรือไม่” เย่วซินเอ่ยบอก นางรู้สึกเจ็บแค่ตอนแรกเพียงเท่านั้น จากนั้นก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกจึงลืมไปเสียสนิท 

“อิงเอ๋อร์ใส่ยาเรียบร้อยแล้ว ซินเอ๋อร์ให้อาฉีดูบาดแผลของเจ้าหน่อยเถิดถึงเพียงน้อยนิดก็อย่าประมาทดีกว่า” เย่วเทียนเอ่ยบอกคนตัวเล็กอย่างห่วงใย เพราะรู้ว่านางไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าไรนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน