แคว้นหาน
หานเสวี่ยถัง จิวอิงและเย่วซินถูกนำตัวมาถึงยังแคว้นหานในช่วงค่ำของวัน ทั้งหมดถูกนำตัวมาขังเอาไว้ในห้องใต้ดินที่ทั้งมืด ทั้งหนาวและสกปรก ทั้งหมดถูกล่ามด้วยโซ่ที่ข้อเท้าเพื่อป้องกันการหลบหนี หานเสวี่ยถังมองหน้าบุตรสาวทั้งสองด้วยแววตาที่เศร้าสลดลงด้วยความสงสารที่พวกนางต้องมาถูกจับตัวและถูกล่ามโว่ตรวนเอาไว้เช่นนี้
“พ่อขอโทษที่ไม่อาจดูแลและปกป้องพวกเจ้าอย่างที่เคยให้สัญญาเอาไว้ได้”
“ท่านพ่ออย่าเอ่ยเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้าดีใจที่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับท่านพ่อ ท่านพ่อจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานคนเดียวเหมือนที่ผ่านมาอีก” จิวอิงเอ่ยบอกบิดาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่นิด
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าดีใจที่ได้อยู่กับท่านพ่อที่นี่ท่านพ่ออย่ากังวลหรือรู้สึกผิดเลยนะเจ้าคะ หากพวกเราจะรอดก็ต้องรอดออกไปด้วยกัน หากพวกเราไม่รอดข้าก็ยินดีเพราะมีท่านพ่ออยู่เคียงข้างพวกเราเช่นนี้” เย่วซินเอ่ยบอกบิดาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ถึงจะเอ่ยเช่นนั้นในใจของตนก็แอบหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย เพราะรู้ดีว่าร่างกายของตนและพี่สาวนั้นไม่มีอะไรสามารถทำให้เจ็บตัวได้เลยแต่กับบิดานั้นไม่ใช่ หากท่านโดนทรมานหรือโดนกรอกยาพิษที่รุนแรงท่านคงไม่อาจรอดชีวิตอย่างแน่นอน เมื่อคิดถึงตรงนี้เย่วซินก็พลันให้รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย
“พ่อรู้ดีว่าร่างกายของพวกเจ้าแข็งแกร่งต่างจากพ่อยิ่งนัก หากพวกเจ้ามีโอกาสก็จงรีบหนีไปถือว่าเป็นคำขอร้องของพ่อจะได้หรือไม่...” หานเสวี่ยถังเอ่ยบอกบุตรสาวทั้งสองของตน เขารู้ว่าร่างกายของพวกนางนั้นสามารถรักษาตนเองได้เพราะใยไหมสีรุ้งที่อยู่ในตัวของจิวอิง แต่สำหรับตนนั้นมันไม่ใช่ สำหรับตัวของเขานั้นถึงแม้จะต้องตายก็ไม่เสียดายชีวิตแต่ขอให้บุตรสาวของเขานั้นมีชีวิตรอดและอยู่ในที่ที่มีความสุขไม่ใช่โดนกักขังและทรมานอยู่ในที่แห่งนี้
“ท่านพ่อ...” ทั้งจิวอิงและเย่วซินต่างขานเรียกบิดาด้วยน้ำเสียงอ่อนลง พลันดวงตาของพวกนางก็เอ่อเต็มไปด้วยม่านน้ำตา
“พวกเจ้าทั้งสองรับปากกับพ่อมา หากเจ้ามีโอกาสเจ้าจงรีบหลบหนีไป รับปากพ่อมาสิ...” หานเสวี่ยถังพยายามอย่างหนักที่จะให้บุตรสาวทั้งสองยอมรับปากกับตนเอง เพราะเขาเชื่อว่าบุตรสาวทั้งสองคนจะไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้อย่างแน่นอน
“ข้ารับปากเจ้าค่ะท่านพ่อ” จิวอิงเอ่ยรับปากผู้เป็นบิดาก่อนเพราะนางรับรู้ถึงความแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวของผู้เป็นบิดาที่อยากจะปกป้องนางและน้องสาวให้รอดพ้นจากพันธนาการแห่งนี้
“ข้าก็รับปากเช่นกัน” เย่วซินเองก็รับปากบิดาตามพี่สาวเพื่อให้บิดาได้สบายใจเพียงเท่านั้น อย่างไรเสียเมื่อถึงเวลาคับขันขึ้นมาจริงตนก็ไม่ยอมทอดทิ้งบิดาผู้นี้เป็นอันขาดเช่นกัน
“ดีมากพวกเจ้ารับปากแล้วก็ทำตามที่พูดด้วยเข้าใจหรือไม่” หานเสวี่ยถังเมื่อได้ยินคำสัญญาของบุตรสาวทั้งสองก็พลันให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที ที่เขาต้องทำเช่นนี้เพราะในใจคิดว่าตนเองจะเป็นตัวถ่วงของบุตรสาวนั่นเอง
“เจ้าค่ะท่านพ่อ” จิวอิงและเย่วซินเอ่ยขึ้นพร้อมกัน แต่เย่วซินนั้นแอบเอานิ้วชี้และนิ้วกลางไขว่กันเอาไว้ด้านหลังยามที่รับปากบิดา
หานเสวี่ยถังกางแขนของตนออกกว้างเพื่อให้บุตรสาวทั้งสองเข้ามายังกอดแขนของตนเอง ยามนี้เขามีโอกาสได้กอดพวกนางเขาต้องตักตวงเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเขาจะได้มีโอกาสนี้อีกหรือไม่
จิวอิงและเย่วซินสวมกอดบิดาด้วยความรักสุดหัวใจ อ้อมกอดของผู้เป็นบิดานี้มันช่างอบอุ่นเสียเหลือเกิน นั่นยิ่งทำให้เย่วซินไม่ยินยอมที่จะเสียบิดาผู้นี้ไปอย่างแน่นอน และหากคิดไม่ผิดจิวอิงเองก็คิดเหมือนกับตนเช่นกัน
“พ่อลูกช่างรักกันเสียเหลือเกิน...” เสียงของหานเสวี่ยคุณดังมาจากด้านนอกห้องขัง ด้วยน้ำเสียงร่าเริง ไม่เพียงแค่หานเสวี่ยคุณแต่ยังมีหานเฟิ่งฮวา หานเฟิ่งอวี่และเจิ้งจื่อยิ่นที่เดินเข้ามายังห้องขังชั้นใต้ดินแห่งนี้พร้อมกัน
“พวกเจ้า...ใยต้องจับพวกเรามาด้วย ข้าไม่ได้คิดอยากยุ่งกับพวกเจ้าอีกเราต่างคนต่างอยู่มันก็ดีอยู่แล้วใยต้องมายุ่งวุ่นวายกันไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้” หานเสวี่ยถังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน มือทั้งสองข้างกอดกระชับบุตรสาวทั้งสองของตนเอาไว้ด้วยความหวงแหน
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ วันข้างหน้าลูกหลานของเจ้าอาจแว้งมากัดข้าก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นข้าจึงต้องตัดไฟเสียแต่ตอนนี้เพื่อที่มันจะได้ไม่ลุกลามเผาไหม้ข้าในกาลข้างหน้าอย่างไรเล่า” หานเสวี่ยคุณเอ่ยตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน
รอนะคะ อัพต่อหน่อยค่า...