ฉียวี่เจียและกัวเจียงตามเหยียนเวยออกมานอกเมือง
ทั้งสองคนต่างหาจังหวะลงมือ
ใครจะรู้ ฝ่ายตรงข้ามเพียงออกมานอกเมืองเพียงซื้อของแล้วก็กลับเข้าไปในเมืองแล้ว จากนั้นก็นั่งค่ายวาร์ปจากไป
เมื่อพวกเขานั่งค่ายวาร์ปไปยังคูเมืองแล้ว ฝ่ายตรงข้ามเช่าเที่ยวบินเคลื่อนจิตวิญญาณและจะลงมือต่อไป
เมื่อตามต่อเนื่องไป พวกเขาเริ่มรู้สึกได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
“จากทางนี้ไป มิใช่ทางไปเมืองยวี่หลัวหรอกหรือ?”
ฉียวี่เจียถามกัวเจียงด้วยความสงสัย
เพราะตอนที่พวกเขาไปขอความช่วยเหลือที่เมืองเซียวเหยาก็ใช้เส้นทางนี้
กัวเจียงพยักพเยิด เอ่ยขึ้น “หรือชายผู้นี้ก็เป็นตชคนเมืองยวี่หลัว?”
เขาหันกลับไปยังผู้ช่วยเหลือทั้งสาม “พวกเจ้ารู้จักชายผู้นี้หรือไม่?”
ทั้งสามต่างสั่นศีรษะ “แถบหนานโจวนี้พวกข้าไม่ได้รู้จักคนทั้งหมด แต่ก็ได้พบเจอมาบ้าง ชายผู้นั้นหน้าตาคุ้นยิ่งนัก รูปร่างก็ไม่สูง คาดว่าออกมาขายยาให้กับอาจารย์กลั่นยาขั้นสูง”
ยิ่งไปกว่านั้นเหยียนเวยก็เป็นเพียงผู้เฝ้าประตูสำนักเฉียนคุนตัวเล็กๆ เท่านั้น แม้บรรพบุรุษ ต่างๆ จะมีการติดต่อพูดคุยกัน แต่ก็ต้อง
บางคนก็รู้สึกประหลาด สถานที่เล็กๆ อันห่างไกลเช่นนี้ กลับมีอาจารย์กลั่นยาฝีมือฉกาจเทียบเท่าราชาโอสถป๋ายหลี่ ได้อย่างไร?
ต้องรู้เสียก่อนว่า นับจนถึงตอนนี้ ทุกคนต่างรู้ว่า ผู้ที่สามารถกลั่นโอสถไขกระดูกเยือกได้มีเพียงราชาโอสถป๋ายหลี่ ผู้เดียวเท่านั้น
แต่ยาที่เหยียนเวยขายก็เป็นของแท้ นั้นหมายถึงว่ายังมีผู้อื่นที่สามารถกลั่นโอสถไขกระดูกเยือกออกมาได้เช่นกัน
พวกเขาคาดไม่ถึงว่าคือราชาโอสถป๋ายหลี่ กลั่นออกมา เพราะเขาคงไม่มายังที่เล็กๆ เช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น โอสถไขกระดูกเยือกออกมาของเขาบังไม่ได้กลั่นออกมา ต่างก็ถูกผู้คนสั่งจองจนหมดแล้ว จะยังเหลือเพิ่มเติมออกมาเจ็ดเม็ดนี้ได้อย่างไร
วิธีเดียวที่จะอธิบายได้ก็คือมีอาจารย์กลั่นยาที่สามารถกลั่นโอสถไขกระดูกเยือกได้อีก
“พวกเราต้องรีบใช้จังหวะที่เขายังไม่ถึงจุดหมาย ฆ่าเขาทิ้งซะ จะได้ไม่ทำให้อาจารย์กลั่นยาเบื้องหลังเขาขุ่นเคือง!”
กัวเจียงเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ
เขาอิจฉาอยากได้หินทิพย์ของเหยียนเวย ยาเจ็ดเม็ดขายได้เท่ากับหนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านหินทิพย์เกรดรอง ซึ่งเท่ากับ หนึ่งแสนเจ็ดพันหินทิพย์เกรดหนึ่ง
เท่ากับความร่ำรวยก้อนหนึ่งเลยทีเดียว!
ไปเซียนเหอ ละลายเงินได้นานเลย
ยากนักที่จะไม่มีคนอิจฉาเงินก้อนโตเช่นนี้
คนอื่นๆ ก็คิดอย่างเดียวกัน ทุกคนต่างคิดประมวณจำนวนเงินกองนี้ นับว่าสามารถแบ่งออกได้อีกเยอะเลย
“แต่ไม่มีโอกาสเลย!” ฉียวี่เจียเอ่ยอย่างโกรธแค้น “รอบกายเขามีผู้แข็งแกร่งจากแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ถึงหกคน พวกเรามีเพียงสามคนเท่านั้น!”
นางและกัวเจียงต่างเป็นแดนราชาทิพย์ชั้นสูง แต่เมื่อต้องพบกับแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ผู้เข้มแข็ง นับว่ายังห่างชั้นกันนัก เสียเปรียบมากอยู่ทีเดียว
“ต้องมีโอกาสสิ! พวกเราจับตาไว้ดีๆ!”
กัวเจียงเอ่ยขึ้น
ดังนั้นทุกคนต่างตามติดกันมา รอจังหวะให้เหยียนเวยอยู่ตัวคนเดียว
แต่เหยียนเวยจะให้โอกาสพวกเขาได้อย่างไร เขาเพิ่งออกจากเมืองเซียวเหยา ก็รู้แล้วว่ามีคนจับตามอง
โชคดีที่ก่อนเย่จายซิงจะมาก็ให้เขาพายามไว้รักษาต้นตระกูล มิเช่นนั้น การเดินทางครั้งนี้ไม่แน่จะได้กลับไปหรือเปล่า
เจ้าครองเมืองนับเป็นคนที่ไม่เลวเลย เขารักเชิดชูเจินเยว่เอ๋อร์หญิงนางนี้ยิ่งนัก ได้ยินว่าเขาขาดคน ก็ส่งยามจากจวนเจ้าเมืองให้ใช้เป็นเวลาหนึ่งปี
แน่นอนว่า เหยียนเวยต้องให้รางวัลตอบแทนคนเหล่านี้ รับรางวัลจากผู้อื่นก็ต้องชดใช้ ไม่ให้เงิน คนผู้นี้ก็คงทำงานอย่างไม่กระตือรือร้นนัก
ให้หินทิพย์พวกเขาแล้ว พวกเขาต่างทำการสาบานต่อฟ้าดิน
ฉียวี่เจียและกัวเจียงต่างติดตามตลอดเส้นทาง จนถึงเมืองยวี่หลัว
เหยียนเวยแบ่งคนเป็นสามกอง วิ่งแยกเส้นทางล่อในเมือง ตนเองมีอีกสามคนทิ้งไว้คอยปกป้อง กลับไปยังครอบครัวไปหาเย่จายซิง
เย่จายซิงอยู่ในห้องกลั่นยา นางไม่มีอะไรทำ จึงมากลั่นยา
ผู้อาวุโสสามนำสูตรยาขั้นหกจำนวนไม่น้อยออกมาให้นางฝึก ขั้นพื้นฐานนางต่างทำได้หมด
ทว่าสูตรยาที่ผู้อาวุโสสามมี ต่างเป็นสูตรที่รู้จักกันทั่วไป วิธีปรุงไม่ยาก นางจึงอยากรอให้คนไปซื้อสูตรปรุงยาที่ยากอีกขั้นนอกเมืองเซียวเหยามาลองฝึกดูเสียอีก
เมื่อเห็นเจ้าสำนักเดินคลุกฝุ่นกลับมา นางรีบรินชาให้
เมื่อเจ้าสำนักดื่มชาแล้ว ก็เล่าเรื่องราวตลอดเส้นทางให้นางฟังอย่างไม่ปิดบัง
ผู้อาวุโสสามอยู่ข้างหนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เพราะเจ้าสำนักเคราดกครึ้ม เสื้อผ้าดูก็รู้ว่าไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวัน เก้าอี้ที่นั่งอยู่ตอนนี้ เป็นเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่บ่อยๆ
แต่เขาก็อดทนความอยากเรียกเจ้าสำนักไปทำความสะอาดตัวเองไว้ได้
“พี่น้องตระกูลเสวียนปิงทั้งสองคนนั้นที่เจ้าพูดถึง หน้าตาเป็นเช่นนี้หรือไม่?” เย่จายซิงอธิบายลักษณะของฉียวี่เจียและกัวเจียง
เจ้าสำนักพยักเพยิดหน้า “ทำไมหรือ เจ้าเคยพบแล้ว?”
“อืม ไม่กี่วันก่อนพวกเขามายังเมืองยวี่หลัว น่าจะมาเพราะการตายของผู้อาวุโสจู พอดีพบข้าและซินเสียนที่ไปซื้อยา ยังมาพูดคุยกับข้าอยู่เลย”
“ข้าได้จัดคนล่อแยกพวกเขาไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่ในเมืองยวี่หลัวนี้ คาดว่าอีกไม่นานคงรู้ตัวข้า ก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือไม่” เจ้าสำนักเอ่ย
“อย่ากังวลเกินไปเลย ท่านได้เรียกยามจากแดนมหาจักรพรรดิทิพย์มาถึงหกคน พวกเขาอยากจะลงมือก็สิ้นคิดไปนัก”
เย่จายซิงช่วงที่ผ่านมาได้ทำความเข้าใจพลังหลิงเซียวแผ่นดินใหญ่ทั้งหมด และค้นวิญญาณเพิ่มเติมจากความทรงจำของผู้อาวุโสจู
นางพบว่าตระกูลเสวียนปิงและตระกูลอื่นๆ ให้ความสำคัญแต่ครอบครัวใน ไม่ใส่ใจครอบครัวนอก ให้พูดแย่ไปกว่านั้น ผู้อาวุโสและลูกหลานครอบครัวนอกนับว่าเป็นคนอื่น งานหนักงานเบาต่างต้องทำ คนที่มีพรสวรรค์กลั่นยาจริงๆ จะอยู่ครอบครัวใน ครอบครัวในเท่านั้นจึงจะนับว่าเป็นคนสำคัญของตระกูล
เช่นหากมีผู้อาวุโสตระกูลเสวียนปิงครอบครัวนอกสิ้นไป ก็มักจะมีผู้อาวุโสคนอื่นๆ เพิ่มเข้าไป จะไม่กระโตกกระตากเพียงเพราะมีผู้อาวุโสเสียไป
เพียงไม่ฆ่าครอบครัวในอย่างฉียวี่เจียและกัวเจียง ตระกูลเสวียนปิงคงไม่บ้าถึงขั้นส่งคนมาที่ห่างไกลเช่นนี้เพียงเพื่อครอบครัวเล็กๆ หรอก
และยิ่งเมื่อฟังจากความทรงจำของผู้อาวุโสจู เขาซึ่งอยู่ในครอบครัวในเป็นพี่สี่ของตระกูลคงไม่มีเวลาออกจากตระกูลมาหรอก มีเรื่องอื่นที่สำคัญต้องทำมากมาย
“ท่านก็มองว่าพวกเขาเป็นเพียงแมลงวันน่ารำคาญกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ต้องสนใจ พอลูกหลานตระกูลออกไปแล้ว พกเครื่องบูชยามไปด้วย แต่หากไม่ออกไปได้ก็ไม่ควรออกไป ดูแลรักษาร่างกายให้พลังกลับมาก่อนดีที่สุด”
นางเอ่ย
เจ้าสำนักพยักหน้า เรียกเย่เส้าเข้ามารับเรื่องนี้ไปจัดการ
ช่วงนี้ลูกหลานของตระกูลกำลังฝึกฝนอย่างยากลำบาก รากทิพย์ในตัวพวกเขาต่างได้รับการเปลี่ยนแปลง ต่างรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ต่างอย่างฝึกฝนระดับตัวเองให้สูงยิ่งขึ้น
แต่เพราะชี่ทิพย์ของตระกูลไม่เพียงพอ ช่วงนี้หินทิพย์จึงถูกใช้ไปเสียเยอะ
ดีที่เจ้าสำนักเอาหินทิพย์กลับมาเสียเยอะ ลูกหลานในตระกูลสามารถเก็บตัวเข้าฌานได้หลายเดือนเลยอย่างไม่มีปัญหา
เย่จายซิงแม้จะรีบหาความทรงจำ แต่นางเองก็รู้ว่ารีบไปก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นจึงเพียรหาวิธีกลั่นยาใหม่ๆ ลองดูว่าสามารถใช้วิธีกลั่นยาเพื่อหาข้อมูลอื่นๆ ได้หรือไม่
เจ้าสำนักออกไปรอบนี้ ได้ซื้อส่วนผสมใหม่ๆ ให้นางมามากมาย ในนั้นยังมีสูตรยาขั้นเจ็ดรวมเข้ามาอีกหลายใบ
นางมองดูสูตรยาขั้นเจ็ดเหล่านี้ พลันรู้สึกอยากลองขึ้นมา
“ไม่อย่างนั้น ข้าจะลองดูว่าสามารถกลั่นยาขั้นเจ็ดออกมาได้หรือไม่?”
นางเอ่ยกับผู้อาวุโสสามและเจ้าสำนัก
“อ๋า? เจ้าจะฝึกกลั่นยาขั้นเจ็ด?”
เจ้าสำนักที่กำลังจะกลับห้องไปอาบน้ำ พลันหยุดฝีเท้าลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ผู้อาวุโสสามลูบเคราพลางเอ่ย “จริงๆ จะลองดูก็ย่อมได้ พรสวรรค์และความสามารถของจายซิงเก่งกาจนัก อาจบางที เมื่อก่อนนางอาจเป็นถึงอาจารย์กลั่นยาชั้นเจ็ด?”
เมื่อพูดออกมาแล้ว แม้แต่ตัวเองยังไม่อาจจะเชื่อ
คิดไปเมื่อเริ่มต้น เขายังคิดว่านางอาจสูงสุดได้ที่ผู้กลั่นยาขั้นสี่หรือห้า สุดท้ายถูกตบหน้าไปเสียแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา