อันที่จริงหลังจากไตร่ตรองดูแล้ว นภาลัยพร้อมที่จะโรงเรียน และคิดว่าภีมพลคงจะรับปากแชมป์เช่นเดียวกัน
แต่เมื่อเธอเห็นรถลัมโบร์กินี่ เธอก็ยังรู้สึกซับซ้อนในใจเล็กน้อย
ยังไงก็เป็นคนที่เธอรัก รักแต่ครอบครองไม่ได้ก็มักจะทำให้เป็นทุกข์ เธอทำได้เพียงปกปิดความปั่นป่วนภายในเท่านั้น
“พี่กุ้ง คุณโทรไปบอกศิษฎ์หน่อยเถอะค่ะ” นภาลัยครุ่นคิด “ฉันจำเป็นต้องไปโรงเรียนของแชมป์กับภีมพล เพราะเรื่องการบ้าน เราสองคนเป็นพ่อแม่ นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ฉันหวังว่าเขาจะไม่คิดมากนะคะ”
นภาลัยรู้สึกว่าถ้าเธอเป็นฝ่ายเริ่มอธิบายก่อน ไวศิษฎ์น่าจะรู้สึกดีขึ้น
พี่กุ้งพยักหน้า มองตามแผ่นหลังของเธอและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
นำคำพูดเมื่อครู่บอกกับเขา
ขณะนั้นไวศิษฎ์กำลังอยู่ในกองถ่าย
เมื่อได้ยิน เขาก็ขมวดคิ้วด้วยจิตใจที่สับสน
ทุกคนรู้ว่านี่เป็นความจริงและไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
แต่เพื่อประโยชน์ของลูก ภีมพลต้องเกี่ยวข้องกับนภาลัยไปตลอดชีวิตเลยงั้นเหรอ?
เมื่อนึกถึงท่าทางหยิ่งผยองภีมพลที่สั่งให้ลูกน้องมาซ้อมเขา แต่ตัวเองกลับขึ้นรถจากไป
ไวศิษฎ์ยังรู้สึกโกรธเคืองการกระทำนั้นอยู่
สำหรับใบหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ช่างแต่งหน้าที่เก่งที่สุดถูกส่งมาเพื่อแต่งหน้าปกปิดรอยช้ำ
“ผู้กำกับครับ ผมขอเวลาพักสักสามชั่วโมงได้ไหม?” ไวศิษฎ์ไม่ได้กล่าวเหตุผล เขาวางอุปกรณ์ประกอบฉากในมือลงแล้วเดินออกไป
ทิ้งให้นางเอกอย่างเขมินทรายืนอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ “ไวศิษฎ์!” เธอยืนอยู่ที่เดิมอย่างตะลึงงัน
ส่วนผู้กำกับอยากบอกเขาแสดงอีกสักฉาก แต่มันก็ไม่ทันซะแล้ว
ด้านนอกวิลล่าซีเฮฟเว่น
ภีมพลเปิดประตูรถให้เธอ ทั้งสองก็มองหน้ากันสักครู่
นภาลัยเข้าไปนั่งในด้านใน
หลังจากที่ภีมพลขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับ เขาก็รัดเข็มขัดนิรภัยและสตาร์ทรถ
ความเร็วของรถนั้นนุ่มนวลเหมือนกับอารมณ์ของเขาในตอนนี้
แผนเดิมคือการไปนิวยอร์กเพื่อค้นหาความทรงจำ ไปดูสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุและสถานที่ที่เธอเคยไป
แต่ตอนนี้ลูกชายของพวกเขากลับเรียกให้ไปร่วมงานด้วยกัน
“ทำไมคุณถึงทะเลาะกับศิษฎ์?” เธอถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่มันหนักแน่นมากจนกระทบหัวใจของเขา
ศิษฎ์?
เรียกชื่อเฉยๆ เลยงั้นเหรอ?
สนิทสนมกันมากสินะ?
ภีมพลรู้สึกไม่พอใจจึงเหยียบคันเร่ง
รถพุ่งตรงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จนทำให้นภาลัยที่นั่งอยู่ด้านข้างตกตะลึง
“ทำอะไรน่ะ!” เธอหันไปมองใบหน้าที่เย็นชาของเขา “ระวัง! มันอันตรายมากนะ”
“ถ้าจะตายก็ตายไปด้วยกัน” ภีมพลกระซิบ “ยังไงก็เป็นคนที่เคยเกือบตายมากแล้วครั้งหนึ่ง”
“…” นภาลัยพูดไม่ออก เธอจ้องเขาไม่นาน ก่อนจะหันไปมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างโกรธเคือง
เธอยังคงเชื่อในทักษะการขับรถของเขาอยู่ดี
ส่วนเรื่องที่พวกเขาทะเลาะกัน ให้มันจบที่ตรงนี้ เธอจะไม่ถามถึงอีก
ในเวลาเดียวกัน
ญาณีได้รับโทรศัพท์จากไวศิษฎ์
เธอนั่งอยู่ที่หัวเตียงในโรงพยาบาลพลางฟังเนื้อหาในโทรศัพท์ด้วยความไม่อยากเชื่อ “พวกเขาไม่กลัวกันเลยหรือไง? เมื่อวันไปถ่ายรูปครอบครัว วันนี้จูงมือกันไปโรงเรียนอีก อยากมีข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งกันมากสินะ?”
“คุณอยู่ที่ไหน?ผมจะไปรับคุณ” ไวศิษฎ์ระงับความโกรธของเขาไว้ “ไปดูอะไรๆ สนุกกัน”
“ฉัน...” ญาณีลำบากใจ แก้มของเธอยังคงบวมอยู่เล็กน้อย “ฉันต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลครึ่งชั่วโมงน่ะ” เธออยากไปและรอไม่ไหวแล้ว
“งั้นเดี๋ยวผมไปรับ” แล้วเขาก็วางสายไป
ญาณีตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วจึงพูดกับนุชวราอย่างรวดเร็วว่า “เตรียมชุดเดรสให้ฉัน แต่งหน้าให้ฉันด้วย เร็วเข้า”
นุชวราทำตามคำสั่ง ขณะที่บ่นว่า “ทำไมคุณภีมกับนภาลัยถึงไปโรงเรียนล่ะคะ? พวกเขา...ได้ตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?”
ญาณีระงับความโกรธของเธอไว้ “ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ด้วยกันเด็ดขาด ภีมพล ต้องแต่งงานกับฉัน! งานแต่งงานมีกำหนดในวันพุธหน้า เขาหนีไปไหนไม่ได้แน่”
มีความดื้อรั้นแฝงอยู่ในดวงตาของเธอ “ฉันไม่ต้องการหัวใจของเขา! ขอแค่ตัวเขาอยู่กับฉัน และฉันได้เห็นเขาเป็นคนแรกตอนลืมตาตื่นก็พอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก