คะนึงนิตย์ตกตะลึง เธอมองไปยังมือด้านหน้าด้วยความรู้สึกหูอื้อ ก่อนจะเอื้อมมือออไป
ไวศิษฎ์จับมือเธอโดยไม่รู้ตัว
ภีมพลและนภาลัยมองฉากด้วยความประหม่าเช่นกัน
ไวศิษฎ์ถอนหายใจเบา ๆ มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย “ผมจะไม่พูดถึงเรื่องราวในอดีต และหวังทุกคนจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขครับ”
เมื่อปล่อยมือ เขาก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงตามเดิมพลางมองไปยังภีมพลและนภาลัยด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ “ผมขอตัวก่อน ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ”
ขณะที่เขาหันหลังเดินจากไป ภีมพลก็เดินตามไปทันที
แสงจันทร์ส่องแสง นวลราตรีมืดลงทุกขณะ
แสงจันทร์สีขาวส่องลงมาบนพื้นโลก เสียงจักจั่นร้องดังในสวนแห่งนั้น
กลิ่นหอมของราตรีแผ่ซ่านไปทั่ว ถักทอเป็นตาข่ายอันอ่อนนุ่มปกคลุมทิวทัศน์ทั้งหมดภายใน
ไวศิษฎ์หันหลับมามองมองชายที่ตามเขามา
“อุบัติเหตุทางรถยนต์ของพ่อกับแม่ของนายไม่ได้เกิดจากฉัน ” ภีมพลไม่เคยอธิบายเรื่องนี้ แม้ว่าสื่อจะชี้ความผิดทั้งหมดมาที่ตัวเขาในวัย 18 ปี
สิ่งนั้นทำให้ไวศิษฎ์ตกใจมาก หึ คืนนี้มันช่างไม่ธรรมดาจริงๆ
สองพี่น้องมองหน้ากัน
ก่อนที่ภีมพลจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนที่รถเกิดอุบัติเหตุ รถของฉันเพิ่งผ่านเข้าไป นั่นเป็นเรื่องบังเอิญ”
อันที่จริงไวศิษฎ์ไม่สนใจความจริงนี้มานานแล้ว เพราะมันไร้ความหมาย
เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยื่นมือขวาไปหาภีมพลเช่นเดียวกับในห้องนั่งเล่นเมื่อครู่ ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นความคิดเดียวของเขาในตอนนี้
ภีมพลลดสายตาลงและยื่นมือออกไปจับ
อุณหภูมิของฝ่ามือสื่อว่าช่วงเวลานี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง การจับมือสงบศึก
“พี่” ไวศิษฎ์เริ่มพูดก่อน คำเรียกนี้เก็บกดอยู่ในใจของเขามานานหลายปี “ต่อไปทุกคนจะต้องมีความสุขมากๆ นะ”
กระแสความอบอุ่นส่งตรงเข้าไปในใจของภีมพล คำว่า “พี่” มีค่ามากสำหรับเขา
“แน่นอน”
หลังจากจับมือกันสักพัก ไวศิษฎ์ก็ปล่อยมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมต้องกลับแล้ว กรินทร์เร่งผมหลายครั้ง ถึงแม้การใช้ยาตัวใหม่จะทำให้ฟื้นฟูมากขึ้น แต่ก็ต้องคอยสังเกตอาการอยู่ตลอด”
“ขับรถดีๆ ล่ะ”
เขามองดูไวศิษฎ์ขับรถออกไป
นภาลัยยืนอยู่ที่ประตูห้องนั่งเล่น ฉากในสวนสะท้อนเข้ามาในดวงตาของเธอ ทำให้มีน้ำตาเอ่อล้นอยู่เล็กน้อย
เธอเคยวาดฝันวันนี้ แต่เธอไม่คาดคิดว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้
อีกด้านหนึ่ง วริศทำงานล่วงเวลาและนุชวราก็เช่นกัน
แม้จะไม่ได้อยู่ในที่ทำงานเดียวกันแต่ก็มีกำแพงกั้นไว้เท่านั้น
นุชวราจัดการรายงานและจับตาดูสถานการณ์นอกประตู
หลังจากนั้นไม่นาน วริศก็เดินผ่านประตูไป นุชวรารีบปิดคอมพิวเตอร์หยิบกระเป๋าแล้วรีบเดินตามออกไป
ทั้งสองไม่ได้ขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกัน
เวลาสามทุ่มในช่วงค่ำคืน มีคนทำงานล่วงเวลาในบริษัทไม่มากนัก นุชวราอยู่คนเดียวในลิฟต์ จ้องมองไปที่ตัวเลขสีแดงที่ลดลงพร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็ว เธอหวังว่าจะไม่มีใครกดลิฟต์
แต่ลิฟต์ถูกกดและหยุดถึง 3 ครั้ง พนักงานบริษัท 3 คนเข้ามาตามชั้นต่างๆ กัน
เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง นุชวรารีบออกจากลิฟต์ เธอเห็นวริศหายไปที่ประตูกระจกหมุนในล็อบบี้จึงรีบวิ่งตามไป
เธอจำได้ว่าวันนี้รถบัสและรถของเขากำลังเดินทางไปในทิศทางเดียวกัน เธอรู้ทันทีว่าจะต้องอ้างเหตุผลอะไรในการไปกับเขา
“ผู้ช่วยวริศ!”
วริศที่เพิ่งเปิดประตูด้านคนขับ เงยหน้าขึ้นและเห็นนุชวราวิ่งเข้ามา
“คุณพักอยู่ที่ไหน?” หญิงสาวถามอย่างกล้าหาญ “พาฉันไปด้วยได้ไหม?”
วริศพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หมุ่บ้านฟ้าสาง”
ดวงตาของนุชวราเป็นประกาย “ฉันอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดีเลยค่ะ”
วริศเปิดประตูรถ “งั้นขึ้นรถสิครับ”
“ค่ะ” ในขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ เธอก็นึกถึงมารยาททางสังคม ก่อนจะเงยหน้าถามเขาว่า “ฉันขอนั่งที่นั่งข้างคนขับได้ไหมคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก