แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่บทความนี้ค่อนข้างดีทีเดียว อย่างน้อยเฉินชางก็ไม่พบปัญหาอะไร!
แน่นอนว่าสาเหตุอาจเป็นเพราะเฉินชางไม่เคยเขียนวิทยานิพนธ์มาก่อนก็เป็นได้
การจบการศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ในระดับปริญญาตรีไม่จำเป็นต้องเขียนวิทยานิพนธ์ แม้เฉินชางจะเคยอ่านวิทยานิพนธ์ในอินเทอร์เน็ตมาบ้าง แต่เขาคิดว่าวิทยานิพนธ์ที่ฉินเยว่เขียนดีมาก ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือชื่อดูน่าหมั่นไส้เกินไป ไม่สอดคล้องกับนิสัยถ่อมตัวของเขา
เฉินชางพูดขึ้นว่า “คุณจะส่งไปที่นิตยสารไหนหรือครับ?”
ฉินเยว่คิดครู่หนึ่ง “ฉันยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ต้องไปให้อาจารย์ดูอีกครั้งก่อนว่าต้องเปลี่ยนอะไรหรือเปล่า”
เฉินชางถามด้วยความแปลกใจ “อาจารย์ของคุณคือใครหรือครับ?”
ฉินเยว่พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “สวี่โม่!”
เมื่อพูดจบ ฉินเยว่ก็รอให้เฉินชางชมว่าสุดยอด ทว่าเฉินชางกลับชะงักไปเล็กน้อย คิดอยู่นานจึงค่อยถามขึ้นว่า “สวี่โม่คือใครหรือครับ?”
คำถามนี้ทำให้ฉินเยว่โกรธจนลุกขึ้นแล้วเดินหนีไป!
สีหน้าของเฉินชางดูไร้เดียงสายิ่งนัก ก็เขาไม่รู้จักจริงๆ นี่นา…
ตอนเช้าเฉินชางพาหวังหย่งไปผ่าตัดอีกหลายเคส คราวนี้เฉินชางไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง ทำเพียงยืนแนะนำอยู่ด้านข้าง
เฉินชางพบว่าหวังหย่งมีข้อดีไม่น้อยเลยจริงๆ คนคนนี้มีความสามารถสูง ยิ่งไปกว่านั้นยังให้ความสำคัญกับจุดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งยังเรียนรู้ได้เร็วด้วย!
เรื่องนี้ทำให้เฉินชางรู้สึกประหลาดใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผ่าตัดแบบบาดแผลน้อยด้วยการส่องกล้องของเฉินชาง ภายใต้การแนะนำของเฉินชาง หวังหย่งถึงกับเรียนรู้ไปได้เจ็ดแปดส่วนโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ฝีมือในการเย็บแผลของหวังหย่งไม่เลวเลย นี่เป็นข้อดีของพนักงานชั่วคราว
เฉินชางและหวังหย่งไม่เหมือนหวังเชียน อีกฝ่ายมีวุฒิการศึกษาดี ได้สัมผัสกับการผ่าตัดมาตั้งนานแล้ว เมื่อมาที่โรงพยาบาล หมอในแผนกจึงเชื่อมั่นในตัวเขา ส่วนพวกเฉินชางที่เป็นพนักงานตัวเล็กๆ เมื่อมาที่โรงพยาบาลก็ทำแต่งานรักษาและงานพื้นฐานทั่วไป ทำแต่งานง่ายๆ เหนื่อยๆ ที่ไม่ต้องใช้เทคนิคมาก
ดังนั้นในความเป็นจริง ทักษะพื้นฐานของคนเหล่านี้จะดีกว่าพวกหวังเชียนเล็กน้อย ก็เหมือนกับการเย็บแผลที่หวังหย่งทำได้ดีกว่าหวังเชียน
หลังจากผ่าตัดเสร็จหนึ่งเคส หวังหย่งก็เย็บแผลอย่างตั้งใจ เฉินชางพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนกล่าวชม “ทำได้ไม่เลวเลยครับ!”
เมื่อได้ยินคำชมของเฉินชาง หวังหย่งก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นเป็นเท่าทวี เพราะเดิมทีความสามารถนี้ก็ได้มาจากเฉินชาง!
หวังหย่งหัวเราะก่อนจะกล่าวประจบประแจง “เป็นเพราะอาจารย์ชางสอนผมมาดีไงครับ วิธีการจัดการบาดแผลแบบนี้มหัศจรรย์จริงๆ ไม่เพียงแต่จะทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ทั้งยังแทบไม่เห็นรอยแผลเป็นเลย ผมคิดว่านี่คงเป็นจุดเด่นของพวกเรา!”
“ชางเอ๋อร์ เดี๋ยวคุณมีชื่อเสียงแล้ว ผมก็เป็นนักเรียนที่น่าภาคภูมิใจคนแรกของคุณใช่ไหมครับ?”
เฉินชางรู้สึกจนใจกับคำว่า ‘อาจารย์ชาง’ แล้ว…บอกไปเป็นร้อยรอบอีกฝ่ายก็ยังไม่เปลี่ยน
เมื่อได้ยินมากเข้า เขาก็รู้สึกว่ามันเพราะเหมือนกันนะ?
เขายิ้ม ช่วงนี้ทั้งสองมักจะไปผ่าตัดด้วยกันเป็นประจำ ความสัมพันธ์จึงใกล้ชิดกันมากขึ้น
……
……
จะอย่างไรจางโหย่วฝูก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องตับและถุงน้ำดี ย่อมมีคอนเน็คชั่นและทรัพยากรไม่น้อย ตั้งแต่ส่งผู้ป่วยกลุ่มใหญ่ไปให้แผนกฉุกเฉินครั้งที่แล้ว จางโหย่วฝูก็ผ่าตัดมากขึ้น รับผู้ป่วยเข้ามาอีกสิบกว่าคน
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่โรงพยาบาลในเมืองอันหยางส่งมาให้ หากไม่ใช่เคสผ่าตัดที่ยากจนโรงพยาบาลท้องถิ่นทำไม่ไหว ก็เป็นผู้ป่วยที่อยากผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง ทางนั้นจึงส่งมาที่มณฑล
จริงๆ แล้ว แผนกศัลยกรรมทั่วไปมีศักยภาพในการรับผู้ป่วยมาก ทั้งยังมีทรัพยากรสูง เพียงแต่จางโหย่วฝูค่อนข้างเรื่องมากในการรับผู้ป่วย
หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ?
นั่นก็คือผู้ป่วยที่มีปัจจัยอันตรายสูงเขาจะไม่อยากผ่าตัด หรือผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคได้ไม่ชัดเจนเขาก็ไม่เต็มใจรับ
แต่ตอนนี้ในแผนกมีผู้ป่วยน้อย เขาจึงไม่ได้เรื่องมากอีก ทำให้เตียงเต็มก่อนค่อยว่ากัน ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นหัวเราะเยาะได้หรอกใช่หรือเปล่า?
ตอนนี้เตียงเต็มแล้ว แต่ก็มีผู้ป่วยที่มีอาการยากและซับซ้อนมาก ฝีมือของหมอก็ไม่เท่ากัน ในการผ่าตัดถุงน้ำดีธรรมดาเคสหนึ่งก็กลายเป็นมะเร็งถุงน้ำดีไปเสียได้ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึง!
ช่วงนี้โจวเสี่ยวตงไม่ค่อยผ่าตัดถุงน้ำดีมากนักเพราะเรื่องคืนนั้นทำให้เขาตกใจจนขวัญเสีย ตอนนั้นโชคดีที่ได้เจอเฉินชาง แต่หากว่า…หากว่าคืนนั้นเกิดปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไร?
ดังนั้นหลายวันนี้โจวเสี่ยวตงจึงรับผู้ป่วยน้อยมาก และไม่ยอมผ่าตัดผู้ป่วยที่มีผลวินิจฉัยไม่แน่ชัดหรือมีปัจจัยอันตรายมากเกินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ