เมื่อได้ยินการวินิจฉัยของเฉินชาง ผู้หญิงคนนั้นก็ขมวดคิ้ว
“หมอคะ คุณกำลังล้อเล่นอยู่หรือ? พ่อฉันนอกจากจะลำไส้ไม่ค่อยดีแล้ว อย่างอื่นก็สบายดีมาก สามปีก่อนตอนผ่าตัดลำไส้ หมอผ่าตัดเป็นผู้เชี่ยววชาญมาจากโรงพยาบาลประชาชน เขายังบอกเลยว่าพ่อฉันสุขภาพดีมาก เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันรู้จักลำไส้อุดตันเฉียบพลันนะคะ! จะร้ายแรงขนาดนั้นที่ไหนกันคะ?”
เธอรู้สึกไม่อยากเชื่อ กระทั่งมองว่าเฉินชางไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
“ฉันก็เคยเรียนหมอมาเหมือนกัน ตอนนี้ทำงานอยู่ในวงการเภสัชกร ฉันก็เข้าใจเรื่องการแพทย์ ใช่แล้ว คุณหมอ หัวหน้าแผนกของพวกคุณอยู่หรือเปล่าคะ? คือหัวหน้าแผนกหลี่เป่าซานสินะ ฉันก็รู้จักเขานะคะ” คำพูดของเธอตรงไปตรงมามาก เธอกำลังพูดอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อใจเฉินชาง บางทีเธออาจไม่รู้จักหลี่เป่าซานจริงๆ เพียงแค่ยกมาขู่ให้เฉินชางกลัวเท่านั้น แต่ความหมายในคำพูดก็คือต้องการเจอหัวหน้าแผนก ถ้าคุณทำไม่ได้คุณก็หลีกทางไปเสีย ฉันไม่เชื่อใจคุณ!
เมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้เฉินชางก็ต้องถอนใจออกมาโดยพลัน เห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทีและน้ำเสียงถือดีทั้งๆ ที่ไม่รู้เฉินชางก็เข้าใจกระจ่าง คิดว่าคงไม่อาจสนทนากับเธอให้ลึกซึ้งได้มากนัก
เฉินชางส่ายศีรษะ “หัวหน้าแผนกมีผ่าตัดครับ แต่ว่า…คุณผู้หญิง ผู้ป่วยเคยผ่าตัดเปิดท้องมาก่อน ดังนั้นจึงต้องพิจารณาเรื่องลำไส้อุดตันเฉียบพลันด้วยนะครับ”
เธอมองหน้าเฉินชางโดยไร้รอยยิ้ม “เป็นไปไม่ได้ แค่กินเกี๊ยวไปไม่กี่ตัวไม่ใช่หรือ? มันจะรุนแรงขนาดนั้นที่ไหนกัน! ไม่ได้อุจจาระเป็นเลือดสักหน่อย? นี่มันตรรกะอะไร…”
ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างกระอักกระอ่วน!
ฝั่งหนึ่งคือเฉินชางที่ร้อนรนและเคร่งขรึม อีกฝ่ายคือญาติผู้ป่วยที่สงสัยหมอและเชื่อมั่นในตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา
เฉินชางพยายามเป็นครั้งสุดท้าย เขาตรวจสัญญาณชีพและคลื่นหัวใจของชายชราเป็นอันดับแรกแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้อย่าเพิ่งเถียงกันเลยครับว่าเป็นลำไส้อุดตันหรือเปล่า ผมเสนอให้ทำซีทีสแกนดูก่อน ถึงตอนนั้นจะเห็นเอง”
ความจริงคำแนะนำจากอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงวินิจฉัยออกมาแล้วว่าเป็นลำไส้อุดตันเฉียบพลัน แต่เฉินชางบอกแบบนั้นไม่ได้ จึงทำได้เพียงตรวจซีทีสแกนดู
ยิ่งไปกว่านั้น การทำซีทีสแกนส่วนท้องเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก สำหรับคนชราที่มีสภาพร่างกายไม่แน่ชัด และยิ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นลำไส้อุดตันสูงเช่นนี้ การทำซีทีสแกนส่วนท้องจะมีประโยชน์ในการวินิจฉัยเรื่องถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน กระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลัน และไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันด้วย
น่าเสียดายที่ต้องมาเจอลูกสาวผู้ป่วยที่มีความคิดสูงส่งและปราณีต ทั้งยังรู้วิชาแพทย์อีกด้วย
บางครั้งหมอก็กลัวผู้ป่วยที่ “เกี่ยวข้องกับคณะแพทย์” เนื่องจากพวกเขาจะรู้ไปเสียทุกเรื่อง รู้อย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่จริงๆ แล้วไม่เข้าใจอะไรเลย
สิ่งที่คุณควรรู้ก็ไม่รู้ ที่ไม่ควรรู้กลับรู้ เป็นแบบนี้ไม่ดีเลยจริงๆ
เมื่อเธอได้ยินคำว่าซีทีสแกนก็ขมวดคิ้วทันที ก่อนจะกล่าวต่อไปโดยไม่ฟังคำหมอ “เจ้าหนู เขาแค่กินของแสลงจนปวดท้อง เธอกลับจะตรวจกราฟหัวใจ สัญญาณชีพ…ต่างๆ นานา ตรวจไม่เจออะไรก็จะทำซีทีสแกน เดี๋ยวพวกเราต้องตรวจ NMR[1] ด้วยหรือเปล่า ต้องตรวจ PET CT [2]ด้วยหรือเปล่า”
“แค่เป็นลำไส้อักเสบธรรมดา เธอแค่ออกใบสั่งยาให้ก็พอแล้ว”
เฉินชางขมวดคิ้ว “ลำไส้อุดตันอันตรายมากนะครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคุณรับผิดชอบไหวหรือ?”
เธอเลิกคิ้วขึ้น “ฉันเป็นลูกสาวเขา ถ้าฉันไม่รับผิดชอบแล้วใครจะรับผิดชอบ!”
เฉินชางอธิบายอย่างเคร่งขรึมอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่ยอมเปลี่ยนความคิด กระทั่งพูดออกมาว่า “มาๆๆ ฉันจะเซ็นชื่อให้ ผลทุกอย่างในภายหลังฉันจะรับผิดชอบเอง ฉันรับผิดชอบเอง!”
“เด็กอย่างพวกเธอนี่สู้รุ่นก่อนๆ ไม่ได้ขึ้นทุกวันแล้ว ถ้าไม่อาศัยอุปกรณ์จะตรวจโรคไม่ได้เลยหรือไง? ทำนู่นทำนี่อยู่ได้ มิน่าล่ะ ผู้ป่วยถึงได้ด่า ตอนนั้นพวกเรามีเรื่องเยอะขนาดนี้ที่ไหนกัน? ตอนฉันเป็นหมอเธอยังเรียนประถมอยู่เลย!”
ความจริงหมอเป็นอาชีพที่แปลกมาก ตอนที่คนอื่นด้อยกว่าตนจะดูมีมาดมาก แต่เมื่อหมออยู่ที่โรงพยาบาลของตัวเองและสวมชุดกาวน์สีขาว ทั้งๆ ที่เป็นถิ่นตัวเอง แต่กลับต้องแสร้งทำเป็นโอนอ่อน
เฉินชางส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร แม้ญาติคนไข้จะยอมเซ็นชื่อรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเองและบอกว่าเฉินชางไม่มีความสามารถ แต่…ไม่ว่าจะอย่างไรเฉินชางก็ยังพยายามเปลี่ยนความคิดอีกฝ่ายเต็มที่ เพราะถึงอย่างไร…ชายชราก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ชีวิตเป็นสิ่งบริสุทธิ์
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกเรื่องหนึ่ง! หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ ญาติผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีเหตุผลต่างๆ นานาขึ้นมาทันที จะกล่าวออกมาว่า “ก็พวกเราไม่รู้เรื่องเลยมาโรงพยาบาลไง พวกคุณเป็นหมอ หมอก็ไม่รู้อีกหรือไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ