เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ นิยาย บท 15

ป้าเจ้าของห้องพูดต่อไป “พวกเราร่วมมือกันเป็นไง ถ้าเธอรั้งลูกสาวป้าให้อยู่ต่อได้ ไม่ไปต่างประเทศอีก ป้าจะให้เธอเช่าห้องฟรีหนึ่งห้อง!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ป้าเจ้าของห้องก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย “ลูกสาวป้าไม่อยากกลับมาจีน แต่ป้าสุขภาพไม่ดี ปู่ย่าตายายของหล่อนก็ต้องให้ป้าดูแล พวกเราห้าคนก็เหมือนคนแก่โดดเดี่ยว”

“ตอนที่แม่หนูนี่จากไปมีความคิดทะเยอทะยาน ดูถูกเมืองอันหยางของพวกเรา บอกว่าไปที่อื่นมีโอกาสมากกว่า มีโอกาสกับผีอะไรล่ะ ครั้งนี้ป้าอยากรั้งแม่หนูของป้าเอาไว้ ถึงตอนนั้นก็ให้หล่อนเลี้ยงดูจนป้าแก่เฒ่า หาลูกเขยดีๆ สักคน นับว่าใช้ชีวิตสงบสุขได้แล้ว”

“พวกเราก็ไม่ใช่คนที่โลภในทรัพย์สินเงินทองอะไร เดิมทีก็เป็นชาวบ้านตาสีตาสาในหมู่บ้าน ไม่ได้มีความสามารถอะไรมาก แต่ยุคสมัยดี นโยบายดี ทำให้คนแก่อย่างป้าหาเงินได้มากขนาดนี้ ป้าเองก็รู้จักพอ”

ความจริงป้าเจ้าของห้องไม่เลวเลย มักจะดูแลคนเช่าทั้งหลาย แล้วยังไม่ได้เร่งรัดเรื่องค่าเช่าขนาดนั้น คุณมีมาจ่ายก็พอแล้ว

ช่วงวันหยุดเทศกาลยังให้ขนมไหว้พระจันทร์เอยบ๊ะจ่างเอย ถือเป็นคนมีน้ำใจมาก

แต่ลูกสาวป้า หลังจากเรียนจบระดับมัธยมปลายก็ไปต่างประเทศ จะทำอย่างไรก็ไม่ยอมสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ พอดีว่าครอบครัวมีเงินจึงส่งให้ใช้

เป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง!

เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็ชะงักไปครั้งใหญ่!

เฉินชาง นายจะลำพองใจเกินไปแล้ว!

นายถึงกับกล้าสงสารเศรษฐีร้อยล้านเชียวหรือ?

ป้าเจ้าของห้องพูดคุยเรื่องในใจกับเฉินชางเสร็จก็จากไป

ส่วนเฉินชางก็ไม่ได้เก็บไปใส่ใจ ถึงอย่างไรป้าเจ้าของห้องก็มาบ่นกับเขาอยู่บ่อยๆ ชอบคุยเล่นเรื่องในครอบครัวว่ามีอะไรขาดเกินไปบ้าง เฉินชางนิสัยดี ไม่ใช่คนขี้รำคาญ ดังนั้นจึงชินแล้ว

แต่ตอนนี้เฉินชางจำเป็นต้องคิดเรื่องเช่าห้องอย่างจริงจังเสียแล้ว

หมู่บ้านในเมืองจะถูกรื้อถอน ตนจำเป็นต้องหาที่อยู่ใหม่

จะเช่าที่ไหนล่ะ?

ไม่ว่าที่ไหนก็แพง!

เขาดาวน์โหลดแอปห้องเช่ามา พบว่าห้องเช่าใกล้โรงพยาบาลมีค่าเช่าประมาณหนึ่งพันห้าร้อยหยวนขึ้นไป ทั้งยังต้องมีค่าน้ำค่าไฟอีก รวมแล้วหนึ่งเดือนไม่ต่ำกว่าสองพันหยวน!

เฉินชางทอดถอนใจ

ถึงแม้ตอนนี้เขาจะได้รับระบบมา ทำให้มีรายได้เข้ามาทุกวัน แต่ว่า…เฉินชางกลัวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งมันหายไปจะทำยังไง?

คนเราต้องรู้จักลำบากให้ชิน ต้องมีสัญชาตญาณเอาตัวรอด ต้องรู้จักกลัวว่าหากกลับไปสู่จุดเริ่มต้นจะทำอย่างไร

ยามเย็นในขณะว่างๆ เฉินชางมองออกไปด้านนอก พบว่าฟ้าค่อยๆ มืดลงแล้ว ทอดถอนใจออกมา เมืองอันกว้างใหญ่ กระทั่งที่สงบๆ ที่ตนจะอยู่ได้ก็ยังไม่มี

บ้านสร้างเองมักจะมีระเบียงขนาดใหญ่ เฉินชางเดินออกไป มองดอกไม้ไฟและความคึกคักที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งตัวเมือง มองดูตึกสูงระฟ้าประดับไฟระยิบระยับที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร รู้สึกราวกับอยู่กันคนละโลก

ที่นั่นมีสิ่งล่อตาล่อใจและแรงดึงดูดไม่สิ้นสุด ผู้คนพยายามชั่วชีวิต อาจเพราะต้องการหาที่พักในเมืองเอกของมณฑล

เฉินชางเองก็คิดเช่นนี้

ไม่สิ ก่อนหน้านี้เฉินชางไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่าเป็นฝันที่ไกลเกินเอื้อม

ฮ่าๆ…หรือนี่จะเป็นความโศกเศร้าในชีวิตของเขา?

แน่นอนว่าไม่ใช่ หลายครั้งเขาคิดว่าตัวเองช่างโลกสวย

โลกสวย?

นั่นเป็นเพราะเก็บซ่อนความโศกเศร้าไว้ในท้อง กดความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ในส่วนลึก

คนเราก็เป็นเช่นนี้

มีเพียงยามค่ำคืนที่ผู้คนเงียบเหงา คุณถึงจะรู้ว่าคุณเป็นเช่นไร

มีเพียงตอนที่คนเราอยู่ในมุมลึกเท่านั้น คนถึงจะกล้ามองส่วนลึกที่แท้จริงในใจตนเอง

เฉินชางมองท้องฟ้า กำหนดแผนการเล็กๆ ให้ชีวิตตนไปเงียบๆ ในใจ

เฉินชางเป็นคนชนบท พ่อแม่เป็นเกษตรกรที่ซื่อสัตย์ ยิ่งไปกว่านั้นเฉินชางยังมีน้องชายอยู่คนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังเรียนมหาวิทยาลัย พ่อแม่มีลูกชายสองคน ความกดดันจึงค่อนข้างมาก

ไม่ใช่ว่าเฉินชางไม่คิดเรียนปริญญาโท แต่พูดตามจริง เขาเรียนไม่ไหว!

ไม่ต้องพูดถึงค่าเรียนปีละแปดพันหยวนเลย เมื่อรวมกับค่าที่พักแล้วยังก็เป็นเงินหนึ่งหมื่นกว่า

นี่ยังไม่รวมค่ากินดื่ม

เรียนแพทย์ในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรี ทางรัฐบาลจะมอบเงินช่วยเหลือหกพันหยวน ความจริงก็มีทุนรัฐบาลอยู่เหมือนกัน แต่คิดว่าจะได้มาง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?

เขาเคยคิดจะกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลในท้องถิ่น แต่ถึงอยากจะกลับก็ยังต้องหาคอนเน็คชั่นและยังต้องจ่ายเงิน

เรียนแพทย์มาห้าปี ลำบากมาห้าปี

ความจริงเฉินชางรู้สึกกลัว!

เขาไม่ได้กลัวเหนื่อย แต่กลัวว่าเหนื่อยขึ้นมาจริงๆ แล้วจะมาแผนกฉุกเฉินไม่ไหว

โรงพยาบาลเอกชนหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ หลับตาทำงานไปก็พอ

แต่เฉินชางยังคงใจอ่อน พ่อแม่ผู้จิตใจดีซื่อสัตย์สั่งสอนปรัชญาในการดำเนินชีวิตให้กับเฉินชางมาสองคำ ก็คือคำว่าซื่อสัตย์และเมตตา!

เฉินชางทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนครึ่งปี จากนั้นจึงลาออก พอดีกับที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัดรับสมัครพนักงานชั่วคราวจึงได้มาทำงานที่นี่

ทำไปทำมาก็สองปีกว่าแล้ว!

ทำงานมาสองปีกว่า ถึงแม้จะเหนื่อยและจน แต่สำหรับเฉินชางแล้วพอจะเห็นอนาคตอยู่รำไร ถึงอย่างไรเขาก็ได้เรียนรู้เรื่องมากมายในแผนกฉุกเฉินและได้พบกับอาจารย์ที่ดีที่นั่น ซึ่งก็คือเฉินปิ่งเซิง

ด้วยนิสัยของเฉินชาง ในสองปีมานี้ จะมากจะน้อยก็ต้องส่งผลต่อเฉินปิ่งเซิงบ้าง

จากความคิดของเขาก่อนหน้านี้ เขาจะอยู่เรียนรู้ที่นี่ให้ดีๆ สักห้าหกปี ทางที่ดีหาทางเข้าไปอยู่ในแผนกหลักให้ได้ จากนั้นจึงกลับไปที่บ้านเกิด เข้าทำงานในแผนกสายตรง กลายเป็นกำลังสำคัญ

เฉินชางไม่เคยประเมินตัวเองสูงกว่าความเป็นจริง เนื่องจากชีวิตจะทำให้คุณเข้าใจกระจ่างว่าคุณก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง มหาสมุทรกว้างใหญ่ เขาเป็นเพียงหยดน้ำเล็กๆ เป็นเพียงประชาชนตัวเล็กๆ ธรรมดาคนหนึ่ง หรือบางทีอาจเป็นประชาชนที่ยังพอมีสิทธิ์มีเสียงในเมือง

เป็นหมอตัวเล็กๆ ธรรมดาคนหนึ่ง!

เขาเป็นเพียงหมอคนหนึ่ง ไม่ใช่เทพเซียนอะไร?

เทพเซียนอะไรกันล่ะ?

หรือหมอไม่ต้องกินต้องดื่ม?

หมอแต่งงานไม่ต้องใช้สินสอดหรือไง?

หมอแต่งงานไม่ต้องซื้อเรือนหอหรือ?

หรือว่าคุณไม่ต้องผ่อนบ้าน?

ล้วนเป็นคำพูดไร้สาระทั้งนั้น

เดิมทีงานของหมอก็คือการช่วยรักษาคน แต่สุดท้ายหมอก็ยังเป็นคน คนย่อมมีกิเลสตัณหา ต้องการปัจจัยสี่ มีความทุกข์ใจต่างๆ นานา

เฉินชางเองก็กลัวความจน

ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีเส้นทางการหาเงินเข้ามา เขาหวงแหนแทบตาย หากพูดความจริง นี่ไม่แตกต่างอะไรกับความหวังที่สองของเฉินชาง

ตอนนี้เฉินชางมีเป้าหมายเพิ่มอีกอย่างหนึ่งแล้ว นั่นก็คือได้อยู่ในสถานที่นี้ต่อไปอย่างมั่นคง

เขาเองก็มีความฝันของตัวเอง

แต่ของอย่างความฝัน คุณจะต้องมีเงินถึงจะทำตามความฝันได้ ถ้าไม่มีเงินก็ทำได้แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ

บางครั้ง หากพูดกันตามตรง ความฝันก็เป็นเรื่องหนักหนา การใช้ชีวิตจะทำให้คนไม่กล้าแสวงหาความฝัน

นี่เป็นเรื่องที่น่าเย้ยหยัน แต่ก็เป็นความจริง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ