อ่านสรุป บทที่ 177 ปลูกถ่ายตับ จาก เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ โดย Internet
บทที่ บทที่ 177 ปลูกถ่ายตับ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 177 ปลูกถ่ายตับ
หลังจากที่ออกมาจากสำนักงานผู้อำนวยการแล้ว เฉินชางค่อนข้างรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจจริงๆ ที่ตนจะได้เรียนปริญญาโทแล้ว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็ตื่นเต้นฮึกเหิม
ความจริงแล้วการเป็นนักศึกษาปริญญาโทไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเฉินชางมากนัก
ปริญญาโทด้านการแพทย์แบ่งออกเป็นสองสาย คือ ผู้เชี่ยวชาญวิชาชีพ กับปริญญาโทด้านวิชาการ (Master of Science)[1] นักศึกษาแพทย์ปริญญาโทสายผู้เชี่ยวชาญจะใช้เวลาทั้งหมดวินิจฉัยโรคอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ถึงอย่างไรเสีย ภายในประเทศจะมีจัดฝึกอบรมหลังจากเรียนจบ ซึ่งหลังผ่านการฝึกอบรมแล้วจะได้รับใบรับรองสี่ใบด้วยกัน (ปริญญาบัตร ใบรับรองจบการศึกษาปริญญาโท ใบรับรองคุณสมบัติผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใบผ่านการฝึกอบรมกฎระเบียบแพทย์)
ขอแค่มีใบรับรองทั้งสี่ใบนี้ เวลาที่คุณหางาน คุณก็จะหางานได้ค่อนข้างง่าย
ในปีนี้โรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัดได้ร่วมเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่มีการจัดการฝึกอบรมแพทย์ของประเทศ ดังนั้นเฉินชางจึงติดธงสัญลักษณ์โครงการอบรมกฎระเบียบแพทย์ขณะที่ทำงานในแผนกได้
ฉินเยว่เองก็เช่นกัน เพียงแต่…ฉินเยว่คนนี้โชคชะตาไม่ดี สมัยเรียนค่อนข้างน่าสงสาร ในสมัยนั้นโครงการอบรมกฎระเบียบแพทย์ของนักศึกษาปริญญาโทสายผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาชีพยังไม่เป็นที่นิยม ดังนั้นหลังจากที่มาทำงานโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัดแล้ว เธอทำได้เพียงหาคนที่ลงทะเบียนฝึกอบรมกฎระเบียบแพทย์ที่โรงพยาบาลตงต้าให้ เธอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัด แต่ฝึกอบรมกฎระเบียบแพทย์ที่โรงพยาบาลตงต้า เธอเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างสองโรงพยาบาล เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัดจึงจัดว่าการทำงานของเธอในช่วงนี้ถือเป็นการฝึกอบรมเช่นกัน ทางโรงพยาบาลจึงจ่ายเงินเดือนแทบน้อยเทียบเท่าแพทย์ฝึกหัด
เพราะอย่างไรเสีย ตราบใดที่คุณไม่มีใบรับรองฝึกอบรมกฎระเบียบแพทย์ คุณไม่มีทางได้เลื่อนตำแหน่งให้ขึ้นไปเป็นระดับกลางได้
เฉินชางนึกปัญหาข้อหนึ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ตนกำลังจะเรียนต่อปริญญาโท คงจะไม่ใช่ว่าโรงพยาบาลจะหักเงินโบนัสของเขาทิ้งนะ
ฉินเยว่ก็โดนแบบนี้!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็วกกลับไปที่สำนักงานผู้อำนวยการ เขายิ้มอย่างกระดากอาย “ผู้อำนวยการฉินครับ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากถาม”
ฉินเสี้ยวยวนวางปากกาลง มองเฉินชาง “อืม มีเรื่องอะไรอยากถามครับ”
เฉินชาง “ผมกำลังเรียนปริญญาโท ผมจะจะโดนตัดเงินส่วนที่เป็นโบนัสหรือเปล่าครับ”
ฉินเสี้ยวยวนถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก เขามองเฉินชาง เขากล้าพนันเลยว่า ถ้าเขาบอกเฉินชางไปว่าจะโดนตัดโบนัส เฉินชางจะต้องบอกว่าไม่เรียนต่อปริญญาโทแน่!
ถ้าเป็นเช่นนั้น การที่เขาอุตส่าห์ไปวิ่งเต้นขอโควตามาก็คงจะต้องเหนื่อยเปล่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เฉินชางได้รับการบรรจุเป็นบุคลากรของโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัดแล้วด้วย วุฒิปริญญาโทก็เป็นเหมือนเครื่องประดับส่งเสริมให้ยิ่งดูดี เมื่อถึงตอนนั้น ประวัติการศึกษาก็เป็นเหมือนบันไดที่ก้าวไปสู่โอกาส
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวยวนก็ตอบเฉินชางไปด้วยความจำใจ “ไม่ตัดครับ ได้โบนัสตามผลการทำงานของคุณปกติ ส่วนทางมหาวิทยาลัยผมคุยให้คุณแล้ว คุณเก็บหน่วยกิตให้ครบก็พอแล้ว เรื่องอื่นคุณไม่ต้องกังวลครับ แต่ยังไงคุณก็ต้องแบ่งเวลาไปเข้าเรียนให้เต็มที่ด้วยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาสถิติทางการแพทย์ในงานวิจัยทางการแพทย์ กับวิชาเวชปฏิบัติอิงหลักฐาน[2] สองวิชานี้จะเป็นผลดีกับคุณมากในการพัฒนาตัวคุณเองในอนาคต”
แค่เฉินชางได้ยินว่าไม่ตัดเงินโบนัส เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันใด “ขอบคุณผู้อำนวยการมากๆ ครับ”
เฉินชางกับฉินเยว่มีความแตกต่างกันอยู่สักหน่อยก็คือ เฉินชางได้ฝึกอบรมกฎระเบียบแพทย์ที่โรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัด ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างสองโรงพยาบาล เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ลดความยุ่งยากลงไปได้มาก
…
ทันทีที่เฉินชางกลับมาถึงแผนก ฉินเยว่ก็วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาหาเขา “เฉินชาง คุณเลี้ยงข้าวฉันเถอะนะ!”
เฉินชางไม่เงยหน้าขึ้นมามองสักนิด “ฝัน?”
ฉินเยว่ไม่รู้สึกโกรธ เธอกลอกตากลมโตของเธอหนึ่งที “คุณแน่ใจเหรอ ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง! โอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ”
เฉินชางไม่สนใจฉินเยว่เลยสักนิด เขาหันไปหาหวังหย่ง “กลางวันนี้เราสองคนกินอะไรกันดีครับ”
หวังหย่งกำลังเขียนประวัติผู้ป่วยอยู่ เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “คุณเป็นเจ้ามือ กินอะไรก็ได้ครับ”
เฉินชาง “…”
จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าเมนูที่ตนรับประทานคุ้มที่สุดก็คือไปที่โรงอาหาร สั่งอาหารชุดสักชุดก็พอแล้ว แค่สิบหยวนได้เนื้อหนึ่งอย่างผักสองอย่าง ข้าวหนึ่งถ้วย อิ่มจุใจแถมประหยัดเงิน แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าทุกครั้งที่คุณป้าคนตักข้าวเห็นตน จะต้องอดตักเนื้อเพิ่มให้เขาอีกสองช้อนไม่ได้ จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าความสุขช่างแสนเรียบง่าย
ฉินเยว่ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก “เฮ้อ…ดูแล้วฉันคงต้องโทรไปที่สำนักพิมพ์แล้วละ จะบอกเขาว่าต้องการเปลี่ยนผู้ประพันธ์บรรณกิจ[3]”
เฉินชางรีบหันไปหาฉินเยว่ทันที “คุณพูดว่าอะไรนะ ได้หนังสือตอบรับแล้ว? ทำไมไวขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าอย่างน้อยที่สุดก็ครึ่งเดือนขึ้นไปเหรอครับ”
ฉินเยว่โอดครวญออกมาพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ “โอ๊ย ช่วงนี้ฉันทำโอทีอดหลับอดนอน เหนื่อยจนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างแล้ว”
เฉินชางยิ้มออกมาด้วยสีหน้าประจบประแจงทันใด “พี่ฉินครับ พี่ฉินอยากกินอะไร พวกเราไปเติมพลังให้ร่างกายกันหน่อย!”
ในตอนที่เฉินชางเห็นคำว่า ‘liver transpl’ เขาก็ถึงกับตกตะลึงเล็กน้อย
จากนั้นเฉินชางก็พูดหยอกกับฉินเยว่ว่า “วารสาร ‘ปลูกถ่ายตับ’? คุณทำไมส่งไปที่วารสาร ‘เดอะแลนซิต’[4] ล่ะ หรือไม่ก็…วารสาร ‘การศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งชนชาติจีน’ ก็ได้นะครับ?”
หวังเชียนถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ชางเอ๋อร์ คุณคิดว่าครอบครัวคุณเป็นเจ้าของ ‘เดอะแลนซิต’ หรือไงกันครับ ถึงคิดจะส่งก็ส่งได้ มณฑลตงหยางของเราเคยมีคนส่งวิทยานิพนธ์ไปที่ ‘เดอะแลนซิต’ ประมาณไม่ถึงสามคน ชางเอ๋อร์ คุณพูดแบบนี้คือกำลังล้อกันเล่นหรือเปล่าครับเนี่ย!…”
“…จะว่าไปแล้ว คุณรู้หรือเปล่าว่าวารสาร ‘ปลูกถ่ายตับ’ เป็นวารสารระดับไหน คุณถึงเอามาเทียบกับวารสาร ‘การศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งชนชาติจีน’ ได้…”
“…วารสาร ‘ปลูกถ่ายตับ’ ตอนนี้ระดับความนิยมเกือบจะหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนวารสาร ‘การศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งชนชาติจีน’ คาดว่าช่วงที่คะแนนสูงสุดก็ประมาณหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ความแตกต่างของทั้งคู่ไม่ใช่แค่นิดๆ”
“…จะว่าไปแล้ว ผมเอางานวิจัยที่ได้ตีพิมพ์ในวารสาร ‘ปลูกถ่ายตับ’ ไปใช้ตอนสอบระดับปริญญาเอกดีกว่า ถ้าคะแนนผมผ่านแล้วโอกาสที่จะถูกปัดตกมีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะวารสาร ‘ปลูกถ่ายตับ’ มีอิทธิพลมากในวงการศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี!”
เฉินชางไม่เข้าใจ
หวังหย่งดูงงเป็นไก่ตาแตกยิ่งกว่า แล้วเขาก็ถามหวังเชียนว่า “ที่ด้านหลังบทความวิจัยมีชื่อผมเป็นผู้เขียน แต่ชื่อผมอยู่ชื่อผู้เขียนคนที่สอง…แบบมีน้ำหนักมั้ยครับ”
หวังเชียนพยักหน้า “ถ้าแค่ต้องการเอามาใช้เป็นตัวช่วยในการขยับตำแหน่งของคุณให้สูงขึ้นสักหน่อย ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาครับ!”
และในเวลาต่อมา หวังย่งกับเฉินชางต่างฝ่ายต่างก็สบตากัน “สุดยอด!”
หวังเชียนพยักหน้า “แน่อยู่แล้ว!”
หวังเชียนไม่ได้ล้อเล่น เพราะว่าโดยทั่วไปแล้ว วารสารทั่วไปถึงแม้จะเป็นวารสารหลักของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง หรือจะเป็นวารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี…ไม่ว่าผลงานที่ตีพิมพ์ลงในวารสารนั้นๆ จะมีชื่อผู้เขียนสองคนหรือสามคนก็ตาม จะมีเพียงผู้เขียนคนแรกกับผู้ประพันธ์บรรณกิจเท่านั้นที่มีส่วนในเนื้อหาอันทรงคุณค่า และบทความบางส่วนที่มีปัจจัยต่อผลลัพธ์สูง แต่เมื่อได้พิจารณาถึงความยากของการวิจัย รวมถึงการมีจำนวนผู้เข้าร่วมวิจัยที่มีจำนวนมาก ก็จะนับรวมผู้เขียนคนที่สองว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญในการวิจัยด้วย…
[1] Master of Science วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
[2] เวชปฏิบัติอิงหลักฐาน (Evidence-Based Medicine) ชื่อย่อ EBM คือการวินิจฉัยดูแลรักษาผู้ป่วยโดยใช้หลักฐานจากการวิจัยที่คุณภาพดีและทันสมัย โดยการใช้หลักฐานนี้จำเป็นต้องพิจารณาร่วมกับประสบการณ์ความชำนาญของแพทย์ผู้ดูแล รวมทั้งความคาดหวังและความต้องการของผู้ป่วยเป็นรายบุคคล
[3] ผู้ประพันธ์บรรณกิจ (Corresponding author) หมายถึง บุคคลที่มีบทบาทและความรับผิดชอบในการเผยแพร่ผลงานวิจัย หรือผลงานทางวิชาการ ให้เกิดการถ่ายทอดเป็นเรื่องราว แสดงให้เห็นถึงคุณค่าทางวิชาการที่ประกอบด้วยการแสดงข้อมูล หลักฐาน ข้อคิดเห็น และประสบการณ์ รวมทั้งทำหน้าที่รับผิดชอบติดต่อกับบรรณาธิการ
[4] เดอะแลนซิต (The lancet) วารสารทางการแพทย์ทั่วรายสัปดาห์ที่เก่าแก่มากที่สุด และเป็นวารสารทางการแพทย์ที่มีเกียรติมากที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ