เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ นิยาย บท 215

บทที่ 215 เกิ่งเหยียน!

คำว่า ‘คืนเท่าจำนวนเดิมก็พอ!’ ของเฉินชางทำให้เฉียนหลินถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง

เดิมทีเฉียนหลินคิดว่าเฉินชางมีบุคคลแบบคนตั้งใจเรียน ทุ่มเทขยันหมั่นเพียร แสวงหาความก้าวหน้า สงบสุขุม สำรวมกิริยา วางตัวเคร่งขรึมจริงจัง เพราะถึงอย่างไรเสียคุณสมบัติเหล่านี้ก็สมกับเป็นคุณสมบัติของคนเรียนเก่ง

คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับคนอารมณ์ขันเข้าให้แล้ว!

เฉียนหลินโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่เรื่องเงินครับ!”

เฉินชางขยับเก้าอี้เล็กน้อย “ผมไม่ติดหนี้รักใคร แล้วก็ไม่มีประวัติเที่ยวอาบอบนวดด้วย หรือต่อให้มีประวัติ ลูกผมก็ไม่น่าจะโตเท่าคุณนะ”

เฉียนหลินรู้สึกอับอายจนเหงื่อตกในทันใด บ้าจริง เจอผู้ช่ำชองเข้าให้แล้ว…เจ้าหมอนี่ขี้เล่นยิ่งกว่าผมอีก!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉียนหลินก็เกิดกลัวขึ้นมาว่าเฉินชางจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ เขาก็เลยพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า “ไม่ๆๆ น้องชาย คุณฟังผมพูดสักประโยคสองประโยค เฉียนเลี่ยงเป็นลุงของผม!”

เฉินชางชะงักงัน กลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึก คุณหมายความว่ายังไง คุณกำลังข่มขู่คุกคามผม?

คนแซ่เฉียนมีเกลื่อนกลาดขนาดนั้น ทำไมคุณไม่บอกว่าปู่คุณคือซานเฉียน[1]เลยล่ะ ไม่แน่ว่าผมอาจจะเชื่อจริงๆ ก็ได้…

เฉียนหลินกล่าวต่อ “คุณลุงของผมอยากให้ผมสมัครเป็นลูกศิษย์ของนางปีศาจสาวเมิ่งซีในช่วงเรียนปริญญาโท เคราะห์ดีที่ได้คุณช่วยนะน้องชาย คุณช่วยชีวิตผมให้รอดพ้นจากภยันตรายนับจากวันนั้นเป็นต้นมา และด้วยเหตุนี้ ผมถึงหลุดพ้นจากนรกแห่งความทุกข์นั่นมาได้!”

เฉินชางชะงักงัน “หมายความว่ายังไง”

เฉียนหลินมองเฉินชางด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นี่คุณไม่รู้หรือเนี่ย”

เฉินชางสีหน้างุนงง “รู้เรื่องอะไร”

แล้วจู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกเหมือนว่าตนจะขาดความรู้ความเข้าใจในบางข้อของเมิ่งซีไป

เฉียนหลินกล่าวต่อว่า “เอ๊ะ ดูท่าทางคุณจะไม่รู้จริงๆ ไม่งั้นคุณคงจะไม่สมัครเป็นลูกศิษย์นางปีศาจสาวเมิ่งซีโดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือได้ขนาดนี้!”

“…ผมจะเล่าให้คุณฟังก็แล้วกัน คุณจะได้รู้เอาไว้ก่อน จะเล่ายังไงดีล่ะ ถ้าถามหัวหน้าเมิ่งซีเป็นคนหรือเปล่า แน่นอนว่าเก่งขั้นเทพ บอกได้คำเดียวว่าไร้ที่ติ แต่เป็นคนบ้างาน ทั้งยังเข้มงวดมากเกินไปด้วย ผมเคยติดตามหัวหน้าเมิ่งอยู่หนึ่งเดือน น้ำหนักลดฮวบไปสิบกว่ากิโล ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ช่วงเช้าผ่าตัด ตกเย็นเขียนบทความวิจัย เวลารับประทานอาหารจะต้องมีสถานการณ์แทรกตลอด เธอทรมานผมจนผมรู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้…

…ผมก็แค่อยากใช้ช่วงเวลาที่สงบสุขในตอนเรียนปริญญาโท ตั้งใจหาคนรักสักคนคบกันเป็นแฟน แล้วหลังจากที่เรียนจบแล้ว ผมก็จะหางานที่มั่นคง มีลูกน้อยจ้ำม่ำสักหนึ่งคน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปชั่วชีวิต…

…ถ้าหัวหน้าเมิ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผม จะไม่เท่ากับชีวิตผมจะต้องถูกทำลายหรือไง ดังนั้น! ผมถึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของคุณ…”

“…ฉะนั้น น้องชาย คุณช่วยชีวิตผมไว้ให้รอดพ้นจากภยันตราย ผมจะไม่รู้สึกซาบซึ่งในบุญคุณของคณได้ไงกัน”

เฉินชางเข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ตนได้รับ เรื่องนี้ต้องนับว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ

อย่างไรเสียหัวหน้าเมิ่งก็เปิดโลกแห่งทักษะของตนด้วยแผนผังทักษะถึงสามด้าน อีกทั้งยังเป็นทักษะสีม่วงด้วย

แล้วจะไม่ยอมทนลำบากสักหน่อยได้ไงกัน

แล้วอีกอย่าง ตนยังต้องพยายามหาทางพิชิตค่าความรู้สึกดีของเมิ่งซีให้ได้ เพื่อปลดล็อกทักษะอย่างไม่หยุดยั้ง!

ไม่นานอาจารย์ประจำสำนักงานบัณฑิตศึกษาก็เดินเข้ามาในห้อง และแน่นอนว่าลำดับต่อไปจะต้องเป็นถ่ายทอดข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องทำทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลการฝึกอบรม การเข้าชั้นเรียน เป็นต้น

เฉินชางไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะถึงอย่างไรเสียการเรียนปริญญาโทของตนก็เป็นการเรียนเพื่อวุฒิการศึกษา สำหรับการฝึกอบรม ตนก็ฝึกอบรมอยู่โรงพยาบาลที่ตนทำงาน ไม่ต้องย้ายแผนกเลยสักนิด

สำหรับการเข้าชั้นเรียน สามารถเลือกหัวข้อที่จะเข้าไปนั่งฟังบรรยายได้

ช่วงเวลาประมาณบ่ายสี่โมงกว่า ในช่วงเวลาที่กระชั้นชิดใกล้จะหมดเวลาประชุมย่อย อาจารย์ก็เลือกให้เฉียนหลินเป็นหัวหน้าห้อง

ในตอนนี้เอง เฉินชางถึงเพิ่งจะรู้ว่าเจ้าอ้วนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้สอบได้คะแนนสี่ร้อยกว่าคะแนนชนิดที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

สิ่งนี้ทำให้เฉินชางยิ่งเชื่อในคำกล่าวที่ว่า ในยามที่พระเจ้าปิดประตูขังคุณ พระเจ้าจะต้องตอกตะปูหนึ่งดอกให้คุณด้วย ทางที่ดีคุณควรรีบหาหน้าต่างเพื่อกระโจนหนีให้เร็วที่สุด…

เป็นบุคคลอัจฉริยะตัวจริง ทั้งยังดูเพี้ยนๆ ด้วย…

แต่สิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้กับเฉินชางคือ ในห้องมีนักศึกษาสาวยี่สิบกว่าคน ซึ่งมีคนหน้าตาสวยหลายคนเลยทีเดียว สิ่งนี้ทำให้เฉินชางยิ่งรู้สึกตั้งตาคอยช่วงชีวิตนักศึกษาปริญญาโทที่กำลังจะเริ่มขึ้น

การประชุมย่อยภายในห้องเรียนสิ้นสุดลง ทุกคนต้องไปร่วมประชุมใหญ่ของนักศึกษาใหม่ต่อ

การปรากฏตัวของเฉียนหลิน ทำให้เฉินชางรู้สึกว่าอากาศไม่ร้อนสักเท่าไรแล้ว รูปร่างใหญ่โตขนาดนี้ เป็นร่มเงาบังแดดให้เฉินชางได้ดีจริงๆ ระหว่างที่เดินไปที่ประชุม เขารู้สึกได้ถึงความเย็นสบายจางๆ

อ้วนใหญ่มหึมาเป็นร่มเงาให้หลบแดดได้จริงๆ

การประชุมใหญ่ในช่วงบ่ายแก่ๆ เฉินชางไม่รู้สึกสนุกเลยสักนิด ทว่าเฉียนหลินดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนใคร่รู้ยิ่ง

“วันนี้นอกจากจะเป็นวันเปิดภาคเรียนแล้ว ยังเป็นวันฉลองครบรอบหกสิบปีของมหาวิทยาลัยของเราด้วยนะ มหาวิทยาลัยเราเชิญบุคคลที่ยอดเยี่ยมมาหลายคนเลย ร่วมทั้งรุ่นพี่ที่เป็นนักศึกษาดีเด่นก็มาร่วมงานประชุมในวันนี้ด้วย เราไปดูกันเถอะ”

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในหอประชุม เฉินชางก็เห็นต่งจยามีแถบผ้าสีแดงคล้องคออยู่ คงจะมาต้อนรับรุ่นพี่เหล่านั้นที่กลับมาเยือนสถาบัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ