บทที่ 294 ความกดดันของหมออยู่ตรงไหน
ชีวิตผู้ป่วยถูกช่วยไว้แล้ว ในที่สุดทั้งสามคนต่างก็รู้สึกโล่งใจแล้ว
เฉินชางถอนหายใจออกมา ถ้าสลายลิ่มเลือดให้ผู้ป่วยด้วยวิธีเดียวกันกับผู้ป่วยประเภทภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เกิดจากการอุดตันของลิ่มเลือดที่ช่อง ST ยกสูงขึ้น ก็อาจเป็นไปได้ที่จะได้ผล
แต่คำว่า ‘อาจจะ’ ไม่เหมาะที่จะใช้ในแวดวงการแพทย์เลยจริงๆ!
เพราะคำว่า ‘อาจจะ’ ของคุณมักจะนำมาซึ่งความไม่แน่นอนของชีวิต!
ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์ เราจำเป็นต้องเลือกทำในสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด
จะต้องมอบสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้กับผู้ป่วย ทั้งการวินิจฉัยโรคและแนวทางในการรักษา อย่าทำให้การตรวจรักษาผู้ป่วยต้องล่าช้าเพราะสาเหตุจากตัวหมอเอง
แน่นอนว่าบางทีอีกสิบปีข้างหน้า เมื่อทุกคนย้อนมองกลับมา อาจรู้สึกว่ารูปแบบการรักษาโรคในปัจจุบันนี้ป่าเถื่อนหยาบคายเกินรับได้ อีกทั้งยังล้าหลังมากด้วย ถึงขั้นที่อาจมีข้อผิดพลาดมากมาย แต่สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่พวกเราทำได้ดีที่สุดในปัจจุบันนี้แล้ว
ประวัติศาสตร์ของแม่น้ำสายใหญ่ก็ค่อยๆ พัฒนาไปอย่างช้าๆ เช่นนี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกเขตแดนทุกสรรพสิ่งล้วนมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
การแพทย์ในแต่ละยุคแต่ละสมัย คือยอดหัวกะทิกับความมั่งคั่งทางการแพทย์อันล้ำค่าที่สุดของยุคสมัยนั้นๆ แพทย์แต่ละคนต่างใช้ความรู้ทางการแพทย์ด้วยใจที่บริสุทธิ์ที่สุด เพื่อรักษาปกป้องมวลมนุษย์ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
…
…
หลังจากที่เฉินชางได้ยินเสียงข้อความแจ้งเตือนจากระบบแล้ว เขาก็ชะงักเล็กน้อย!
ที่แท้ค่าความรู้สึกดีก็ได้มาแบบนี้นี่เอง?
ดูแล้ว…
วันข้างหน้าภารกิจพิชิตค่าความรู้สึกดีของตนจะต้องอาศัยการเอาชนะใจหัวหน้าเมิ่งเสียแล้ว…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็ผ่อนคลายขึ้น พอจะเข้าใจแล้วว่าต่อไปจะพิชิตค่าความรู้สึกดีได้อย่างไร
หลังจากที่เมิ่งซีออกมาจากห้องผ่าตัด ดูเหมือนว่าเธอจะค่อนข้างอ่อนล้า เธอเดินไปยังโซนเก้าอี้ด้านข้างห้องผ่าตัด แล้วนั่งลงช้าๆ แล้วจึงถอนหายใจออกมา แต่ในใจยังคงหวาดกลัว…
เมื่อเฉินชางกับเก่อฮว๋ายเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็นั่งลงด้วย
ทุกคนต่างก็ค่อนข้างเหนื่อยล้า
การช่วยชีวิตผู้ป่วยภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียดและต้องทำทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบมีระเบียบแบบแผนถือเป็นงานที่เหนื่อยมากพอที่จะให้น้ำหนักของคุณลดฮวบเอาได้ คุณลองดูสิว่าในแผนกฉุกเฉินมีคนอ้วนที่ไหนกัน
เมิ่งซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที
เกือบไปแล้ว…
เกือบไปแล้ว แค่นิดเดียวเท่านั้น…
ความไม่ละเอียดรอบคอบชั่วขณะของตน หรือควรใช้คำว่าความสามารถที่มีขีดจำกัดของตนเกือบจะเป็นสาเหตุที่ทำลาย…โอกาสในการรักษาของผู้ป่วยชนิดที่ไม่อาจแก้ไขได้
เมิ่งซีเป็นคนหนึ่งที่ตั้งมาตรฐานในการทำงานของตนเองไว้เข้มงวดมากจนเกือบจะใกล้กับคำว่าเป็นคนที่กดดันตนเองมากเกินไป เธอเป็นคนที่แสวงหาความสมบูรณ์แบบในขั้นตอนของการวินิจฉัยและการรักษา สิ่งที่เธอหวาดกลัวมากที่สุดคือในยามที่ต้องช่วยชีวิตผู้ป่วยให้รอดพ้นจากความตาย แล้วเกิดผลลัพธ์หลังการรักษาอันเลวร้ายต่างๆ นานา ด้วยสาเหตุที่มาจากตัวเธอ เพราะความรู้อันตื้นเขินของตัวเอง
และในวันนี้ ตนเกือบจะทำให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น
เมิ่งซียิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดใจ ถึงขั้นที่ตัดสินใจว่าคืนนี้หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว จะเพิ่มภารกิจที่ต้องทำเข้าไปอีกหนึ่งภารกิจ นั่นก็คืออ่านแนวทางการแพทย์ใหม่ๆ สักหน่อย
เหนื่อยหน่อยจะเป็นอะไรไป
อาชีพของตนคืองานที่ต้องต่อรองกับพญามัจจุราช
แล้วแต้มต่อของฉันก็คือความรู้!
แต่แต้มต่อของฝ่ายตรงข้ามคือชีวิตของผู้ป่วย
ยิ่งเรามีความรู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้มีแต้มต่อที่จะชนะฝ่ายตรงข้ามได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็มองเฉินชางทีหนึ่งด้วยความซาบซึ้งใจ เธอหันไปทางเฉินชางด้วยท่าทางที่ดูตั้งอกตั้งใจพร้อมกล่าวขึ้นว่า “เฉินชาง!”
เฉินชางมองเมิ่งซีอัตโนมัติ “อาจารย์เมิ่ง?”
เมิ่งซีถอดหน้ากากอนามัยออก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธอกล่าวอย่างจริงใจ “ขอบคุณนะ!”
เฉินชางตะลึง เขาส่ายหน้า ไม่ตอบรับอะไร
เรื่องนี้จะโทษเมิ่งซีได้หรือ
เขาไม่มีสิทธิ์
เขาอยู่ระดับไหน ในใจเขารู้ดี ตนก็แค่บังเอิญมีทักษะการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจระดับสมบูรณ์ และบังเอิญได้เจอกับเคสประเภทนี้พอดี
ใครจะรับประกันได้ว่าถ้าเจอเคสอื่นในครั้งหน้า เขาจะจัดการได้ดีมากเช่นเดียวกันกับเคสนี้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ความจริงแล้วถ้าเขาจะโชคดีเช่นนี้อยู่ตลอดก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยก็ช่วยเหลือคนได้มากขึ้น ช่วยชีวิตคนได้เยอะขึ้น
แต่ความสามารถของหมอมีขีดจำกัด
คุณไม่ใช่คนที่สมบูรณ์พร้อม!
คุณเรียนทุกสิ่งทุกอย่างที่มีทั้งหมดบนโลกไม่ได้ คุณทำได้แค่มั่นใจในความรู้ทั้งหมดและเทคนิคทั้งหมดที่คุณมีในการทำหน้าที่ของคุณให้ดีอย่างสุดกำลังความสามารถ
ทำไมถึงบอกว่าแรงกดดันของอาชีพหมอสูงมาก
เพราะการช่วยชีวิตคนให้รอดพ้นจากความตายคือภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง
หนักอึ้งจนเราไม่อาจผลักออกไปได้
เมื่อมองชีวิตที่ดับสูญไปต่อหน้าต่อตาเรา มองคนในครอบครัวของผู้ป่วยที่ร้องไห้ฟูมฟายเสียใจอย่างหนัก มองญาติพี่น้องของผู้ป่วยน้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา ความรู้สึกทรมานใจเช่นนี้ ความอับจนหนทางที่จะช่วยเหลือเป็นสิ่งที่สร้างความทุกข์ทรมานใจเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้!
ทุกครั้งเวลาที่เผชิญกับช่วงเวลาเช่นนี้ พวกเราต่างรู้สึกเสียใจและหงุดหงิดขุ่นเคือง ถ้าทักษะของเราดีกว่านี้อีกสักหน่อย ถ้าระดับฝีมือสูงขึ้นอีกสักนิด ถ้าระบบมีความสมบูรณ์มากขึ้น…จะดีแค่ไหน!
แต่เราเปลี่ยนแปลงโลกภายนอกไม่ได้
สิ่งที่เราทำได้ก็คือซื้อตำราทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุด แพงที่สุด ไม่หยุดกระตุ้นตนเองให้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง บีบบังคับตนเองให้ยกระดับความรู้ความสามารถของตนเองให้สูงขึ้น
น่าเสียดายที่ชั่วชีวิตนี้ไม่มีคำว่าถ้า!
การแพทย์กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความรู้ของเราทำได้แค่ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนให้ทันและไม่หยุดยั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ