บทที่ 325 แพ้ให้นักเรียนของฉัน จะต้องสนุกแน่นอน
เนื่องจากความยากของการผ่าตัดเคสนี้อยู่ในระดับสูง ดังนั้น…จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนกังวลที่สุด
แพทย์อินเทิร์นคนหนึ่งจะทำได้หรือ หัวหน้าบ้าไปแล้วหรือเปล่า!
ให้แพทย์อินเทิร์นมาร่วมผ่าตัดเนี่ยนะ!
แม้แต่เก่อฮว๋ายก็ยังรู้สึกสับสน
ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้น่ะหรือ ความจริงก็คือเขาตื่นเวที
เก่อฮว๋ายเป็นศัลยแพทย์หัวใจคนหนึ่ง แต่เมื่อครู่กลับรู้สึกตื่นเวทีเสียได้
เขากลัว!
ภาระหนักอึ้ง เวลากระชั้นชิด มีความอันตรายสูง ความเสี่ยงก็สูง หากไม่ระวังก็จะนำพาความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนคืนมาสู่ตัวผู้ป่วย สุดท้ายก็จะตาย! ดังนั้นจำเป็นต้องทำให้ดี ไม่มีโอกาสให้ล้มเหลว
แต่ว่า…แม้แต่หัวหน้าซย่าที่เป็นอาจารย์ของตนและหัวหน้าเมิ่งที่เป็นผู้บังคับบัญชาของตนก็ยังลังเล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเขาเองเลย
ทว่าขณะเดียวกัน เขาก็มีความคิดอีกอย่างหนึ่ง! ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ตนเอง เป็นช่วงเวลาแห่งการช่วยชีวิตคนไข้ที่จะทำให้เขาเปล่งประกาย
หากจะกล่าวว่าช่วงเวลาเปล่งประกายของผู้อัญเชิญ (Summoner) คือตอนอยู่บนเวทีของ WCG[1] เช่นนั้นช่วงเวลาเปล่งประกายของศัลยแพทย์ก็คือตอนอยู่ในเคสผ่าตัดที่ต้องรักษาชีวิตคน!
แต่ความคิดของเขากลับถูกซย่าเกาเฟิงมองออกได้ในพริบตาเดียว!
ซย่าเกาเฟิงจะเข้าใจนักเรียนของตัวเองดีเกินไปแล้ว
นี่ทำให้เขาถึงกับรีบถอยออกจากหน้าเตียงผ่าตัด
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ถ้าหากตัวคุณเองก็ยังไม่มีความมั่นใจ แล้วคุณจะเอาอะไรไปให้คนอื่นมั่นใจ
คุณจะถอยไม่ได้! คุณเป็นด่านป้องกันสุดท้ายของชีวิตผู้ป่วยแล้ว คุณจะถอยไปไหนได้อีก
คุณเป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเขาแล้ว หากคุณถอย ก้าวต่อไปก็มีเพียงหุบเหว!
……
เก่อฮว๋ายมองดูเฉินชางเดินไปหน้าเตียงผ่าตัดด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ จิตวิญญาณเต็มเปี่ยมประหนึ่งเทพสงคราม!
ขณะนี้เก่อฮว๋ายมองเฉินชางด้วยความริษยา
เขาอิจฉามากจริงๆ!
อิจฉาบรรยากาศและท่าทางของเฉินชางที่เป็นเหมือนลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ[2]
ทว่าเฉินชางจะไม่รู้จักแยกแยะความตื้นลึกหนาบางจริงๆ หรือ
แน่นอนว่าไม่ใช่!
ที่มาของความมั่นใจในตนเองของเขาแปรผันไปตามความสามารถและความเชื่อมั่นของตนเองที่สั่งสมมาจากการผ่าตัดจริงซึ่งสำเร็จมาครั้งแล้วครั้งเล่า มาจากการต่อสู้บนเตียงผ่าตัดที่แท้จริงครั้งแล้วครั้งเล่า!
เพราะเหตุใดในตอนที่เฉินชางและเก่อฮว๋ายแข่งขันกัน ซย่าเกาเฟิงจึงกล่าวว่าเก่อฮว๋ายเป็นผู้ชนะ แต่กลับชื่นชมเฉินชางเป็นการส่วนตัว สาเหตุหนึ่งก็คือซย่าเกาเฟิงเข้าใจนักเรียนของตัวเองมากเกินไป
เก่อฮว๋ายเป็นคนเก่งแต่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ขาดความกล้าหาญ! ดังนั้นเพื่อที่จะดูแลเก่อฮว๋าย ซย่าเกาเฟิงจึงไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาและเก็บซ่อนความจริงเอาไว้ ทั้งหมดก็เพื่อจะช่วยนักเรียนตัวเอง!
ไม่มีใครรู้จักบุตรชายดีไปกว่าบิดา ไม่มีใครรู้จักลูกศิษย์ดีไปกว่าอาจารย์
ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์คนใดต่างก็หวังให้นักเรียนโดดเด่นเหนือผู้อื่นจากใจจริง อยากให้คลื่นลูกใหม่ซัดคลื่นลูกเก่า! แต่ในชั่วขณะนี้ ซย่าเกาเฟิงกลับต้องทอดถอนใจออกมาอย่างอดไม่อยู่
เก่อฮว๋าย นักเรียนของผม เมื่อไหร่คุณจะเติบโตขึ้นสักที
……
……
เมื่อซย่าเกาเฟิงเห็นจิตวิญญาณที่ลุกโชนไปทั่วทั้งร่างของเฉินชาง เห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง อีกทั้งดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นนั้น
ดีจริงๆ!
นี่เป็นลักษณะที่หมอสมควรมี!
หมอเช่นนี้ ผู้ป่วยคนใดบ้างที่ไม่อยากเจอ
ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้ ตอนคุณไปหาหมอก็หวังว่าจะได้คำตอบที่แน่นอนจากหมอไม่ใช่หรือ
ผู้ป่วยก็คือคนที่เป็นโรคบางอย่าง สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดก็คือความสบายใจและความเชื่อมั่น ไม่ใช่หมอที่ใช้ความรู้เฉพาะทางของตนมารักษาผู้อื่นอย่างขอไปที
ยกตัวอย่างเช่นตอนที่คุณถามหมอว่า “หมอ อาการของผมรักษาได้หรือเปล่าครับ”
ถ้าหมอตอบว่า “นี่…พูดยากอยู่ครับ ผมก็ไม่มั่นใจ…เอ่อ…สรุปแล้วโอกาสล้มเหลวครึ่งหนึ่ง!” เป็นเช่นนี้ผู้ป่วย 90% คงตกใจตายไปแล้ว!
แต่หากหมอกล่าวว่า “มีความหวังสูงอยู่นะครับ พวกเราคิดว่ามีโอกาสสำเร็จมากกว่าครึ่ง ถ้าพวกเราพยายามและร่วมมือกัน อัตราความสำเร็จก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีก!”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ป่วยก็จะเชื่อมั่นในตัวหมอ และมั่นใจกับการรักษาอาการป่วยของตน
หมอเป็นที่พึ่งสุดท้ายของผู้ป่วยแล้วจริงๆ! ดังนั้นในฐานะที่เป็นหมอ พวกเราจะต้องเป็นดั่งเสียงที่ก้องกังวาน คอยรักษาแนวป้องกันสุดท้ายเอาไว้ให้ได้
บางทีคุณอาจไม่รู้ว่าบางครั้งหมอหวังให้คุณดีขึ้นยิ่งกว่าญาติของคุณเองเสียอีก
ในตอนที่ทุกคนยอมแพ้เรื่องของคุณ คนที่ไม่อยากยอมแพ้มากที่สุดก็คือหมอ
เก่อฮว๋ายมองเฉินชางด้วยอารมณ์ซับซ้อนในใจ
อิจฉา!
อิจฉามาก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ