บทที่ 342 คนแซ่ฉินที่เก็บงำความลับได้ดีจนไร้ช่องโหว่ – ตอนที่ต้องอ่านของ เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
ตอนนี้ของ เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 342 คนแซ่ฉินที่เก็บงำความลับได้ดีจนไร้ช่องโหว่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 342 คนแซ่ฉินที่เก็บงำความลับได้ดีจนไร้ช่องโหว่
เนิ่นนานผ่านไป เฉินชางก็ยังไม่กลับบ้าน ทันใดนั้นเฉินปิ่งเซิงก็เรียกเฉินชางมาที่ห้องเวรแล้วปิดประตูลง เขาบอกให้เฉินชางนั่งลง หยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง ส่งไปให้เฉินชางอีกมวนหนึ่ง
เฉินชางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วรับมาสูบ
“ได้ยินว่าคุณชกหน้าเหยียนหมิงเหรอ” น้ำเสียงของเฉินปิ่งเซิงเรียบนิ่ง มองอารมณ์ไม่ออก
เฉินชางพยักหน้า สูบบุหรี่เข้าไปอีกเฮือกหนึ่งแล้วไอออกมา บุหรี่ไม่ควรสูบเลยจริงๆ
หลังจากสงบอารมณ์แล้ว เขาก็พยักหน้ายอมรับอย่างเรียบเฉย “ครับ”
ทันใดนั้นเฉินปิ่งเซิงก็สูบบุหรี่เฮือกใหญ่ แล้วพ่นออกมาช้าๆ “เฮ้อ…ความจริง…เหยียนหมิงก็เป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง”
เฉินชางชะงักไป เขาไม่เข้าใจ “ไม่ใช่ว่าเกิดปัญหาระหว่างผ่าตัดและถูกลงโทษหรือครับ จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่แผนกฉุกเฉิน”
เฉินปิ่งเซิงส่ายหน้า “คุณประเมินเหยียนหมิงต่ำเกินไปแล้ว ตอนนั้น…โรงพยาบาลทำผิดต่อเขาจริงๆ บางทีอาจเป็นเพราะระบบมีช่องโหว่ สุดท้ายก็เป็นปัญหาที่หลงเหลือมาจากร่องรอยในอดีต เหยียนหมิงในตอนนั้น…เขาก็เก่งกาจเหมือนกับคุณ ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่ศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลอันดับสอง…”
เฉินปิ่งเซิงเล่าเรื่องให้เฉินชางฟังมากมาย พูดถึงเรื่องในอดีตมากมาย
จู่ๆ เฉินชางก็เงียบไป
“แต่ว่า…ในเมื่อเขามาที่แผนกฉุกเฉินแล้ว ก็ควรรับผิดชอบหน้าที่ในแผนกฉุกเฉินของตัวเองให้ดีสิครับ การกู้ชีพมาถึงช้าเกินไป”
เฉินปิ่งเซิงส่ายหน้า “อืม หลายปีมานี้เขาทำงานหย่อนยานไปมากจริงๆ แม้แต่ผมก็ทนดูไม่ไหว เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงหรอก แต่ว่า…อยู่ดีๆ แผนกฉุกเฉินก็มีคนตายจากอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย เรื่องนี้ใครจะคาดเดาได้ล่ะครับ แล้วยังไปอาการกำเริบในห้องน้ำอีก”
“เฮ้อ ช่างเถอะ ผมไม่ได้จะว่าคุณ ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า ต่อไปคุณต้องระวังตัวหน่อย อย่าได้ทำผิดซ้ำรอยเหยียนหมิง อะไรที่ควรต้องมีการเซ็นชื่อก็ห้ามขาดแม้แต่ใบเดียว อะไรที่ควรเอาเข้ากระบวนการก็ห้ามลัดขั้นตอน นี้เป็นสิ่งที่จะปกป้องคุณ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฉินปิ่งเซิงก็มีสีหน้าเคร่งขรึมลง ที่เขาเข้ามาไม่ใช่เพราะต้องการสั่งสอนเฉินชาง แต่อยากใช้เรื่องนี้ทำให้เฉินชางได้สติ!
อันที่จริงเรื่องเมื่อคืนก็ไม่น่าพูดถึง เพราะอย่างไรสาเหตุสำคัญก็เกี่ยวข้องกับญาติผู้ป่วย
แต่!
เรื่องที่เฉินชางทำในระยะนี้ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ค่อยวางใจ! โดยเฉพาะการผ่าตัดในห้องฉุกเฉินเมื่อวานนี้ เมื่อเฉินปิ่งเซิงรู้เรื่องก็ตกใจแทบตาย
“ผมได้ยินเรื่องของคุณในระยะนี้มาไม่น้อย คุณผ่าตัดในห้องฉุกเฉินโดยไม่ได้เชิญหัวหน้าแผนกมาด้วยซ้ำ โชคดีที่ไม่มีปัญหาอะไร หากเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ คุณจะรับผิดชอบไหวหรือ ถ้าไม่ใช่ว่าหัวหน้าแผนกปกป้องคุณนะ! คุณต้องระวังให้ดี!
ที่ผมพูดเรื่องเหยียนหมิงกับคุณในวันนี้ไม่ใช่เพราะต้องการสั่งสอนคุณ และไม่ได้อยากให้คุณสงสารเหยียนหมิง แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า อย่าได้ทำตัวเป็นวีรบุรุษให้มากเกินไป ต่อไปไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร คุณต้องจำไว้ว่าจะต้องทำตามกฎระเบียบให้สมบูรณ์!
แม้ระเบียบข้อบังคับจะยุ่งยาก แต่คุณจำไว้ให้ดี ระเบียบข้อบังคับกำหนดจากผู้มีประสบการณ์ สร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องหมอ”
เฉินปิ่งเซิงรู้สึกร้อนใจและหวั่นวิตก เขารู้จักนิสัยของเฉินชางดี อีกฝ่ายเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย
เรื่องราวของเหยียนหมิงเอามาอธิบายเรื่องพวกนี้กับเฉินชางได้พอดี
เฉินชางพยักหน้า แต่อารมณ์ของเขาก็ยังคงไม่ดีขึ้น “ขอบคุณครับ ผมรู้แล้ว ผมกลับก่อนนะครับ”
เฉินปิ่งเซิงเห็นเฉินชางยังคงไม่นำพาก็ส่ายหน้า เขายังเยาว์เกินไป อย่าได้พบเจอเรื่องย่ำแย่ใดๆ เลย…ต่อไปจะต้องพยายามดูเขาอย่างเต็มกำลังเสียแล้ว
……
……
หลังจากออกมาจากแผนกฉุกเฉิน เฉินชางก็ไม่ได้ไปไหน ข้าวก็ไม่ได้กิน ตรงกลับไปล้มตัวลงนอนทันที
เฉินชางฝันน้อยมาก แต่คราวนี้เขากลับฝันมากมาย เมื่อสะดุ้งตื่นฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
นอนไปนานขนาดนี้เชียวหรือ
สัมผัสได้ถึงเสียงร้องโครกครากที่ดังออกมาจากท้อง ตอนนี้เฉินชางเพิ่งรู้ตัวว่าเขายังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน
เขากำลังจะลงไปข้างล่าง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เฉินชางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู จากนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ทำไมฉินเยว่โทรหาเขาได้ล่ะ
เมื่อกดรับแล้วเฉินชางก็ถามว่า “ว่าไง”
เสียงของฉินเยว่ที่ดังออกมาดูอ่อนโยนกว่าปกติเล็กน้อย “เอ่อ…คุณกินข้าวหรือยัง”
เฉินชางส่ายหน้า “ยังไม่ได้กิน วันนี้ผมรู้สึกง่วงๆ ก็เลยหลับไป เพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้เอง กำลังจะลงไปหาอะไรกินข้างล่าง จะไปด้วยกันไหมครับ”
ฉินเยว่ถอนใจออกมา “คุณพ่อจะให้ฉันไปเรียนปริญญาเอก แต่งานที่แผนกฉุกเฉินยุ่งเกินไปจึงไม่เหมาะสม เขาเลยให้ฉันย้ายไปแผนกที่ว่างๆ สักหน่อย”
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย “อ้อ…ปริญญาเอก! ไปเรียนที่ไหนครับ”
ฉินเยว่คิดครู่หนึ่ง “คงเป็นเซียงหย่าไม่ก็ปักกิ่งยูเนี่ยน! ยังไงก็เปิดรับช่วงปลายปี แค่มาบอกก่อนจะได้เตรียมตัว”
เฉินชางวางตะเกียบลง ร้องอ้อออกมาคำหนึ่ง
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอาหารในวันนี้รสชาติธรรมดามาก
“แล้วจะไปอยู่ที่แผนกไหนครับ” เฉินชางถามอย่างสงสัย
ฉินเยว่คิดครู่หนึ่ง “ศัลยกรรมทั่วไปค่ะ หัวหน้าจางก็อยู่ที่นั่น”
เดิมทีฉินเยว่ก็มาจากแผนกศัลยกรรมทั่วไปอยู่แล้ว ไปแผนกศัลยกรรมทั่วไปคงจะเหมาะสมดี
เฉินชางรู้สึกสูญเสียเล็กๆ อย่างที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยง
สุนัขขี้ประจบจะไปแล้ว ต่อไปในชีวิตอันแสนสั้นของเขาจะไม่มีหญิงงามคอยตะโกนว่ายอดเยี่ยมอีกแล้ว นี่มันน่าเบื่อเกินไป!
คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็ทอดถอนใจออกมา
สิ่งของยังอยู่แต่ผู้คนกลับจากลา
ดูท่าทางต่อไปนี้คงต้องไปแสดงความเสแสร้งที่แผนกศัลยกรรมทั่วไปสักหน่อยแล้ว…
ที่สำคัญก็คือ…เมื่อครู่เขาเพิ่งรู้ว่าคนแซ่ฉินนี่เก็บงำความลับได้ลึกจนไร้ช่องโหว่จริงๆ
น่าเสียดาย น่าเสียดาย!
หากรู้ก่อนหน้านี้ก็คงทำอะไรตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
เฮ้อ…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ