เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ นิยาย บท 366

สรุปบท บทที่ 366 ความกดดันยิ่งสูง อารมณ์ก็ยิ่งมา: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

ตอน บทที่ 366 ความกดดันยิ่งสูง อารมณ์ก็ยิ่งมา จาก เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 366 ความกดดันยิ่งสูง อารมณ์ก็ยิ่งมา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายSlice of Life เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 366 ความกดดันยิ่งสูง อารมณ์ก็ยิ่งมา

เช้าวันจันทร์ เฉินชางสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่แตกต่างออกไปจากยามปกติ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินชางโหยหาการมาทำงานที่แผนกฉุกเฉินถึงเพียงนี้

เขาหยิบมือถือออกมาดูข้อความที่เขาแชทคุยกับฉินเยว่ รู้สึกเหมือนตัวเองยังตกอยู่ในเหตุการณ์นั้น โดยเฉพาะตอนเห็นข้อความที่ฉินเยว่ส่งมาให้เขาเป็นครั้งแรก มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในใจ

“ตาทึ่ม คุณเป็นคนของฉัน ต่อไปก็รู้จักตักตวงซะบ้างสิ!”

เฉินชางเห็นข้อความนี้ก็ยิ้มออกมา

……

เจ็ดโมงเช้า แผนกฉุกเฉินวุ่นวายประหนึ่งตลาดสด

เช้าวันจันทร์เป็นการเริ่มต้นความวุ่นวายของสังคมเมือง ไม่ว่าจะเป็นการจราจรที่คับคั่งหรือจะเป็นขนส่งสาธารณะอันแน่นขนัดก็ตาม กระทั่งแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองก็ยังยุ่งวุ่นวายสุดเปรียบ

ผู้คนมาทำงานอย่างเร่งร้อน นี่ทำให้เกิดปัญหาได้ง่าย การกระทบกระทั่งกันก็มีให้เห็นมากมาย

หวังหย่งไม่มีคาถาแยกร่าง แผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยมารอคิวอยู่เจ็ดแปดคนแล้ว ในแผนกก็ยุ่งไม่ต่างกัน

การมาถึงของเฉินชางทำให้ทุกคนผ่อนคลาย กระทั่งเหล่าพยาบาลก็เช่นกัน เมื่อพวกเธอเห็นเฉินชางก็รู้สึกราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต

“หมอเสี่ยวเฉิน คุณมาแล้ว!” เสี่ยวหลินยังไม่ออกเวรดึก เมื่อเห็นเฉินชางก็รีบพูดขึ้นทันที “ทางนี้มีผู้ป่วยรอตรวจอยู่หลายคนเลยค่ะ”

เฉินชางเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นจึงเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องสำหรับเปลี่ยนชุดแล้วเริ่มงานประจำวันของตน

[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจประจำวัน วินิจฉัยอาการให้ผู้ป่วย 10 คน หากสำเร็จจะได้รับถุงนำโชค 1 ชิ้น]

เฉินชางกดรับภารกิจแล้วเดินมาข้างๆ แม้จะเป็นภารกิจประจำวันธรรมดา แต่เขากลับรู้สึกคล้ายมีบางอย่างแตกต่างจากปกติ

ตรวจอาการให้ผู้ป่วยสิบคนไม่ยากเท่าไหร่

หรือเขาจะคิดมากไปเอง

คิดพลางเฉินชางก็เดินไปยังห้องตรวจ เตรียมตัวอย่างอดทน

……

……

ปีนี้อู๋อวี้ซู่อายุห้าสิบสองแล้ว เป็นช่วงวัยที่กล่าวได้ว่า บนมีพ่อแม่ ล่างมีลูกหลาน กลางมีภรรยา

มีคนพูดว่าผู้ชายวัยห้าสิบเป็นช่วงวัยที่ขีดเส้นชะตากรรมของตัวเอง อู๋อวี้ซู่ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดนี้นัก แม้เขาอายุห้าสิบสองแล้วแต่ยังไม่กล้ากำหนดชะตากรรมของตัวเองหรอก เพราะเขารู้สึกกดดันหนักมาก

มารดาอายุแปดสิบกว่าปีเพิ่งผ่าตัดมา ต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง เดี๋ยวเดียวลูกชายก็จะแต่งงานอีกแล้ว ต้องซื้อเรือนหอราคาร่วมสามล้านหยวน ใช้เงินดาวน์หนึ่งล้าน เงินจำนวนนี้ก็ขุดเอาจากเงินที่เขาเก็บสะสมมาหลายปี

เมื่อซื้อเรือนหอแล้วก็ต้องตกแต่งอีก หากจะแต่งงานก็ต้องมอบเงินสินสอดให้เจ้าสาว เตรียมสินสอดแล้วก็ต้องเตรียมจัดงานแต่งงานต่อ ไปๆ มาๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น

อู๋อวี้ซู่รู้สึกเหมือนหัวตัวเองจะระเบิด! เอาแต่คิดหดหู่ทั้งวัน

หากคนเรารู้สึกกดดันมากเข้าก็ย่อมทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย ทำให้อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย คุมอารมณ์ได้ไม่ดี

อู๋อวี้ซู่ก็เป็นเช่นนี้เอง เดิมทีเขาเป็นข้าราชการตำแหน่งเล็กๆ ในหน่วยงานแห่งหนึ่ง ต้องปั้นหน้านิ่งทั้งวัน ไม่มีใครพูดดีๆ กับเขาสักคน พอกลับมาถึงบ้านภรรยาและลูกชายเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้ก็ไม่กล้าเข้ามาพูดด้วย

ภรรยายิ่งแล้วใหญ่ อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็กลัวเขาโกรธ หากโกรธขึ้นมาคงทะเลาะกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นเช่นนี้ก็สะสมไปทีละน้อยจนสุดท้ายก็คิดว่าช่างมันเถอะ ทำให้การสื่อสารประจำวันระหว่างพวกเขาลดน้อยลงมาก

ลูกชายซื้อเรือนหอ พ่อแม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย ไม่ทราบว่านี่กลายเป็นความคิดกระแสหลักของสังคมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงแม้เหล่าอู๋จะไม่พอใจแต่คิดดูแล้วก็ยังทนไม่ไหว ลูกผู้ชายอย่างเขา เหนื่อยก็เหนื่อยไปเถอะ

เช้าวันนี้ตอนเขาตื่นขึ้นมา อยู่ๆ ก็รู้สึกใจหวิวๆ จนทนไม่ไหว!

เขารู้สึกหน่วงๆ บริเวณหน้าอก เหมือนหายใจไม่ออกและเจ็บที่หน้าอกเล็กน้อย

เฮ้อ…

ถ้าตอนอายุเจ็ดแปดสิบแล้วแข็งแรงเช่นนี้จะดีขนาดไหนนะ

ทำงานอีกสองปีแล้วรีบเกษียณเถอะ!

ความคิดนี้เพิ่งจะปรากฏ ก็ถูกอู๋อวี้ซู่สะบัดทิ้งทันที จะเกษียณไม่ได้ เขาแบกภาระค่าเรือนหอของลูกชายอยู่อีกหลายล้าน!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลมหายใจของอู๋อวี้ซู่ก็กระชั้นถี่ยิ่งขึ้นจนไอออกมา

ในตอนนี้เอง ชายชราคนนั้นก็เดินมานั่งข้างอู๋อวี้ซู่ เมื่อเห็นท่าทางของอู๋อวี้ซู่ก็ขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร

นี่ทำให้อู๋อวี้ซู่รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณลุงสุขภาพดีจังเลยนะครับ”

ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากลังเลไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “อายุมากแล้วก็ต้องใส่ใจสุขภาพสักหน่อย คุณก็ด้วยนะครับ”

อู๋อวี้ซู่พยักหน้า “ครับ วันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยรีบมาหาหมอ อายุขนาดผม มีทั้งพ่อแม่ลูกหลานให้ดูแล ไม่กล้าป่วยหรอกครับ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้อู๋อวี้ซู่ก็หัวเราะกับตัวเอง

เขารู้สึกเหมือนกับว่าตอนที่อยู่กับคนคุ้นเคยกลับยิ้มไม่ออก แต่เมื่ออยู่กับคนแปลกหน้ากลับพูดคุยยิ้มแย้มออกมาได้

ชายชราพยักหน้า “มาก็ดีแล้วครับ ตรวจดูหน่อย ให้หมอดูอาการให้ดี อย่าได้ปล่อยปละละเลย อาการแบบนี้ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะลำบาก”

อู๋อวี้ซู่ส่ายหน้า “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมรู้จักร่างกายของตัวเองดี น่าจะเป็นเพราะช่วงนี้ผมสูบบุหรี่มากไปหน่อยและไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ระบบย่อยอาหารก็ไม่ดี จนทำให้พุงยื่นแล้วเนี่ยครับ”

ชายชราเห็นเขาพูดเช่นนี้ก็ทอดถอนใจออกมา สุดท้ายก็อดเตือนไม่ได้ “ในเมื่อมาแล้วก็ฟังคำพูดของหมอให้ดีเถอะครับ โอเคไหม”

อู๋อวี้ซู่ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาคิดว่าลองตรวจดูก่อนแล้วค่อยซื้อยา จากนั้นก็กลับไปทำงานได้แล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ