บทที่ 427 ประวัติผู้ป่วยของผมมันหิวกระหาย!
การสอบทุกอย่างในทั่วทั้งมณฑลตงหยางสิ้นสุดลงในเดือนตุลาคม เนื่องจากโรงพยาบาลอันดับสองเป็นหน่วยงานที่มีคุณสมบัติเพียงพอซึ่งได้รับเลือกให้เป็นฐานการฝึกอบรมงาน ทำให้มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งมาลงทะเบียน
นี่เป็นเรื่องดีสำหรับหมอของโรงพยาบาลอันดับสองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนักศึกษาจะช่วยลดทอนงานและความกดดันให้หมอไปได้ในพริบตา
นักศึกษา หรือแพทย์อินเทิร์นเหล่านี้มาช้ากว่านักศึกษาในระดับปริญญาโทเล็กน้อย เนื่องจากนักศึกษาในระดับปริญญาโทมีจำนวนน้อย และ…ที่สำคัญก็คือ คนพวกนี้แต่ละคนต่างก็มีคนให้พึ่งพาอาศัย ตอนมาราวด์[1]ยังไม่ทันได้ราวด์ดีๆ ก็ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาของตนเรียกตัวกลับไปแล้ว
อาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละคนล้วนเป็นแพทย์ระดับหัวหน้าแพทย์กันทั้งนั้น หากหมอปฏิเสธอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาทั้งที่ยังต้องอยู่โรงพยาบาลเดียวกันคงไม่ค่อยดี ซึ่งหากเทียบกันแล้วแพทย์อินเทิร์น พวกนี้จะมั่นคงกว่ามาก
หลี่เป่าซานบอกเรื่องนี้กับทุกคนในช่วงแลกเปลี่ยนเวรตอนเช้า บรรยากาศภายในห้องหมอพลันครึกครื้น
จางซูเป็นคนแรกที่พูดยิ้มๆ ว่า “จะมีอินเทิร์นมาเหรอ รีบเลย! หัวหน้า คุณก็รับมาเยอะๆ หน่อยล่ะ!”
“ใช่แล้ว! ประวัติผู้ป่วยของผมกำลังหิวกระหาย!” หมอหู หมอแผนกฉุกเฉินฝ่ายอายุรกรรมหัวเราะก่อนจะเอ่ยติดตลก
“ในที่สุดตอนไปราวด์วอร์ดก็ไม่ต้องแบกประวัติผู้ป่วยเองแล้ว รู้สึกเหมือนมีลูกสมุนเลยแฮะ…” หวังเชียนกล่าวอย่างทอดถอนใจ
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลี่เป่าซานก็อดพูดไม่ได้ว่า “คนเขามาเรียน ไม่ได้มารับจ้างทำงานให้พวกคุณสักหน่อย เก็บท่าเก็บทางกันด้วย! แต่…มาเป็นแพทย์อินเทิร์นก็คือมาเรียนรู้ทักษะ การเรียนรู้ก็คือเป้าหมาย การทำงานคือวิธีการ ตอนแยกแผนกในอีกสองเดือนต่อจากนี้ ผมจะทำการประเมินแบบกลุ่ม ถ้าพวกอินเทิร์นไม่ผ่าน ก็เป็นความรับผิดชอบของอาจารย์”
ประโยคนี้ของหลี่เป่าซานทำให้ทุกคนชะงักไปทันที
ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเสียมิได้
หลี่เป่าซานกำลังจะเดินออกไป จู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงย้อนกลับมาพูดต่อไปว่า “เอ่อ…แพทย์อินเทิร์นจะมาร่วมงานด้วยแล้ว ช่วงเวลาฝึกงานก็คือหนึ่งเดือน แต่เงินช่วยเหลือมีไม่ถึงสองพัน คนที่มีตำแหน่งยังดี ยังมีเงินเดือนพื้นฐานเดือนละสามสี่พัน ส่วนคนไม่มีตำแหน่งก็ได้ประมาณสองพัน เป็นคนหนุ่มสาวทั้งนั้น อยู่ในวัยกำลังใช้เงิน ดังนั้นถ้าทุกคนช่วยเหลือเรื่องค่าข้าวได้ก็ช่วยหน่อยนะครับ พยายามอย่าใช้งานคนอื่นฟรีๆ ล่ะ”
กินข้าวในเมืองอันหยางมื้อหนึ่ง แม้จะเป็นร้านที่ไม่แพงก็ยังต้องใช้เงินมื้อละสิบกว่าหยวน แม้ดูไม่มากแต่ก็เป็นการแสดงน้ำใจ
กล่าวได้ว่าหลี่เป่าซานเป็นคนที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนคนหนึ่ง ในตอนที่เฉินชางยังเป็นแพทย์ชั่วคราว หากมีงานอะไรทำเงินได้ หลี่เป่าซานก็จะให้พวกเขาไปทำ พยายามหาเงินให้มากสักหน่อย
“จริงสิ เลขาฯ ฝ่ายอินเทิร์นของแผนกเราก็ให้ปิ่งเซิงทำไปแล้วกัน ปิ่งเซิง เดี๋ยวพอแพทย์อินเทิร์นมาแล้วคุณก็แบ่งกลุ่มให้ดีนะครับ พยายามทำให้แน่ใจว่าหมอทุกคนจะมีแพทย์อินเทิร์นอยู่ใต้การดูแลอย่างน้อยหนึ่งคน ใครที่ยุ่งหน่อยก็มีสองคน”
เฉินปิ่งเซิงพยักหน้า “ได้ครับ”
หลี่เป่าซานค่อนข้างวางใจเฉินปิ่งเซิง พูดจบก็เดินออกไป
หวังเชียนทอดถอนใจ “เฮ้อ รีบมาเถอะ ผมก็อยากมีอินเทิร์นเป็นของตัวเองเหมือนกัน!”
อันเยี่ยนจวินหรี่ตามองหวังเชียน กล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “คุณก็มีพวกหมอเดนท์คอยติดตามอยู่ไม่ใช่หรือ ไปไหนซะแล้วล่ะ”
หวังเชียนทอดถอนใจ “อาจารย์อัน คุณไม่รู้สินะครับ หมอเดนท์คนนั้นเป็นนักเรียนของหัวหน้าหยางแผนกศัลยกรรมโรคปอด ถูกเรียกกลับไปทำงานที่แผนกแล้ว ส่วนผม…ก็ไม่กล้าถาม ไม่กล้าพูด ยังไงเขาก็เป็นนักเรียนของหัวหน้าหยาง เฮ้อ…วุ่นวาย!”
อันเยี่ยนจวินพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจ เรียกว่าสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินคนระดับหัวหน้าแผนกเพียงเพราะนักเรียนแค่คนเดียว
หวังเชียนมองไปยังอันเยี่ยนจวินยิ้มๆ “ผมยังดี เด็กนั่นก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน เลยมาช่วยดูเรื่องประวัติผู้ป่วยให้ผมเป็นบางครั้ง แต่เฉินชางสิ เขาก็มีนักเรียนอยู่คนหนึ่ง แต่…ดูเหมือนลงทะเบียนแล้วจะไม่เคยมาเลย!”
เฉินชางชะงักไปทันที “ผมมีนักเรียนกับเขาด้วยเหรอ ทำไมไม่รู้เลยล่ะครับ!”
หวังเชียนกล่าวอย่างมีความสุข “ฮ่าๆ ดูสิ นักเรียนตัวเองยังไม่รู้อีก!”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ เฉินปิ่งเซิงจัดแจงหมอเดนท์ให้เฉินชางไปคนหนึ่งแล้ว แต่…เฉินชางไม่รู้ตัว!
คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รู้สึกระทมทุกข์ “ทำไมผมไม่รู้ล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ