บทที่ 428 ภารกิจ
แผนกฉุกเฉินเป็นสถานที่หล่อหลอมผู้คนได้ดีจริงๆ!
เวลาประมาณสิบโมงกว่า เพิ่งจัดแจงแพทย์อินเทิร์นเสร็จ ก็มีผู้ป่วยสองคนถูกส่งมาที่แผนกฉุกเฉิน คนหนึ่งเป็นผู้จัดการวัยกลางคนที่หมดสติไประหว่างทำงาน อีกคนหนึ่งเป็นผู้สูงอายุที่หัวใจวายบนรถประจำทาง
แผนกฉุกเฉินจมลงสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง และเป็นเพราะหมอทุกคนอยู่กันครบ การรวมทีมกู้ชีพจึงกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก สุดท้ายจางซูรับผิดชอบผู้ป่วยหมดสติ ส่วนเฉินปิ่งเซิงรีบเข้าไปกู้ชีพผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
เฉินชางเดินตามไป เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
ผู้ป่วยอายุเจ็ดสิบแปดปี มีโรคประจำตัวคือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ผู้ป่วยไปสวนสาธารณะในตอนเช้า หลังแข่งหมากรุกแพ้ไปหลายกระดานก็รู้สึกหม่นหมอง ขณะนั่งรถประจำทางก็ทะเลาะกับคนอื่น เถียงกันไปหลายประโยค จากนั้นจู่ๆ ก็โรคหัวใจกำเริบ
ชายชราที่เป็นคู่กรณีตกใจแทบสิ้นสติ…อยู่ดีๆ ทำไมหัวใจวายได้ล่ะ
ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาตนต้องรับผิดชอบตามกฎหมายหรือเปล่า!
ยังดีที่คู่กรณีไม่ได้เป็นโรคหัวใจ มิฉะนั้น…เรื่องนี้คงกลายเป็นเรื่องใหญ่
ดีที่คนขับรถประจำทางมีปฏิกิริยาว่องไว รีบขับรถมาจอดข้างแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองที่อยู่ใกล้ๆ ทันที
ผู้ป่วยอายุมากแล้ว และมีโรคประจำตัวมากด้วย!
ขั้นตอนการกู้ชีพดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น กระทั่ง…ผู้ป่วยเกือบเสียชีวิตไปแล้วหลายครั้ง!
แพทย์อินเทิร์นที่ดูอยู่ข้างๆ ตื่นตระหนกตกใจ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ถึงอย่างไรนี่ก็หนึ่งชีวิต!
กู้ชีพกันมาประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดผู้ป่วยก็ถูกดึงกลับมาจากขอบเหวแห่งความตาย!
อันที่จริง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเฉินปิ่งเซิงเตรียมใจว่าจะกู้ชีพล้มเหลวอยู่แล้ว เพราะผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคเก่า อายุก็มากแล้ว ระบบการทำงานของหัวใจจึงย่ำแย่ และตั้งแต่อาการกำเริบจนมาถึงโรงพยาบาลก็เสียเวลาไปหลายนาที ดังนั้น…กู้ชีพกลับมาได้ก็นับเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ
ครอบครัวผู้ป่วยรออยู่ด้านนอกด้วยความกระวนกระวายใจ
เมื่อเฉินปิ่งเซิงนำข่าวกู้ชีพสำเร็จมาบอกญาติผู้ป่วย พวกเขาก็หัวเราะดีใจจนน้ำตาคลอ!
ผู้สูงวัยอายุเจ็ดสิบแปดปีที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายถูกช่วยชีวิตกลับมาได้ แต่จากนี้ยังต้องให้ยาละลายลิ่มเลือด หรือรักษาด้วยการสอดลวดอีก ทว่าอย่างน้อยก็รักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว
ทางด้านผู้ป่วยที่เป็นลมหมดสติได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการสมองขาดเลือดกำเริบและถูกส่งตัวไปที่แผนกอายุรกรรมประสาทและสมองแล้ว
ผู้ป่วยสองคนที่ถูกส่งตัวมาอย่างกะทันหันทำให้แพทย์อินเทิร์นทั้งหมดที่อยู่ในแผนกได้สัมผัสประสบการณ์ตรง รับรู้ด้วยตัวเองว่าจากนี้ไปตลอดสองเดือน สิ่งที่ตนต้องเผชิญไม่ใช่การละเล่น แต่เป็นการสู้กับความตายอย่างแท้จริง
หากไม่ระวังแม้เพียงนิดเดียว จะทำให้ผู้ป่วยตายได้!
ชั่วขณะนั้น ทุกคนพลันจมลงสู่ความคิดนับพันหมื่น
ในเวลาหนึ่งชั่วโมง พวกเขาเห็นความอ่อนแอของชีวิตกับตาตนเอง เห็นความสำคัญของงานกู้ชีพด้วยตาตัวเอง!
เมื่อเห็นครอบครัวผู้ป่วยหัวเราะทั้งที่น้ำตาไหลเต็มหน้า พวกเขาพลันรับรู้ได้ว่าสิ่งที่แบกอยู่บนไหล่ก็คือความหวังของครอบครัวผู้ป่วยและตัวผู้ป่วยเอง นี่คือความเชื่อใจและคาดหวัง ช่างหนักอึ้งเหลือเกิน!
วินาทีนี้ พวกเขาถึงตระหนักอย่างกระจ่างชัดว่า พวกเขาก็คือปราการด่านสุดท้ายของชีวิต! แม้ปราการนี้จะไม่ยิ่งใหญ่ แต่ท้ายที่สุดก็ยังปกปักรักษาชีวิตเอาไว้ได้!
ขอเพียงพวกเขาสวมชุดกาวน์สีขาวอยู่บนร่าง ขอเพียงพวกเขาเรียกตัวเองว่าหมอ นี่ก็คือภารกิจ นี่ก็คือความรับผิดชอบ!
……
……
แต่ไหนแต่ไรแผนกฉุกเฉินไม่เคยมีคำว่าว่างอยู่ในสารบบ ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วก็ยังมีผู้ป่วยบาดเจ็บภายนอกมาที่แผนก เป็นเชฟควบตำแหน่งเถ้าแก่ของร้านอาหารซินเจียงแห่งหนึ่ง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล คนไข้ก็อยู่ในอาการตื่นตระหนก
“หมอๆๆ! เร็วเข้าๆ นิ้วผมขาดแล้ว!” ผู้ป่วยอายุสี่สิบต้นๆ หัวล้าน หน้าบานหูกาง
เฉินชางรีบเดินมาพูดกับผู้ป่วยว่า “ตามผมมา!”
เมื่อเชฟคนนั้นเห็นเฉินชาง ดวงตาก็เปล่งประกาย “ครับๆ!”
สวีตงตงเดินตามเฉินชางเข้าไปในห้องหัตถการ เมื่อเห็นบาดแผลก็รู้สึกชาวาบ…
“เป็นอะไรมาครับ” เฉินชางถามด้วยท่าทางสงบนิ่ง
เชฟมุ่ยปาก “หั่นนิ้วตัวเอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ