บทที่ 438 ฉันเสียสละเพื่ออาชีพมากเหลือเกิน!
เมื่อผ่านเรื่อง ‘โพแทสเซียมในเลือดสูง’ ของเมื่อวานไปแล้ว แพทย์ฝึกงานที่มาราวด์ในแผนกฉุกเฉินก็คล้ายจะมีการพัฒนาอยู่บ้าง เมื่อมาถึงแผนก แต่ละคนก็เสนอตัวไปทำงานกับอาจารย์ผู้ดูแลของตนเองทันที
ดูเหมือนพวกเขาจะรู้ตัวแล้วว่าเมื่ออยู่ในแผนกฉุกเฉิน แม้ว่าทุกความรู้และทุกรายละเอียดจะเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ แต่สำคัญกับงานในอนาคตของพวกเขา
เช่นตอนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ บนรถไฟ หรือบนเครื่องบิน เมื่อพบเจอเหตุการณ์กะทันหันใดๆ แล้วมีการเรียกหาหมอ คุณอยากออกไปช่วยแต่ช่วยไม่ได้เพราะความรู้และทักษะไม่พอ ความรู้สึกผิดและความใจเสาะเช่นนั้นจะให้รสชาติอย่างไรกัน
ต้องเรียนรู้ทักษะให้มากขึ้น! ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงให้ผู้ป่วย!
ประโยคนี้ เฉินชางสัมผัสด้วยตัวเองมาแล้วสามปี!
……
……
บ่ายวันศุกร์ แผนกฉุกเฉินกำลังยุ่งวุ่นวาย
ขณะที่เฉินชางกำลังทำแผลให้ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บภายนอกคนหนึ่งอยู่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ช่วงสองวันมานี้ เฉินชางอ่อนไหวกับเสียงโทรศัพท์มาก เขารอบริษัทขนส่งโทรมาทั้งวัน ด้วยเหตุนี้จึงวานให้สวีตงตงไปดูเสียหน่อยว่าใครโทรมา
สวีตงตงพูดขึ้นว่า “บริษัทขนส่งด่วนครับ”
เฉินชางมีสีหน้ายินดี…ในที่สุดก็มาแล้วสินะ
คงเป็นวารสารของเขา เพราะช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ซื้อของอะไรเลย ถ้ายังไม่มาอีก คงไม่ทันการประชุมที่จะเริ่มพรุ่งนี้แล้ว!
คิดแล้วเฉินชางก็อดคาดหวังไม่ได้ รีบพูดไปว่า “ตงตง คุณช่วยไปรับของให้ผมที่ประตูตะวันตกของโรงพยาบาลหน่อยนะครับ!”
สวีตงตงพยักหน้าแล้วเดินออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินชางส่งวิทยานิพนธ์ไปให้วรสารระดับสูงขนาดนี้ ซึ่งก็คือวารสาร ‘การปลูกถ่ายตับ’!
คิดแล้วก็ตื่นเต้น
แต่ส่วนใหญ่ชีวิตคนเราจะดำเนินไปในทิศทางที่ว่ายิ่งคุณอยากทำอะไรก็ ชีวิตก็ยิ่งไม่ยอมให้คุณทำ เฉินชางยังไม่ทันนั่งให้มั่นคงก็มีผู้ป่วยเข้ามาอีกคนหนึ่ง คล้ายจะไม่ให้เขามีเวลาหยุดพักแม้แต่น้อย
เฉินชางจนปัญญา ได้แต่ลุกขึ้นเดินเข้าห้องตรวจ
คราวนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้หญิงอายุสี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง เธอแต่งหน้าสวยงาม สวมรองเท้าส้นสูง เธอบาดเจ็บเพราะขณะเดิน รองเท้าส้นสูงดันไปติดอยู่กับท่อน้ำจนเธอล้มและได้แผลที่ขา ถุงน่องขาดจนติดติดไปกับขา แต่ไม่ร้ายแรงเท่าไหร่นัก
เฉินชางมองแล้วพูดว่า “เดี๋ยวผมช่วยตัดถุงน่องให้คุณนะครับ กลับบ้านแล้ว ตอนคุณถอดก็ระวังอย่าให้โดนแผลด้วยนะครับ”
ผู้หญิงคนนั้นได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง คุณหมอช่วยฉันถอดเลยได้ไหมคะ”
เฉินชางเห็นอีกฝ่ายพูดจาเปิดเผยเช่นนี้ก็ชะงักไป แบบนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสม!
เฉินชางพูดว่า “งั้นคุณถอดถุงน่องออกก่อนนะครับ เดี๋ยวหมอทำแผลให้”
เธอขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “ฉันกลัวเจ็บ”
เล่อเล่อที่อยู่ข้างๆ ทนดูต่อไปไม่ไหว “เดี๋ยวฉันช่วยเองค่ะ!”
เธอมองท่าทางกระฉับกระเฉงของเล่อเล่อแล้วก็ถอนใจออกมา ถึงจะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่มีวิธีอื่น ได้แต่ทำตามแล้ว
อันที่จริงเล่อเล่อเป็นคนที่มีร่างกายสูงใหญ่ซึ่งหาได้ยากยิ่งในหมู่นางพยาบาลของแผนกฉุกเฉิน เธอสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบ หนักประมาณเจ็ดสิบกิโลกรัม พอคลอดลูกแล้วน้ำหนักก็ทะลุร้อยห้าสิบไปแล้ว!
หากใช้คำพูดของเธอกล่าวก็คือ น้ำหนักนี้ของเธอ คือความเสียสละที่เธอมีให้กับความรักและอาชีพการงาน
งานในแผนกฉุกเฉินส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องใช้แรง เล่อเล่อเป็นตัวเลือกแรงงานที่ขาดไปไม่ได้ในหมู่นางพยาบาลจริงๆ
เมื่อเล่อเล่อกำจัดถุงน่องที่เป็นอุปสรรคออกไปอย่างคล่องแคล่วและว่องไวแล้ว การล้างแผลฆ่าเชื้อและพันแผลที่จะทำต่อไปก็ง่ายมาก! สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนก็คือ พี่สาวประทินโฉมงดงามคนนี้ดูจะอ่อนไหวต่อความเจ็บปวดมาก
ส่วนเสียงก็…อืม พอดังขึ้นแล้วก็ฟังดูแปลกๆ!
“ซี้ด…ฉันเจ็บ!”
“อาๆๆ …หมอคะ เบาหน่อยค่ะ!”
“โอย…เจ็บๆๆ!”
……
เสียงของเธอทำเอาเฉินชางและเล่อเล่อรู้สึกทรมานมาก! และเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิด เฉินชางจึงรีบบอกให้เล่อเล่อเปิดประตูห้องตรวจเอาไว้ เขากลัวคนอื่นเข้าใจผิด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ