บทที่ 470 คืนสละโสดก่อนแต่งงาน
เมื่อเฉินชางเดินออกไปก็พบว่าศูนย์ฉุกเฉิน 120 นำตัวผู้ป่วยชายมาส่งคนหนึ่ง! ตอนนี้กำลังเข็นเตียงเข้ามาที่ห้องฉุกเฉินแล้ว
เฉินชางก็เริ่มร้อนใจเช่นกัน รีบวิ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉินทันที
ชายที่ตามมาด้วยเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วม มีเหงื่อออกเต็มศีรษะ เห็นได้ชัดว่าตกใจไม่น้อย!
เมื่อเขาเห็นเฉินชางก็รีบพูดขึ้นว่า “หมอครับ! ช่วยเพื่อนผมด้วยนะครับ พรุ่งนี้เขาจะแต่งงานแล้ว! จะปล่อยให้เป็นอะไรไม่ได้นะครับ!”
เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ คนรอบๆ ก็ตกใจจนตาค้าง เฉินชางเองก็ตะลึงไปเช่นกัน
“ผู้ป่วยหมดสติได้ยังไงครับ”
เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เห็นได้ชัดว่ากำลังเครียดหนัก อย่างไรเสียนี่ก็เป็นว่าที่เจ้าบ่าวที่กำลังจะแต่งงานพรุ่งนี้แล้ว จู่ๆ ก็ถูกศูนย์ฉุกเฉิน 120 พาตัวมาเช่นนี้ ถ้าไม่รู้สึกอะไรคงแปลกแล้ว!
ชายคนนั้นมองเฉินชาง พยายามย้อนคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “เขาจะแต่งงานพรุ่งนี้แล้วครับ ช่วงนี้เลยยุ่งๆ ไม่ง่ายเลยกว่าจะจัดการธุระเสร็จ เมื่อวานพวกเราก็เลยจัดงานสละโสด นัดรวมตัวกับเพื่อนๆ น่ะครับ
เพื่อนผมคนนี้ชอบดื่มเหล้า ผมกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่กินกันอยู่ที่บ้าน พวกเราซื้อของกินเข้ามาด้วย แต่หลักๆ ก็คือเหล้า พวกเรากินเหล้าร้องเพลงกัน ทำกิจกรรมมันทุกอย่าง!
แล้วก็…เมื่อคืนกินเหล้ากันเสร็จแล้วเขาก็ยังไม่เป็นอะไรนะครับ แต่วันนี้ตอนเช้า พอตื่นขึ้นมาเขาก็บอกผมว่าปวดหัวตาพร่า รู้สึกใจหวิวๆ จนทนไม่ไหว! ผมเห็นเขามีเหงื่อออกทั้งตัวเลยรีบแจ้ง 120 ให้มาส่งที่โรงพยาบาล! ยังไม่ทันไรเขาก็หมดสติไปครับ”
เฉินชางไม่สนใจอย่างอื่น เขาฟังชายคนนั้นเล่าไปพลางพูดกับเสี่ยวหลินว่า “ติดเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจก่อนเถอะครับ! ดูกราฟหัวใจก่อน!”
จากนั้นจึงหันไปพูดกับชายคนนั้นต่อ “ได้กินอาหารทะเลเข้าไปหรือเปล่าครับ หรือว่ามีของกินที่เขาแพ้หรือเปล่า ไม่งั้นเขาดื่มเหล้าอะไรเข้าไปบ้าง ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยป่วยเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
คำถามที่ถาโถมเข้ามาเป็นระลอกทำให้ชายคนนั้นมึนงงเล็กน้อย
“ไม่มีอาการแพ้อะไรนะครับ เหล้าที่กินก็เป็นเหล้าปกติทั่วไป อาหารที่สั่งก็เป็นพวกเนื้อย่างเสียบไม้ที่ผมสั่งเดลิเวอรี่มาจากข้างนอก ก็กินกันตามปกติ ช่วงนี้พวกเราก็กินกันแบบนี้บ่อยๆ อีกอย่างเขาบอกว่าหลายวันมานี้รู้สึกเหมือนท้องไส้ไม่ค่อยดี ตอนกลางคืนก็ไม่ได้กินอะไรอีก!
ถ้าเป็นเหล้าที่ดื่มกันก็คือเหล้าเฝินจิ่ว (เหล้าขาวชนิดหนึ่ง) หมักสิบปี พวกเราสี่คนกินกันไปสองลิตร ปกติเพื่อนผมดื่มเก่งกว่าพวกเรามาก ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่เหล้าหรอกครับ!
ส่วนเรื่องที่ว่า…เขาป่วยเป็นอะไรมาก่อนหรือเปล่า อันนี้ผมก็ไม่รู้จริงๆ คงไม่ได้เป็นอะไรมั้งครับ”
พูดจบแล้วเขาก็คิดกับตัวเองในใจว่า ต่อให้เพื่อนป่วยก็คงไม่บอกเขาแน่
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย “ติดต่อญาติผู้ป่วยด้วยครับ ถามญาติว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า”
ชายคนนั้นได้ยินก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาแล้ว
ติดต่อญาติผู้ป่วยหรือ…นี่มันค่อนข้างยุ่งยากเลยทีเดียว ถ้าคุณลุงคุณป้ารู้เข้าว่าพวกตนกินเหล้าด้วยกันคงตีเขาตายแน่!
แต่ถ้าไม่ติดต่อไป…หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ คงแย่แน่ พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็คงเป็นความผิดของตน คิดได้ดังนี้ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปหาบิดาของผู้ป่วย “สวัสดีครับคุณลุง ผมนายอ้วนเองนะครับ ใช่ครับ!”
“คุณลุงครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณลุง อย่าเพิ่งร้อนใจไปนะครับ โอเคไหมครับ คือว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวกังไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรใช่ไหมครับ!”
อีกฝ่ายได้ยินคำถามนี้ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงรีบถามขึ้นทันที “นายอ้วน เสี่ยวกังเป็นอะไร บอกลุงมาเดี๋ยวนี้!”
นายอ้วนได้ยินก็ต้องทอดถอนใจออกมาทันที สุดท้ายก็บอกไปตามตรง “คุณลุงครับ วันนี้เช้าตอนเสี่ยวกังเพิ่งตื่นมาไม่นานเขาก็หมดสติไป ผมโทรหาศูนย์ฉุกเฉิน 120 ให้มารับตัวเขาไปส่งที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วครับ หมอให้ผมถามคุณลุงว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวกังป่วยเป็นโรคอะไรหรือเปล่า”
จริงดังคาด เมื่อกล่าวออกมาเช่นนี้ อีกฝ่ายก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัด!
เฉินชางรับโทรศัพท์มาคุย “สวัสดีครับ ผมหมอเฉินชางของโรงพยาบาลอันดับสองนะครับ ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว หรือเคยป่วยเป็นอะไรมาก่อนหรือเปล่าครับ ทางครอบครัวมีโรคทางพันธุกรรมไหมครับ”
ขณะที่ยังวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจไม่เสร็จ เฉินชางจำเป็นต้องถามคำถามเหล่านี้ให้ชัดเจน เพื่อให้ได้ข้อมูลสำคัญในการรักษา!
คุณลุงได้ยินคำพูดของเฉินชางก็สูดหายใจลึก เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ถึงอย่างไรลูกชายเขาก็ใกล้จะแต่งงานแล้ว แต่จู่ๆ กลับต้องมาที่แผนกฉุกเฉิน ทั้งยังหมดสติไปอีก หากว่า…ให้ตายเถอะ!
เขาโมโหเล็กน้อย พยายามสงบใจของตนเองให้ได้ ความกังวลกับความโกรธผสมปนเปกันไปหมดทำให้น้ำเสียงของเขาฟังดูหงุดหงิด!
“สวัสดีครับหมอ เสี่ยวกังไม่มีโรคประจำตัวอะไรนะครับ ปีที่แล้วเขาก็เพิ่งไปตรวจร่างกายมา ทุกอย่างเป็นปกติหมด ส่วนเรื่องโรคทางพันธุกรรมของครอบครัว…ผมเป็นความดันโลหิตสูง ส่วนโรคอื่นไม่มีแล้วครับ!”
พูดจบก็กล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา “หมอครับ ต้องช่วยเขาให้ได้นะครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แล้วก็ไม่มีอะไรเป็นปัญหาทั้งนั้น คุณต้องช่วยเขานะครับ! เขาจะแต่งงานพรุ่งนี้แล้ว!”
ตอนนี้เสี่ยวหลินเข้ามาพูดกับเฉินชางว่า “หมอเฉินคะ ต่อเครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจเสร็จแล้วค่ะ!”
เฉินชางส่งโทรศัพท์ให้นายอ้วน แล้วรีบหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที
นายอ้วนเดินไปเดินมาอยู่ด้านนอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจและความรู้สึกผิด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ