บทที่ 505 เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง
พอได้ยินบทสนทนาของหวังอวี้ซานกับทังจินโป กู้หงเหมยก็หน้าเปลี่ยนสีทันที!
เธอมองชายเร่ร่อนด้วยสีหน้าตำหนิแวบหนึ่ง “เขาไม่ได้มีอาการแค่วันสองวัน อย่างน้อยน่าจะครึ่งปีแล้วใช่ไหม ตอนแรกมัวไปทำอะไรอยู่ ตอนนี้กล้ามเนื้อท้องแขนของเด็กเปลี่ยนสภาพแล้ว กลายเป็นแผลเป็นแล้ว เขาจะไม่เจ็บแย่เหรอ”
ไม่แปลกใจที่กู้หงเหมยโมโห!
เด็กเพิ่งอายุสองสามขวบเอง แต่แขนบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว ใครเห็นก็ต้องปวดใจทั้งนั้น
กล้ามเนื้อท้องแขนหดรั้งเพราะขาดเลือดเป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังจากอวัยวะแขนขาได้รับบาดเจ็บ สาเหตุสำคัญก็ไม่ได้ซับซ้อน เป็นเพราะเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่พอ
อาการแบบนี้มักมีประวัติการได้รับบาดเจ็บ หรือไม่ก็ถูกกดทับท้องแขนส่วนข้อศอกมาก่อน
ทั้งยังเป็นอาการที่เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ถ้ารักษาทันตั้งแต่ช่วงแรก ผลลัพธ์ก็ยังน่าพอใจ
แต่หากไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาไม่ทันเวลา รักษาไม่ถูกต้อง หรือถ่วงเวลารักษา ผลการรักษาก็จะไม่ดีพอหรือไม่ก็แขนพิการ ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้!
ด้วยเหตุนี้ การวินิจฉัยโรคและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญมาก
เห็นได้ชัดมากว่าตอนนี้อาการของเด็กไม่ได้อยู่ในระยะแรกแล้ว กลายเป็นอาการนิ้วหงิกงอเพราะภาวะกล้ามเนื้อหดรั้งแบบนี้ ก็อธิบายได้แล้วว่าเป็นระยะหลัง
เพราะแบบนี้ กู้หงเหมยถึงได้บ่นด้วยความโมโห
อายุของเด็กน่าจะประมาณหนึ่งถึงสองขวบ ถ้าอยู่บ้านคนอื่นคงได้เพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของชีวิตเด็กวัยห่อผ้าอ้อม
แต่เด็กคนนี้กลับเข้าใกล้ความพิการกับความตายแล้ว!
เมื่อชายเร่ร่อนได้ยินกู้หงเหมยตำหนิก็อดหน้าแดงไม่ได้ เขาส่ายหน้าน้อยๆ ร้อนรนอยากอธิบาย แต่กลับไม่มีเสียงพูดออกมา ท่าทางร้อนรนแทบแย่แล้ว
ตอนนี้หวังอวี้ซานก็กล่าวเสียงต่ำว่า “มีกระดูกเรเดียสหักตรงท้องแขน แต่…กระดูกประสานตัวกันแล้ว เป็นภาวะกระดูกติดผิดรูป เป็นมาอย่างน้อยครึ่งปีแล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคที่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบนี้ ใจก็ฝ่อไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ยิ่งเวลานานไป สถานการณ์ก็ยิ่งอันตราย ยิ่งทำให้เสียชีวิตได้ง่ายขึ้น!
เป็นพ่อแม่ประสาอะไร ถึงปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ได้ ลูกกระดูกแขนหักมาเกินครึ่งปีแล้วแต่ไม่สนใจ หลังจากปล่อยให้ลุกลามจนพิการ ก็อาจทำให้เกิดภาวะขาดเลือดจนกล้ามเนื้อตายเฉพาะส่วน ทำให้เป็นนิ้วหงิกงอเพราะภาวะกล้ามเนื้อหดรั้งเหมือนอย่างที่เห็นวันนี้
เฉินชางมองเถาหันไฉ่ ถามว่า “คุณไปเจอเขาได้ยังไงครับ” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า
เถาหันไฉ่แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกหมอคุยกัน แต่ก็พอรู้คร่าวๆ ว่ามาช้าไป ตอนนี้อาการหนักมากแล้ว อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้!
ชั่วขณะนั้นเขาตาแดงและส่ายหน้าไม่หยุด เอาแต่ขอร้องอยู่อย่างนั้น แล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ จึงหยิบกระดาษขึ้นมาเขียน ‘ผมเจอเด็กคนนี้ในซอยเล็กๆ เมื่อวานซืน แต่ผมยินดีพาเขามารักษา ผมมีเงิน ผมมี 52941.5 หยวน ผมยินดีจ่ายทั้งหมดเพื่อรักษาเขา’
พอพูดจบ เขาก็หยิบถุงพลาสติกออกจากกระเป๋าเสื้อ เหมือนกับครั้งก่อนไม่มีผิด แต่ครั้งนี้มีเงินอยู่ข้างใน มีทั้งเหรียญและธนบัตร!
เมื่อทุกคนได้เห็นข้อความของชายคนนี้ ก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งทันที
พ่อแม่แบบไหนกันที่ทำเรื่องอย่างนี้ได้!
เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แต่นี่โยนลูกทิ้งไว้ในซอยเล็กๆ จะปล่อยให้ตายเองตามยถากรรมงั้นเหรอ
พวกเขายังเทียบคนเร่ร่อนไม่ได้ด้วยซ้ำ
เขายินดีนำเงินทั้งหมดที่มีมาช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่ง แต่พวกคุณกลับไม่ทะนุถนอม โยนทิ้งไว้ในมุมเล็กๆ
ตอนนี้ทุกคนมองคนเร่ร่อนด้วยสายตาซาบซึ้งและนับถือมากขึ้นหลายส่วน
……
……
ตอนนี้ไม่รู้ที่มาของเด็กชัดเจน ครอบครัวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เฉินชางยังต้องรายงานไปที่โรงพยาบาล เพราะโรงพยาบาลและรัฐบาลจะมีเงินทุนประคับประคองและระบบจัดการดูแลโดยเฉพาะ
พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้คนเร่ร่อนคนหนึ่งมารับผิดชอบเด็ก สังคมนี้ก็ไม่แล้งน้ำใจจนปล่อยเด็กคนหนึ่งไว้ตามยถากรรมเช่นกัน
เฉินชางเคยเก็บเด็กทารกถูกทิ้งตรงประตูแผนกฉุกเฉินมาก่อน แต่ก็มีจำนวนไม่มาก พวกเขาเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยตอนทำงานที่โรงพยาบาลเด็ก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ