ภายในงานวันนี้ ไม่ได้เต็มไปด้วยความสุขเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ทุกคนโกรธเคือง นั่งอยู่ตรงนั้น คุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ศูนย์ฉุกเฉินวันนี้
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ผู้เข้าแข่งขันอย่างพวกเมิ่งซีล้วนทยอยกลับมากันแล้ว แม้พวกเขาจะนั่งรอบนเก้าอี้อย่างใจเย็น แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดว้าวุ่น
ตอนที่เฉินชางออกไปเตรียมจะโบกรถ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ซือหยางโทรมา
‘ฮัลโหล เฉินชาง คุณกลับโรงแรมหรือยัง’
เฉินชาง “ผมอยู่หน้าประตูศูนย์ฉุกเฉินครับ กำลังจะไป”
ซือหยางยิ้ม “บังเอิญจัง ผมก็อยู่แถวนั้น รอผมสองนาที ผมไปส่งคุณ”
สองนาทีหลังจากนั้น รถของซือหยางจอดข้างถนน หลังจากเฉินชางขึ้นไปก็รีบขอบคุณ
จู่ๆ ซือหยางก็พูดว่า “ผมได้ยินว่าวันนี้เกิดเรื่องนิดหน่อย”
เฉินชางพยักหน้า “อืม ใช่ครับ”
ซือหยางฟังถึงตรงนี้ พลันถามอย่างตื่นเต้น “เรื่องใหญ่ไหมครับ”
เฉินชางรู้สึกโชคดีเล็กน้อย “ไม่เป็นไรครับ กู้ชีพได้ทันเวลา!”
หลังจากซือหยางได้ยินแล้วก็โกรธจนก่นด่า “สารเลวพวกนี้ หน้าไม่อายจริงๆ”
เฉินชางถอนหายใจ “ภาระหนักหน่วง”
ซือหยางเองก็ส่ายหน้าอย่างเหลืออด “หลังจากเรียนจบ ผมทำงานที่วิทยาลัยการแพทย์ห้าปี อดทนอดกลั้นมาห้าปี ผมทนไม่ไหวแล้ว เพราะมีโอกาสจึงทำให้ได้เข้าสู่วงการอุตสาหกรรมอุปกรณ์ จากนั้นก็เข้าไปอยู่บริษัทเมดโทรนิค ผมทำงานอยู่หกปีถึงได้มาเป็นผู้จัดการของจีนตะวันออก
“ตอนแรกผมคิดว่าเรียนหมอมีเกียรติ ได้รับความเคารพจากผู้คน รายได้ดี ภายหลังค้นพบว่าก็แค่นั้นแหละ ผมออกมาเข้าสู่วงการเภสัชภัณฑ์ถึงรู้ว่าปริญญาเอกวิทยาลัยการแพทย์ของผมเป็นที่นิยมแค่ไหน! ตอนอยู่ในโรงพยาบาล ผมเป็นแค่แพทย์ประจำบ้านตัวเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญอะไรเลย คนนอกบอกว่าวิทยาลัยการแพทย์เก่ง แต่ถ้าคุณอยู่ในวงการนี้ คุณก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย
“แต่พอผมไปอยู่วงการเภสัชภัณฑ์ ผมค้นพบว่าการศึกษาระดับวิทยาลัยการแพทย์และประสบการณ์ของผมเป็นที่นิยมมากวงการ โดยพื้นฐานแล้วผมเลื่อนตำแหน่งทุกสองปี เพียงแค่ไม่กี่ปีก็ได้รับตำแหน่งผู้จัดการประจำจีนตะวันออก อายุไม่ถึงสี่สิบปี รายได้ผมก็เท่าเป็นหมอทั้งชีวิตแล้ว ผมรู้สึกว่าคุ้ม อีกอย่าง ตอนนี้ใครมีเรื่องกับผม ผมก็จะเล่นงานไปเลย เป็นคนเหมือนกัน ทำไมต้องมาเอาใจใคร ทำไมต้องมาอ้างหลักศีลธรรมกับผม ผมติดค้างคุณเหรอ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ดีมาก!”
เฉินชางพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร
ซือหยางจงใจพูดให้เฉินชางฟัง แต่…ก็เหมือนพูดให้ตนเองฟังเหมือนว่า บอกตนเองว่าอย่าเสียใจภายหลัง
หลังจากบ่นไปหลายประโยค ซือหยางก็ไปส่งเฉินชางที่หน้าประตูโรงแรม จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “จริงสิ เฉินชาง ผมเตรียมของขวัญไว้ให้คุณด้วย เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ส่งที่อยู่ให้ผมหน่อยนะครับ ช่วงกลางคืนมีสินค้าล็อตหนึ่งจะส่งไปที่บริษัทสาขาเมืองอันหยาง จะได้ส่งให้คุณด้วย พรุ่งนี้ผมจะให้คนไปส่งให้ถึงบ้านคุณ”
เฉินชางรีบปฏิเสธ “พี่ซือหยาง เกรงใจจังครับ ไม่เป็นไรจริงๆ”
ซือหยางส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ใช่ของแพงอะไร แค่เป็ดย่างไม่กี่ตัว และเครื่องดื่มอีกนิดหน่อย ไม่มีมูลค่าอะไร น้ำใจครับ”
หลังจากเกรงใจกันไปมาครู่หนึ่ง ซือหยางยิ้มพูดว่า “ผมแค่ถูกถูกโฉลกกับคุณ อยากผูกมิตรไว้”
……
……
เมิ่งซีเห็นเฉินชางกลับมาก็ดีใจขึ้นมาทันที “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
เฉินชางขมวดคิ้ว “ผมต้องเป็นอะไรเหรอครับ”
เมิ่งซีพูดอย่างเป็นห่วง “ฉันได้ยินว่าที่ศูนย์ฉุกเฉินมีคนบาดเจ็บ ฉันยังกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณ”
เมิ่งซีชอบล้อเล่น นิสัยค่อนข้างเจ้าเล่ห์ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องมาจากประสบการณ์การใช้ชีวิตที่อเมริกาสิบกว่าปีอย่างยิ่ง
ความจริงแล้วน้อยครั้งมากที่เธอจะล้อเล่นกับคนแปลกหน้า เธอรักษาระยะห่างมาโดยตลอด มีการป้องกันตัวเองสูงมาก แต่กับเฉินชางและคนรู้จัก เมิ่งซีก็มักจะล้อเล่นด้วย บางทีถึงขั้นไม่ขัดเกลาคำพูด คิดอะไรก็พูดออกมาเลย
เฉินชางเองก็เข้าใจเรื่องนี้ ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร หัวเราะตามน้ำ
พอเธอรู้ว่าที่ศูนย์ฉุกเฉินเกิดเรื่องก็เป็นห่วงเฉินชางมาก โทรไปเขาก็ไม่รับ
เห็นเฉินชางไม่ได้เป็นอะไร เมิ่งซีก็โล่งอกไปที
ตอนนี้เอง อู๋ถงฝู่พลันเดินขึ้นเวที มองทุกคนแล้วพูดว่า “ทุกคนเงียบก่อนครับ”
หลังจากทุกคนเห็นอู๋ถงฝู่ก็เงียบทันที
เรื่องวันนี้เกิดขึ้นที่ศูนย์ฉุกเฉินและผู้อำนวยการอู๋ก็เป็นผู้อำนวยการที่นั่น ทุกคนเชื่อว่า เรื่องวันนี้ เขาจะมีคำตอบให้
อู๋ถงฝู่มองทุกคนด้านล่างเวทีพลางกล่าวว่า “เรากล่าวประเด็นหลักก่อน เดี๋ยวผมมีเรื่องราวดีๆ จะแจ้งให้ทราบครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ