เรียกได้ว่าข่าวเรื่องแผนกฉุกเฉินจะเปิดห้องผ่าตัดเป็นของตัวเองทำให้ทุกคนตกใจ!
อันเยี่ยนจวินและเฉินปิ่งเซิงมองหน้ากัน เบิกตากว้าง รู้สึกเหลือเชื่อ
พวกเขาอยู่ในแผนกฉุกเฉินมาสิบกว่าปีแล้ว ย่อมผ่านคลื่นลมมรสุมมามากมาย ทำให้เข้าใจเรื่องต่างๆ ดี
ต่อให้ไม่กลัวอันธพาลก็ต้องกลัวถูกลากเข้าไปโดนลูกหลง!
ไม่ว่าเหตุผลของคุณจะดีแค่ไหน คนอื่นก็ยังจะหาเหตุผลและข้ออ้างไร้สาระมาเล่นงานคุณได้อย่างสง่าผ่าเผย
ฉินเสี้ยวหยวนสูบบุหรี่เข้าไปเฮือกหนึ่ง จากนั้นจึงพ่นควันออกมา สถานการณ์ของโรงพยาบาลอันดับสองค่อนข้างซับซ้อน เขาและถานลี่กั๋วเลยช่วงเกรงอกเกรรงใจกันมาแล้ว ความไม่ลงรอยของทั้งสองไม่ใช่ความลับนานแล้ว
หัวหน้าส่วนใหญ่ที่อยู่ในระบบศัลยกรรมของโรงพยาบาลได้รับการคัดเลือกและควบคุมโดยถานลี่กั๋ว
เมื่อคิดถึงการได้รับเลือกของเฉินชางที่หลุดจากการควบคุมของถานลี่กั๋ว เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ คราวนี้สิ่งที่เขาจะทำก็คือการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของฝ่ายศัลยกรรมในโรงพยาบาล
แผนกฉุกเฉินเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด
ฉินเสี้ยวหยวนเป็นคนสูบบุหรี่จัด ครึ่งนาทีก็สูบลงท้องไปแล้วมวนหนึ่ง จากนั้นจึงดับไฟที่ก้นบุหรี่ พูดว่า “จริงๆ แล้วการพัฒนาแผนกฉุกเฉินเป็นเรื่องที่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้น แผนกฉุกเฉินเป็นแนวหน้าคอยรักษาชีวิตคน ทางการให้การสนับสนุนและร่วมพัฒนามาโดยตลอด พวกผู้นำให้ความสำคัญเรื่องโรงงานเคมีระเบิดครั้งที่แล้วมาก บอกว่าจะต้องสนับสนุนการพัฒนาแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลให้ดี”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็หัวเราะออกมา มองไปที่เฉินชางแล้วพูดว่า “จะว่าไปก็เป็นผลงานของเฉินชางนะครับ คราวที่แล้วคุณแสดงผลงานเข้าตามาก พอจบงานหวังเซี่ยงจวินก็ติดต่อไปหาผู้นำ ท่านผู้นำแสดงท่าทีออกมาแล้วว่าต้องให้ความใส่ใจกับแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองให้ดี ให้เลือกทำงานสำคัญๆ และร่วมงานกับศูนย์ฉุกเฉิน 120 ด้วยน่ะครับ”
“เมื่อเป็นแบบนี้ ปริมาณงานของแผนกฉุกเฉินของพวกเราจะต้องเพิ่มขึ้นเยอะแน่นอน แต่ในด้านจำนวนและคุณภาพของหมอ ผมว่าคงต้องโอนย้ายหมอมาจากแผนกอื่น ให้มาร่วมงานประจำวันกับแผนกฉุกเฉิน”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็พากันพยักหน้า
เรื่องความดีความชอบเป็นเรื่องพูดยาก เมื่อทำงานอยู่ในแผนกฉุกเฉิน ต่อให้คนอื่นไม่มีความดีความชอบ แต่คุณต้องมี!
อะไรที่เรียกว่าความดีความชอบน่ะหรือ?
ก็คือ ต้องสร้างผลงานให้หัวหน้าเห็น
ฉินเสี้ยวหยวนพูดต่อไป “ถึงรายละเอียดจะยังไม่ถูกประกาศออกมา แต่ว่าเป่าซาน ช่วงนี้คุณก็เตรียมตัวให้พร้อมหน่อยนะครับ ร่วมมือกันให้ดี คาดว่าคงอีกไม่นานแล้ว”
หลี่เป่าซานพยักหน้า มองไปยังอันเยี่ยนจวิน เฉินปิ่งเซิงและเฉินชาง พูดขึ้นว่า “ที่เรียกพวกคุณมาในคราวนี้ หลักๆ ก็เกี่ยวกับเรื่องการประสานงานในวันหน้า อาจต้องปรับตัวเล็กน้อย พวกคุณเป็นสมาชิกทีมเก่าแก่ของผม เรื่องบางเรื่องก็ไม่ต้องแนะนำและห้ามปรามกันแล้ว แค่นั่งคุยกันต่อหน้าก็พอ”
“อันเยี่ยนจวิน ผมคิดว่าความสามารถและเทคนิคของคุณพึ่งพาได้ ผมคิดจะแยกฝ่ายศัลยกรรมออกมาเป็นฝ่ายย่อยในแผนกฉุกเฉิน โดยให้คุณเป็นหัวหน้า”
อันเยี่ยนจวินได้ยินดังนั้นก็ตาสว่างวาบขึ้นมาทันที!
อันเยี่ยนจวินอายุไม่น้อยแล้ว อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว เมื่อมีเวลาว่างก็ยังพัฒนาทักษะอยู่ตลอด เดิมทีเขาเป็นศัลยแพทย์ แต่ความก้าวหน้าด้านศัลยศาสตร์ของมณฑลตงหยางไม่ค่อยดีนัก ไม่มีพัฒนาการด้านผ่าตัดผ่านการส่องกล้อง เรื่องการเย็บต่อนิ้วก็ยิ่งเป็นความฝันเฟื่อง
อันเยี่ยนจวินอดพูดไม่ได้ว่า “หัวหน้าหลี่ การจะพัฒนาด้านศัลยศาสตร์ไม่ได้ต้องการเฉพาะเทคนิคอย่างเดียวนะครับ แต่ยังต้องการอุปกรณ์ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นผมตัวคนเดียวทำไม่ไหวหรอก”
ฉินเสี้ยวหยวนกล่าวขึ้นว่า “อุปกรณ์กำลังมาแล้ว!”
หลี่เป่าซานเลิกคิ้วขึ้น “เสี่ยวเฉินจะเป็นลูกมือให้คุณเอง พวกคุณสองคนทำงานด้วยกันนะครับ”
คำพูดของทั้งสองราวกับดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้อันเยี่ยนจวินอดตะลึงไม่ได้ จากนั้นจึงกำหมัดแน่น “ผมจะทำให้ดีแน่นอน!”
ความจริง ตอนที่เฉินปิ่งเซิงได้ยินว่าทุกคนจะแย่งตัวเฉินชางไปก็อยากปฏิเสธเพราะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เฉินชางติดตามเขามาเกือบสามปีแล้ว สามปีนี้เรียกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกศิษย์เขาครึ่งหนึ่ง ทั้งสองสนิทกันมาก ถ้าเฉินชางไปแล้วเขาจะต้องลำบากแน่
แต่…
แต่ลำบากก็ส่วนลำบาก
นี่เป็นเรื่องที่จะช้าจะเร็วก็ต้องเกิดขึ้น
และเป็นอนาคตของเฉินชาง ตนไม่อาจถ่วงเขาได้
เมื่อคิดเช่นนี้เฉินปิ่งเซิงก็ส่ายหน้าพลางแย้มยิ้ม
ส่วนเฉินชางกลับเงียบไปครู่หนึ่ง ความจริงเฉินชางไม่เคยคิดเลือกทางเดินด้านศัลยศาสตร์มาก่อน แต่ว่า…นี่เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตอนนี้ เพราะทักษะการเย็บเส้นเอ็นของเฉินชางอยู่ในขั้นปรมาจารย์แล้ว และการเย็บผิวหนังก็อยู่ในระดับสูง หากไม่เลือกเส้นทางศัลยศาสตร์คงเสียดายความสามารถ
แต่…เหล่าเฉินล่ะ…
เฉินชางอดพูดไม่ได้ว่า “แต่…ผมเป็นคนของเหล่าเฉิน ถ้าผมไป…เหล่าเฉินจะทำยังไงล่ะครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ