บ่ายวันจันทร์ ข่าวหนึ่งกำลังแพร่ไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว!
“คุณรู้หรือเปล่า? วันนี้แผนกศัลยกรรมทรวงอกจะถูกยุบแล้ว สือฉีถูกย้ายไปเป็นรองหัวหน้าแผนกเต้านมแล้ว” ฉินเยว่ก็เหมือนคนที่เพิ่งได้รู้ข่าวใหญ่ทั่วไป เธอเดินมากระซิบข้างๆ เฉินชางด้วยท่าทางลึกลับ
เฉินชางที่กำลังเขียนประวัติผู้ป่วยชะงักไปเล็กน้อย!
เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
เพิ่งวันเดียว บอกจะยุบแผนกศัลยกรรมทรวงอกก็ยุบเลยหรือ
ตอนนี้หวังเชียนที่เป็นหนึ่งในสามสมาชิกผู้เฝ้าห้องทำงานก็พูดขึ้นมาว่า “สมน้ำหน้า! สือฉีคนนั้นทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ผมจะบอกอะไรให้ ตอนงานเลี้ยงรวมตัวกับเพื่อนๆ ผมอายที่จะพูดถึงแผนกศัลยกรรมทรวงอกของโรงพยาบาลพวกเราจริงๆ”
“คราวที่แล้วมีผู้ป่วยเป็นหนองในช่องอก ผมนัดมาตรวจโรคร่วมกันแล้ว แต่สือฉีคนเก่งกลับไม่ยอมมา ผมต้องเร่งลงไปถึงจะเอ้อระเหยมาให้ มาแล้วพูดว่ายังไงรู้หรือเปล่า? บอกว่านี่ไม่ใช่ผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคในแผนกของพวกเขา ให้ผมไปเชิญหมอแผนกปอดมาตรวจโรคร่วมกัน ให้ตายเถอะ ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกได้ยังไง”
เฉินชางพยักหน้า สือฉีเป็นแบบนั้นจริงๆ ทุกคนในโรงพยาบาลต่างก็รู้กันหมด
แต่การกลับไปทำงานเดิมได้ก็เป็นเรื่องดี อย่างไรเสียแผนกศัลยกรรมทรวงอกก็เป็นแผนกที่ดูแลโรคอันตราย ถ้าคุณเป็นหมอรักษาโรคเกี่ยวกับเต้านมแต่กลับจะไปทำศัลยกรรมทรวงอกจะไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรืออย่างไร?
เดิมทีการพัฒนาศัลยศาสตร์ของโรงพยาบาลอันดับสองก็ไม่ใช่ว่าจะดีอะไร หลายแผนกมีแค่ชื่อเสียงจอมปลอม ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นหน้าเป็นตาในฐานะโรงพยาบาลชั้นนำสามอันดับแรกเท่านั้น
ต้องทราบว่าโรงพยาบาลชั้นนำสามอันดับแรกต้องรักษาคุณสมบัติของโรงพยาบาลชั้นนำสามอันดับแรกเอาไว้ จำเป็นต้องมีแผนกต่างๆ มากมาย ต้องแบ่งฝ่ายอย่างละเอียด หากว่ากันตามจริง หลายปีมานี้โรงพยาบาลอันดับสองจ่ายเงินสร้างตัวตนไปไม่น้อย และใช้ทางลัดไม่น้อยเลยทีเดียว
ดังนั้นการพัฒนาทางด้านศัลยศาสตร์จึงค่อนข้างอืดอาด ไม่ต้องพูดถึงระดับประเทศเลย แค่ในมณฑลตงหยางก็ไม่นับเป็นอะไรได้แล้ว แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่บุคลากรตัวเล็กๆ อย่างพวกเขาต้องใส่ใจ
ตอนนี้เอง จู่ๆ หวังหย่งก็เดินพรวดพราดเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสามอยู่ในห้องก็รีบพูดขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน “วันนี้จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!”
ทั้งสามเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน “หมายความว่ายังไง?”
หวังหย่งพูดด้วยท่าทีลึกลับ “เมื่อกี้หัวหน้าแผนกกำลังเตรียมการผ่าตัด อยู่ดีๆ ผู้อำนวยการก็เรียกประชุม ว่ากันว่ามีผู้นำระดับสูงมาด้วย ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับแผนกฉุกเฉินของพวกเรา!”
……
……
ภายในห้องประชุมของโรงพยาบาล สือฉีนั่งอยู่ที่นั่น วันนี้เขาคือ “ตัวละครหลัก”
นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เข้าร่วมประชุมที่นี่ คาดว่าตำแหน่งหัวหน้าแผนกสือจะต้องกลายเป็นรองหัวหน้าแผนกสือเสียแล้ว
หัวข้อสำคัญของการประชุมในวันนี้ก็คือการเรียกคืนห้องผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมทรวงอก ตลอดจนประเด็นที่ว่าห้องผ่าตัดหมายเลขแปดที่ว่างอยู่จะมอบให้ใครกันแน่
ไม่ว่าใครก็อยากได้!
ห้องผ่าตัดก็เหมือนกับเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาล เป็นทรัพยากรที่แต่ละแผนกแย่งชิงกัน
หากมีเตียงผู้ป่วยมาก เท่ากับว่าผลประโยชน์ของแผนกจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย ส่วนเรื่องการมีห้องผ่าตัดเป็นของแผนกตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นแผนกไหนก็ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาแผนก ต่อไปก็ไม่ต้องทำการผ่าตัดที่ต้องคอยสังเกตสีหน้าคนอื่นอีก ทั้งยังบุกเบิกการผ่าตัดใหม่ๆ ได้อีกมากมาย
จางโหย่วฝูหน้าดำคร่ำเครียด “ผมคิดว่าห้องผ่าตัดควรให้แผนกที่จำเป็นกว่านี้นะครับ ตอนนี้แผนกศัลยกรรมทั่วไปของพวกเรากำลังเตรียมจัดตั้งทีมตับและถุงน้ำดี ถ้ามอบห้องผ่าตัดนี้ให้พวกเราจะทำให้ศัลยศาสตร์ของโรงพยาบาลเราพัฒนาไปได้มาก มีส่วนช่วยในการยกระดับศัลยศาสตร์และอิทธิพลของโรงพยาบาลอันดับสองของพวกเราเป็นอย่างมาก”
“ส่วนแผนกฉุกเฉิน ในฐานะที่เป็นแผนกจัดสรรผู้ป่วยก่อนส่งเข้าโรงพยาบาล พวกเราแต่ละแผนกก็ต้องช่วยกันดูแลผู้ป่วยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมอบห้องผ่าตัดให้แผนกฉุกเฉินหรอกครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดฉุกเฉินเคสไหนก็ทำสำเร็จด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ถ้าให้ห้องผ่าตัดกับแผนกฉุกเฉิน นี่จะไม่…เป็นการสิ้นเปลืองหรือ?”
เมื่อจางโหย่วฝูพูดจบก็ไม่มีเสียงใครคัดค้าน!
หลี่เป่าซานก็ไม่ได้แก้ต่างหรือพูดอะไรมากมาย เขารู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะตอนนี้การตัดสินใจต้องมาจากผู้นำระดับสูงของรัฐบาล ซึ่งพิมพ์เอกสารด้วยตัวอักษรดำบนกระดาษขาวประทับตราแดงมาเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นการประชุมเพื่อประกาศผล ไม่ใช่การประชุมเพื่อถกเถียง ต่อให้เขาจะแย่งชิงอย่างไรก็ไม่มีความหมาย
เมื่อหันมามองทางถานลี่กั๋ว พบว่าเขาพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย “ผมว่านี่เป็นการทดลองที่ไม่เลวเลยนะครับ ในฐานะที่แผนกฉุกเฉินเป็นแผนกสำคัญแผนกหนึ่ง พวกเราควรให้ความช่วยเหลือจริงๆ พวกเราทุกแผนกต้องร่วมมือทำงานกับแผนกฉุกเฉินให้ดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ