คลิปวิดีโอไม่สั้นเลย ความยาวประมาณสิบกว่านาที
ทุกคนในห้องต่างได้ยิน
คนไข้ หมอ พยาบาล ล้วนถูกเสียงของเถาอันหรานดึงดูด
เถาจวินรีบขอโทษ “ขอโทษที่รบกวนทุกคนนะครับ”
เขาพูดจบก็พูดกับเฉินชางอีกว่า “หมอเฉิน ส่งมาใน
โทรศัพท์มือถือผมหน่อยครับ ว่าแต่…โทรศัพท์มือถือของผมอยู่ไหน
ครับ”
เถาจวินปาดน้ำตา แม้น้ำตาไหลอยู่ แต่บนใบหน้ากลับ
เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี
พ่อ คำสรรพนามนี้ เขาไม่ได้ยินมานานแค่ไหนแล้ว
ตอนที่เห็นเถาอันหรานในคลิปวิดีโอพูดคำนี้ออกมา
ไม่เพียงแค่เถาจวินที่น้ำตาแตก แม้แต่เถาอันหรานที่อยู่ในคลิปวิดีโอ
ก็ร้องไห้ขึ้นมาเฉินชางสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง พยาบาลเองก็ซาบซึ้งใจ
เล็กน้อย พลันยื่นทิชชูให้
เถาจวินรีบขอบคุณ
เฉินชางมองเถาจวิน “โทรศัพท์มือถือให้ลูกสาวคุณไปตอนคุณ
ผ่าตัด เพราะกังวลเกี่ยวกับความสำ เร็จของการผ่าตัด ผมเลยให้
เสี่ยวเคอเอาไปให้ลูกสาวคุณแล้ว”
เถาจวินอึ้งงันไปทันที “เธอ…มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหรอ”
เฉินชางพยักหน้า “หลังจากเกิดเรื่อง นายกฯ โหลวก็ได้ติดต่อ
สำ นักสันติบาลเพื่อหาญาติของคุณ ถึงได้เจอตัวพวกเธอ หวังว่า
จะมาดูใจคุณเป็นครั้งสุดท้าย”
ได้ยินคำพูดของเฉินชาง เถาจวินอดถอนหายใจไม่ได้ “เฮ้อ
…สุดท้าย ก็ต้องรบกวนพวกเขา ผมหายดีก็ไม่แน่ว่าจะทำงานได้
ลูกสาวอุตส่าห์มีงานทำแล้ว ต้องมาดูแลผมอีก…”
คำพูดของเถาจวินทำให้พยาบาลที่อยู่ข้างๆ สะเทือนใจ
เล็กน้อย
พ่อทุกคนล้วนเป็นแบบนี้ไม่อยากให้ลูกของตัวเองต้องเดือดร้อน
ขอเพียงแค่ตนเองยังไหว ก็ไม่อยากรบกวนลูกๆ
เฉินชางส่ายหน้า “หัวหน้าที่ทำงานของคุณก็มา
นายกเทศมนตรีโหลวก็มา เรื่องราวของคุณในครั้งนี้ รัฐบาล
ให้ความสำ คัญอย่างมาก หลังจากออกจากโรงพยาบาล ที่บริษัท
จะเลื่อนขั้นให้คุณเป็นพนักงานประจำ แล้วย้ายไปทำงานที่เบากว่า
ส่วนค่ารักษาพยาบาลก็จะเบิกให้ทั้งหมด จริงสิ วันนี้ข่าวของคุณ
ออกหนังสือพิมพ์ด้วย ผมลืมซื้อมาให้อ่าน พรุ่งนี้เช้าตอนมาทำงาน
ผมจะเอามาให้ ตอนนี้คุณเป็นวีรบุรุษแล้ว!”
เถาจวินได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วอดส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจ
ไม่ได้
เขาสะเทือนใจมาก
ชีวิตนี้ เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแค่ไหน แม้ไม่มีเงิน แต่
เรื่องราวและประสบการณ์ที่พบเจอก็ไม่น้อยเลย
เหรียญบำเพ็ญกุศลชั้นสองตอนสู้ภัยน้ำท่วมและบรรเทา
สาธารณภัยจนเกือบเสียขาไปเหรียญบำเพ็ญกุศลชั้นสามตอนกู้ภัยแผ่นดินไหว ช่วยชีวิตคน
กว่าสามสิบเอ็ดชีวิต
นี่คือเหรียญบำเพ็ญกุศลของเขา
ทว่า สังคมได้สอนให้เขารู้ว่า ของแบบนี้ บางทีก็มีประโยชน์
บางที…ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
หลังจากออกจากกองทัพ กลับสู่สังคม เขาก็เต็มไปด้วยความ
กระตือรือร้นและอยากสร้างอาชีพ
ครั้นไปคุ้มกันรถบรรทุกถ่านหินที่ซานซี เป็นแกนนำลูกน้องสิบ
กว่าคน ก็ถือว่าองอาจ ติดตามเจ้านายถ่านหินก็ถือว่าได้
ประสบการณ์มากมากมาย ต่อมา…
ทว่าสุดท้ายแล้ว
เขาพบว่า เรื่องที่ตนคิดว่าเป็นการทำดี หลายคนกลับไม่เห็น
ค่า
เรื่องที่ตนไม่สนใจจะทำ กลับถูกคนอื่นชื่นชม
ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าสังคมเปลี่ยนไป
ถึงได้หลงทางผิดแทนที่จะบอกว่าเขากลัวทำให้ลูกสาวเสียโอกาส ควรบอก
ว่าการติดคุกครั้งนั้นเป็นการไถ่ชีวิตเขามากกว่า
ใช้ชีวิตในคุกมาหกปี หลังจากออกมา เขาค้นพบว่าโลก
เปลี่ยนไปอีกแล้ว
ลูกพี่ในอดีตเข้าคุกไปแล้ว เจ้านายในอดีตก็ล้มละลายแล้ว
เถาจวินในตอนนี้ก็สละความคิดเหล่านั้นไปหมดแล้ว วันๆ แค่
ขับรถ เก็บเงิน มีเวลาก็ไปเยี่ยมลูกสาว เฝ้ามองเธอเติบโตอยู่ห่างๆ
บางทีก็ไปแอบมองภรรยา
หลายครั้งที่เคยคิดอยากกลับไปหาพวกเธอ แต่ก็เก็บความคิด
นั้น
ไว้!
ตอนที่เขาคิดว่าตนจะใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ไปทั้งชีวิต เรื่องที่
เขามองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ กลับทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษอย่างนั้น
หรือ
วีรบุรุษหรือ
เหอะ…
เขาเป็นวีรบุรุษหรือบางที เพราะในยุคสมัยนี้ เริ่มต้องการวีรบุรุษแล้วมั้ง…
เถาจวินไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ปฏิเสธ เขาที่อายุห้าสิบกว่า
นับว่าผ่านโลกมาเยอะมากแล้ว
เขามองเฉินชางแวบหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ผมไม่ใช่วีรบุรุษหรอก
ครับ ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมคิดว่าควรทำ แล้วโลกนี้ต้องการวีรบุรุษ
พอดี ผมเลยกลายเป็นวีรบุรุษ ผม…เป็นแค่คนธรรมดาครับ”
ประโยคนี้ทำให้เฉินชางอึ้งงันไป!
เฉินชางพลันรู้สึกว่ามีเหตุผลมาก!
นี่อาจจะเป็นข้อคิดในการใช้ชีวิตของพี่ชายที่ผ่านชีวิตมาห้าสิบ
กว่าปีคนนี้สินะ
ถูกผิดไม่ได้สำ คัญขนาดนั้น
คนเราทำอะไรต้องมีตรงกลาง
หลังกล่าวจบ เถาจวินก็พูดอย่างหิวโหย “คุณ…ช่วยเปิดฝาให้
ผมหน่อยได้ไหมครับ ผมหิวแล้ว…”
เฉินชางยิ้มพอเปิดกล่องอาหาร เถาจวินก็ดมกลิ่น เขายังจะมีใจลิ้มรสเสีย
ที่ไหน กินคำใหญ่ทันที
ไม่ร้อนมาก อุณหภูมิกำลังดี
เถาจวินสีหน้าดื่มด่ำ
นานแค่ไหนแล้ว
รสชาติที่คุ้นเคยแบบนี้…
นี่ก็คือความรู้สึกของบ้านสินะ
เถาจวินกินโจ๊กจนหมดทั้งน้ำตา เขามองเฉินชางพร้อมรอยยิ้ม
“หมอเฉิน จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่า การบาดเจ็บครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่
ผมเคยทำในชีวิต!”
เฉินชางอึ้ง
เถาจวินยังคงเอ่ยต่อว่า “เฮ้อ พระเจ้าเมตตาผมจริงๆ ขอบคุณ
พระเจ้าครับ!”
เป็นความจริงที่เถาจวินรู้สึกว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ เขาอาจจะต้อง
โดดเดี่ยวไปทั้งชีวิตแต่ตอนนี้ เขามีบ้านแล้ว ภรรยาก็กลับมาแล้ว ลูกสาวก็เรียก
เขาว่าพ่อแล้ว หน้าที่การงานก็ได้เลื่อนขั้นเป็นพนักงานประจำ แล้ว
และยังได้เป็นวีรบุรุษอะไรนั่น
ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่ปี เขาจะมีหลานด้วย!
เถาจวินจินตนาการเรื่องพวกนี้แล้วก็ยิ้มออกมา
หลังจากเฉินชางจากไป
คิดดูแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นการฟาดเคราะห์สินะ
มีทุกข์ก็ย่อมมีสุข ใครจะรู้ว่า ชีวิตนี้ต้องเจอกับอะไรบ้าง…
เฉินชางส่ายหน้า เตรียมจะกลับบ้าน
วันนี้อุตส่าห์เป็นวันหยุด เฉินชางไม่อยากใช้ในชีวิตอยู่ใน
โรงพยาบาลทุกวัน
ตอนนี้แค่สิบโมงกว่า
เฉินชางออกจากโรงพยาบาลก็ไปซื้อหนังสือพิมพ์สองฉบับก่อน
จะกลับบ้าน
เพิ่งกลับถึงบ้าน เฉินตั๋วก็โทรเข้ามา
“พี่อยู่เมืองหลวงไหมคะ”เฉินชางเห็นว่าเป็นสายจากเฉินตั๋วก็ชะงักไปทันที
เฉินตั๋วเป็นลูกสาวของเฉินเจี้ยนซาน คุณอาใหญ่ของเฉินชาง
นับว่าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเฉินชาง
“อ้าว ตั๋วตั่วเหรอ ว่าไง มีอะไรหรือเปล่า”
เฉินตั๋วยิ้ม “ไม่มีอะไรค่ะ วันนี้วันหยุดสุดสัปดาห์ หนูจะถามว่า
พี่กับพี่สะใภ้ว่างไหม”
ฉินเยว่นอนเล่นอยู่บนโซฟา ได้ยินว่าเฉินตั๋วโทรมา ก็
รับโทรศัพท์ไปคุยทันที
“ตั๋วตั่วเหรอ วันนี้หนูหยุดใช่ไหม เราไปเดินเล่นกันไหม!”
เฉินตั๋วได้ยินแล้วยิ้มทันที “ได้สิคะ หนูเห็นว่าพี่ๆ เพิ่งมา ยัง
ไม่คุ้นที่ จะพาไปเที่ยวสักหน่อย”
ฉินเยว่กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
เธออยู่บ้านจนเบื่อแล้ว ตอนนี้ได้ยินว่ามีคนนัดออกไปเที่ยว ก็
เด้งตัวขึ้นมาแต่งตัว
“ตั๋วตั่ว หนูส่งที่อยู่มาหน่อย เราขับรถไปรับเดี๋ยวนี้เลย”เฉินตั๋วพลันพูดว่า “มาเที่ยวมหาวิทยาลัยหนูแล้วกันค่ะ หนูพา
พี่ๆ ไปชิมอาหารที่มหาวิทยาลัยหนู ใช้ได้เลยนะ!”
เฉินชางเห็นแบบนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ