สำ หรับการหาหมอ สิทธิ์ทุกอย่างอยู่ในมือคนไข้
ได้ยินคำพูดของหยางเจี๋ย เฉินชางเองก็จนปัญญามาก
ในฐานะโรงพยาบาลย่อมจับคนหลายร้อยคนมายืนอยู่หน้า
ประตู หลังจากเข้ามาก็มัดพวกเขาไว้กับเตียง เริ่มการทดสอบทาง
สรีรวิทยาและชีวเคมีต่างๆ แล้วเอ็กซเรย์ CT เอ็มอาร์ไอแบบ
ครบวงจร สุดท้ายให้คนไข้ดมยาชาและโยนขึ้นเตียงผ่าตัดไม่ได้
เรื่องแบบนี้…ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้
เฉินชางถอนหายใจ “หนีไปก็ช่างเถอะครับ”
ทว่า หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เฉินชางก็ยังคงไม่วางใจนัก พลัน
ลุกขึ้นเดินออกไป
หยางเจี๋ยชะงัก “หมอเฉิน คุณจะไปไหนคะ”
เฉินชางพูดโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ “อ้อ! ไม่มีอะไรครับ
ผมไปดูสักหน่อยว่าหนีไปไกลหรือยัง ไม่แน่อาจจะนอนอยู่บน
สนามหญ้า ยังพอหามกลับมารักษาได้!”ประโยคนี้ทำให้หยางเจี๋ยเกือบหลุดขำออกมา!
แบบนี้ก็ได้เหรอ
หยางเจี๋ยยิ้มออกมา
เฉินชางมองไปรอบๆ ไม่เจอชายหนุ่มเลยจริงๆ คราวนี้เฉิน
ชางก็วางใจแล้ว
ถึงอย่างไรถ้าคนไข้วิ่งได้ไกลขนาดนี้ คงไม่ใช่ตับอ่อนอักเสบ
เลือดออกเฉียบพลันแน่ อย่างมากก็แค่บวมน้ำเฉียบพลัน
หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง เฉินชางก็กลับแผนกฉุกเฉินอย่าง
วางใจ
หยางเจี๋ยอดยิ้มพูดไม่ได้ “เจอไหมคะ”
เฉินชางส่ายหน้า “ไม่เจอครับ ทั้งสนามหญ้าและห้องน้ำหา
มาหมดแล้ว ไม่อยู่ครับ”
หยางเจี๋ยมองเฉินชางแล้วรู้สึกขำ “หมอเฉิน คุณอย่าซื่อบื้อ
ขนาดนี้สิคะ”
เฉินชางชะงัก พูดอย่างจริงจัง “พี่หยางน่าจะเข้าใจผมผิดนะ
ครับ”เรื่องของชายหนุ่มเป็นแค่เรื่องเล็กที่แทรกเข้ามา จากนั้นเฉิน
ชางก็เข้าสู่โหมดทำงานต่อ
……
……
วันนี้เฉินชางเลิกงานตอนเที่ยง แต่ก็ไม่ได้กลับบ้าน เขา
สั่งอาหารมาที่ห้องทำงาน ช่วงเช้าคนไข้เยอะมาก หลังจากรักษา
ผู้ป่วยในเสร็จ ก็มีคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บภายนอกต้องจัดการให้
ทันเวลา
กว่าเขาจะจัดการทุกอย่างเสร็จก็ประมาณบ่ายโมงกว่าแล้ว
หลังจากพนักงานส่งอาหารวางอาหารลงพลันมองเฉินชางแวบ
หนึ่ง “หมอเฉิน กินข้าวก่อนนะครับ”
เฉินชางยิ้ม
จะว่าไป ช่วงที่เฉินชางอยู่แผนกฉุกเฉิน ก็ได้รู้จักพนักงาน
ส่งอาหารหลายคน พวกเขาส่งอาหารอยู่บริเวณโรงพยาบาล ไปๆ
มาๆ ก็สนิทกันไปแล้ว
เพิ่งกินข้าวเสร็จ เฉินชางก็ไปที่ห้องเวรห้องเวรของที่นี่เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลอันดับสองแล้วใหญ่
กว่าไม่น้อย มีเตียงหลายหลัง เหล่าหม่านอนกรนอยู่ แต่ไม่ได้
ส่งผลกระทบต่อหลี่เยว่ที่อยู่ข้างๆ เลยสักนิด
เช้าวันจันทร์งานยุ่งมากจริงๆ เหล่าหม่าตื่นมาตอนแปดโมงเช้า
ยังไม่ทันเปลี่ยนเวรด้วยซ้ำ ก็พาหลี่เยว่ขึ้นรถไปปฏิบัติภารกิจกู้ชีพ
ทันที
เมืองหลวงใหญ่เกินไป ไม่เหมือนกับเมืองอันหยาง
โรงพยาบาลศูนย์ฉุกเฉินเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายช่วยเหลือ
ทั้ง
หมดในเมืองหลวง
หลังจากผ่าตัดฉุกเฉินสองเคส พอกลับมาทั้งสองก็กลายเป็น
แบบนี้ มื้อเที่ยงก็กินแค่ขนมปังในตู้เย็น
เฉินชางเพิ่งนอนลง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เพราะเป็นเบอร์แปลก เฉินชางจึงประหลาดใจไปครู่หนึ่งก่อน
จะปิดเสียง เขาเดินออกจากห้องเวรแล้วค่อยรับสาย “สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ หมอเฉิน ฉันสวีรั่วหยุนนะคะ” เสียงไพเราะดัง
มาจากปลายสายเฉินชางได้ยินแล้วอดอึ้งไม่ได้
สวีรั่วหยุนงั้นหรือ
นี่มัน…ภรรยาลับๆ…ที่เคยเจอที่บ้านของประธานเจิ้งไม่ใช่หรือ
“ครับ สวัสดีครับ” เฉินชางตอบกลับอย่างสุภาพ
สวีรั่วหยุนพลันพูดว่า “หมอเฉินคะ เพื่อนคนหนึ่งของฉัน
ได้รับบาดเจ็บ มีรอยบาดค่อนข้างใหญ่ตั้งแต่คอถึงหน้าอก ต้องเย็บ
ค่ะ”
หลังจากเฉินชางได้ยินแล้วก็อดพูดไม่ได้ “มาที่โรงพยาบาล
ไหมครับ ถ้าแผลค่อนข้างใหญ่ต้องใช้สภาพแวดล้อมปลอดเชื้อ และ
ต้องเตรียมการเยอะมาก”
ตอนนี้เอง ปลายสายก็เปลี่ยนเป็นชายอีกคนพูด
“หมอเฉิน สถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ ถ้าไปโรงพยาบาล
จะค่อนข้างยุ่งยาก ผมเตรียมของไว้หมดแล้ว”
เสียงของชายหนุ่มฟังพูดสุภาพมาก แต่ความจริงกลับให้
ความรู้สึกกดข่มอยู่ตลอดเวลาทว่า เห็นแก่ที่ประธานเจิ้งช่วยเหลือตนมาค่อนข้างมาก เฉิน
ชางจึงตั้งใจจะตอบรับ
ทว่าตอนนี้เองก็มีสายโทรซ้อนเข้ามา เฉินชางก้มดูแล้วเห็นว่า
เป็นสายจากซุนกว่างอวี่จากวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน
เฉินชางเอ่ยกับอีกฝ่ายว่า “ขอโทษด้วยนะครับ รบกวนรอสักครู่
ครับ ผมมีสายเข้า เดี๋ยวผมโทรกลับครับ”
พูดจบ เฉินชางก็สลับสาย “หัวหน้าซุน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า
ครับ”
เสียงของซุนกว่างอวี่ร้อนรนเล็กน้อย “เสี่ยวเฉิน รีบมาที่ห้อง
ผ่าตัดวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนหน่อย มาถึงแล้วผมให้คนไป
รับครับ!”
ซุนกว่างอวี่เสียงสั่น ทำให้เฉินชางตระหนักได้ว่าเรื่องราว
ผิดปกติ
รีบพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ได้ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
ซุนกว่างอวี่พยักหน้าก่อนจะเร่งอีกครั้ง “เร็วๆ นะครับ! ใน
โทรศัพท์คุยไม่รู้เรื่องครับ”หลังจากเฉินชางได้ยินประโยคนี้ก็ตอบรับก่อนจะวางสายและ
วิ่งออกไปโดยไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ
จากโรงพยาบาลศูนย์ฉุกเฉินถึงวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ย
นต้องนั่งรถประมาณสามสิบนาที
ระหว่างทาง เฉินชางได้โทรกลับไปหาสวีรั่วหยุน “ขอโทษด้วย
นะครับ ตอนนี้ผมมีธุระด่วนนิดหน่อย ไปไม่ได้ ต้องขออภัยจริงๆ
ครับ”
ได้ยินคำพูดของเฉินชาง สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที
พลันตะโกนว่า “หมอเฉิน ผมรู้ว่าคุณต้องการเงิน! หนึ่งแสน ไม่สิ
สองแสน ขอเพียงแค่คุณมาเย็บแผลให้ ผมจะให้คุณสองแสน”
เฉินชางอึ้ง ผมหน้าเงินงั้นเหรอ
อีกอย่าง เฉินชางไม่ชอบน้ำเสียงของอีกฝ่ายเลยจริงๆ
“ขอโทษด้วยนะครับ ผมมีธุระด่วน ถ้าเป็นแผลภายนอก คุณ
รีบไปหาหมอเถอะครับ อย่าทิ้งไว้นาน ไม่อย่างนั้นหลังจากหายแล้
วจะกลายเป็นแผลเป็นที่ชัดเจน”เฉินชางเห็นแก่สวีรั่วหยุน หลังจากเตือนเสร็จก็สตาร์ทรถ
เตรียมออกเดินทาง
อีกฝ่ายได้ยินแบบนี้ก็ตะโกนว่า “ไม่พอใช่ไหม ห้าแสน!
เย็บแผลทีเดียว ได้ห้าแสน!”
เฉินชางเห็นแบบนี้ก็วางสายไป
คนแบบนี้ เขาไม่อยากสนใจเลยจริงๆ
ยังไม่ต้องพูดถึงประเด็นที่เฉินชางขาดแคลนเงินหรือไม่ ตอนที่
เย็บแผลให้สวีรั่วหยุน ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวหูชิวพาคนมาทั้งโวยวาย
และเว้าวอนที่แผนกฉุกเฉิน เฉินชางก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
แต่ในสายตาของชายหนุ่ม ตนเป็นเหมือนพนักงานให้บริการ
คนหนึ่ง แค่ให้เงิน ก็จะให้บริการ ถ้าไม่มาเพราะเงินไม่เยอะพอ ก็
จะเพิ่มให้
ความจริงแล้ว!
เงินใช้แก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดอย่างแน่นอน
ตอนนี้เอง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นสายจากสวีรั่วหยุน
เฉินชางตัดสายไปทันที ไม่ได้รับสายอีกไม่นานก็มีข้อความส่งมา
[หนึ่งล้าน สองล้านก็ได้ ขอแค่คุณมาเย็บก็พอ]
แบบนี้อีกแล้ว เฉินชางไม่ได้สนใจ
เขาแค่วางโทรศัพท์มือถือลงข้างๆ เหยียบคันเร่งแล้ว
มุ่งหน้าตรงไปทิศทางของวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน
เรื่องที่ทำให้ซุนกว่างอวี่ตกใจจนเสียงสั่นได้ เฉินชาง
จินตนาการได้ว่าตอนนี้เขากำลังเผชิญกับสถานการณ์อะไร
จะต้องอันตรายมากอย่างแน่นอน!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางเองก็ไม่สบายใจมาก
และตอนนี้เอง ในคฤหาสน์หรูหราแห่งหนึ่งในเขตวงเวียนที่
สาม ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา สีหน้าบิดเบี้ยว โกรธจนมือ
สั่นเล็กน้อย
ส่วนสวีรั่วหยุนก็สีหน้าย่ำแย่เช่นกัน
เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินชางจะไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ