เฉินชางรอจนหลิวฉวนจากไป จึงนั่งลงข้างๆ หม่าเยว่ฮุยแล้ว
ถอนใจ!
หม่าเยว่ฮุยเห็นดังนั้นแล้วพลันฉุนขึ้นมาทันที เขาเอ่ยอย่าง
อิจฉาว่า “ทีนี้วารสารประจำ ปีศัลยกรรมทรวงอกไม่ได้รู้จักคุณหมด
แล้วหรือไง ทำไมถึงถอนใจอีก!”
เฉินชางส่ายหน้า “ก็จริงครับ คนเราจะโลภเกินไปไม่ได้
วารสารประจำ ปีศัลยกรรมทรวงอกก็ยังพอไหว ที่จริง…ผมอยากให้
เดอะแลนซิตมาจองต้นฉบับกับผมมากกว่า”
เฉินชางแค่เอ่ยเรียบๆ คำเดียว
ทำให้เหล่าหม่าที่ตัดเล็บอยู่ตัดโดนเนื้อไปด้วย
ทำให้ทุกคนที่เขียนประวัติอาการป่วยอยู่เคาะสเปซบาร์ดังแก๊ก
ๆ
ทำให้เฉียวเฉิงอันที่อยากเข้ามาคุยกับเฉินชางจากไปทั้งโมโหทำให้คนที่เดิมทีอิจฉาและรู้สึกว่าเฉินชางขัดหูขัดตาเหล่านั้น
กำหมัดแน่นยิ่งขึ้น!
“ฟังเข้าสิ คนเขาพูดกันแบบนี้หรือ”
นี่เป็นคำพูดที่คนคนหนึ่งควรพูดออกมาหรือ
พูดว่าวารสารประจำ ปีศัลยกรรมทรวงอกก็ยังพอไหวอะไรกัน
นั่นมันท็อปสามของวงการไหมล่ะ
นั่นมันวารสารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการศัลยกรรมทรวงอก
คุณบอกว่ายังพอไหวหรือ
เดอะแลนซิต!
ทำไมคุณไม่ไปหาเซลล์หรือเนเจอร์[1]…
ทุกคนโกรธอยู่ในใจ ขนาดเหล่าหม่ายังลูบอก รู้สึกเลือดลม
ติดขัด เขารู้สึกว่าตนเริ่มมีน้ำโหเล็กน้อย ถ้าไม่ระบายออกมาจะ
ถึงกับจะพัฒนาเป็นต่อมโมโห
โมโหโว้ย!
ไอ้เฉินชางนี่ไร้สาระขึ้นทุกที
ถุย!หน้าเหล่าหม่าเริ่มเส้นเอ็นปูดโปน ในใจเต็มไปด้วยความ
แค้นเคือง!
แต่ข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของเหล่าหม่าคนนี้ก็คือไร้สมอง เขาเห็น
เฉินชางอ่านบทความอยู่จึงเปลี่ยนความคิดทันที
“เสี่ยวเฉิน คุณว่า…ผมเพิ่มชื่อได้ไหม” หม่าเยว่ฮุยมองเฉิน
ชางด้วยสีหน้าวาดหวัง
เฉินชางได้ยินแล้วอึ้งไปทันที “ในบทความโชว์ชื่อจริงของผู้ป่วย
ได้หรือครับ”
ทุกคนที่อยู่รอบๆ เกือบขำพรืดออกมา!
หม่าเยว่ฮุยเตือนตัวเองตลอดเวลา อย่าโมโหๆ โมโหแล้วไม่ได้
กินดีอยู่ดี
ขณะที่หม่าเยว่ฮุยคิดหาทางในภาวะคับขัน รถฉุกเฉินก็นำ
ผู้ป่วยคนหนึ่งมาส่ง
เหล่าหม่าจึงไม่สนใจจะล้อเล่น เขาหุบยิ้มแล้วรีบลุกออกไป
รับหน้า เฉินชางเองก็เดินตามเขาออกไปติดๆ“ผู้ป่วยเพศชาย อายุห้าสิบเอ็ดปี ปวดท้องเฉียบพลันร่วมกับ
เจ็บหน้าอกรุนแรงมาอาทิตย์หนึ่งแล้วหนักขึ้นมาหนึ่งวัน…”
หมอที่ตามมากับรถฉุกเฉินรีบทวนประวัติอาการป่วย
เหล่าหม่าเห็นดังนั้นจึงรีบเรียกพยาบาลมาเข็นเปลแล้วเริ่ม
เคลื่อนย้าย
ตอนนี้ต่อให้ผู้ป่วยมีสติรู้ตัวดี แต่…เห็นได้ชัดว่าดวงตาทั้งสอง
เซื่องซึม ถึงขั้นค่อนข้างเหม่อลอย
คนที่ตามชายคนนี้มาเป็นชายชราอายุเจ็ดสิบกว่าปีคนหนึ่งกับ
หญิงชราอายุไล่เลี่ยกันคนหนึ่ง
ทั้ง
สองประคองกันลงมาจากรถฉุกเฉิน ออกแรงกันไปมาก
หลังจากมาถึงห้องฉุกเฉิน หญิงชราก็มองหม่าเยว่ฮุยด้วย
สีหน้ากังวล “หมอคะ ช่วยลูกฉันเถอะค่ะ! เขา…เป็นคนน่าสงสาร…”
หม่าเยว่ฮุยพยักหน้าไวๆ “ได้ครับ คุณวางใจเถอะครับ!”
จากนั้นหม่าเยว่ฮุยก็ส่งสายตาให้พยาบาลที่อายุมากคนหนึ่ง
แล้วจึงกำชับว่า “อาหลิว ดูแลคุณลุงคุณป้าที”
พยาบาลพยักหน้า รีบลุกออกมาประคองผู้ชราแผนกฉุกเฉินมักจะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายเสมอ
เช่นแม่คนหนึ่งพาลูกมาหาหมอ อาการลูกไม่รุนแรง แต่ผล
ออกมาแม่ตกใจจนป่วย
หม่าเยว่ฮุยมากด้วยประสบการณ์ในห้องฉุกเฉิน ต่อให้ปกติ
แล้วดูเผินๆ จะเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ถึงกับค่อนข้างสะเพร่า แต่ที่จริงเขา
มีนิสัยละเอียดรอบคอบ ถึงขนาดนึกถึงเรื่องที่คนอื่นนึกไม่ถึงได้
ตอนนั้นที่อวี๋หย่งกังพาทีมมือฉมังเข้าร่วมการแข่งขันแผนก
ฉุกเฉินนานาชาติ เหล่าหม่าก็ทำความดีความชอบไว้จริงๆ!
เฉินชางเห็นภาพนี้เข้าจึงย่อมได้เรียนรู้ไปด้วย
ด้านหม่าเยว่ฮุย หลังจากเข็นชายคนนั้นเข้าห้องฉุกเฉินแล้วก็
รีบเอ่ยว่า “ตอนนี้คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนครับ”
แววตาชายคนนั้นค่อนข้างเหม่อลอย “ผม…รู้สึกปวดกระเพาะ
ตรงนี้…ก็ไม่สบายครับ!”
ชายคนนั้นวาดนิ้วที่บริเวณกระเพาะและซี่โครงท่อนล่าง
พอหม่าเยว่ฮุยเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้เข้า อาการแรก
ที่เขารับมือไม่ใช่อาการปวดกระเพาะ แต่เป็นการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าดู มิหนำซ้ำ ผู้ป่วยอายุห้าสิบเอ็ดปี สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นอย่าง
แรกยังต้องตัดความน่าจะเป็นเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจตายทิ้งไป
บ่อยครั้งผู้ป่วยหลายคนที่มาแผนกฉุกเฉินดูเหมือนปวด
กระเพาะ แต่ที่จริงแล้วมีปัญหาเรื่องหัวใจ
ดังนั้นหม่าเยว่ฮุยจึงรีบพูดกับเสี่ยวเคอว่า “เสี่ยวเคอ รีบไปดึง
เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาเครื่องหนึ่ง”
พอพูดจบก็ลงมือใส่ท่อออกซิเจนให้ผู้ป่วย จากนั้นเขาก็รอ
อย่างใจเย็น
ตอนนี้พยาบาลอาหลิวก็ช่วยคนชราเดินเรื่องแล้ว จึงหยิบ
บันทึกการรักษาเข้ามา
พอเหล่าหม่าอ่านดูจึงเริ่มครุ่นคิด จากนั้นค่อยส่งบันทึก
การรักษาที่อยู่ในมือให้เฉินชาง
เฉินชางเปิดบันทึกการรักษาแล้วก็มีปฏิกิริยาเดียวกันกับหม่า
เยว่ฮุย!
ชายอายุห้าสิบเอ็ดปี เมื่อสิบห้าปีก่อนหย่าร้างกับภรรยาเพราะ
นอกใจ ลูกเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรถชนในปีเดียวกัน จากนั้นเขาก็มีอาการ PTSD[2] ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง[3] ในอดีต
มีอาการโรคจิตแบบอารมณ์แปรปรวน[4]
พออ่านเจอเรื่องนี้ เฉินชางก็มองชายวัยกลางคนที่ไว้หนวด
รุงรังคนนี้ คิดเชื่อมโยงถึงคำพูดของหญิงชราเมื่อกี้ แล้วอด
ถอนหายใจไม่ได้ เขาก็เป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง
สิบปีก่อน ได้รับการผ่าตัดช่องท้องเพราะกลืนสิ่งแปลกปลอม:
การผ่าตัดเปิดตรวจช่องท้อง+วิปเปิลออเพอเรชั่น
จากนั้นสามปี เขามีอาการพังผืดในลำไส้กับลำไส้เล็กอุดตัน
เพราะพังผืดที่เกิดขึ้นหลังผ่าตัด
ในอดีตไม่มีประวัติอาการป่วยด้านหลอดเลือดหัวใจ ไม่เคย
เป็นโรคติดต่อ จากผลตรวจร่างกายของพ่อแม่ไม่พบโรคติดต่อทาง
พันธุกรรม
ตอนนี้รับยาฟลูเพนทิซอล[5] (ดีนซิท) ทางปาก…
พอเฉินชางอ่านประวัติผู้ป่วยคร่าวๆ จบ ยังไม่ทันได้ครุ่นคิด
ผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ออก
เหล่าหม่าเห็นแล้วหน้าเปลี่ยนสีทันที!เดิมทีตอนนี้เขาตัดอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดหัวใจ
ไปแล้ว สงสัยว่าเป็นอาการกระเพาะลำไส้ชนิดอุดกั้น ถึงอย่างไรเสีย
เมื่อก่อนชายคนนี้ก็ไม่เคยมีประวัติการป่วยเช่นนี้ จึงควรพิจารณาสิ่ง
เหล่านี้ด้วย
แต่!
พอดูผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแล้วก็เห็นว่าผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
แสดงอาการว่าเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน!
ต่อให้เหล่าหม่าไม่ค่อยวินิจฉัยอาการจากเครื่องมือ แต่ตอนนี้
คลื่นหัวใจช่วง ST ยกตัวสูง ช่วง ST ผนังหัวใจด้านล่างสูงเกินไป
lead V2/V3 เห็นคลื่น T สองระยะ…
ถึงกับเห็นได้ชัดว่านี่เป็นภาพคลื่นหัวใจของกล้ามเนื้อหัวใจ
ตายที่พบได้บ่อย
คิดได้ดังนี้แล้วเหล่าหม่าจึงเตรียมคำสั่งแพทย์พวกยาสลาย
ลิ่มเลือดไปตามสัญชาตญาณ
ด้านเฉินชางเห็นภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจแล้วก็อึ้งไปทันที
หรือจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายจริงๆแต่…
ถ้าเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายจะชักช้าไม่ได้เลย ต้องรีบให้ยา
สลายลิ่มเลือด ถึงกับต้องใช้รังสีแพทย์ร่วมรักษา
เพราะผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายจะเป็นอันตรายถึงชีวิตเมื่อไร
ก็ได้
แต่…
เห็นชายคนนี้ไม่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
หรือว่า…
เหล่าหม่าก็ค่อนข้างสับสนเหมือนกัน
แผนกฉุกเฉินมีอาการป่วยประหลาดมากมาย
เหล่าหม่ากับเฉินชางสบตากัน ต่างเห็นแววตาไม่เข้าใจนักจาก
อีกฝ่าย
เฉินชางหยิบภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เขาตั้ง
ใจดู เหมือนว่า…นี่จะผิดปกติเล็กน้อยไหมนะ
เฉินชางพบว่ามีข้อแตกต่างอยู่บ้าง!จากนั้นเขาจึงเริ่มตรวจร่างกาย ไม่ได้ยินเสียงฟู่จากหัวใจ
ช่องท้องด้านล่างราบเรียบไม่มีพองตัว ช่องท้องบนซ้ายกดแล้วเจ็บ
เล็กน้อย…
“รีบหาจุดกำหนดโรคหัวใจแล้วค่อยไปถ่ายเอกซเรย์ช่องท้อง
เถอะครับ แบบนี้ก็เร็วดี ทำให้ช้าลงไปไม่เท่าไร”
ถึงอย่างไรบางครั้งภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็อาจจะหลอกได้
เหล่าหม่าพยักหน้ารับคำ
ถ้าเคสนี้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลขนาดเล็กจะต้องดำเนิน
การรักษาโรคหัวใจแน่นอน แต่ที่นี่เป็นโรงพยาบาลศูนย์ฉุกเฉิน
เมืองหลวง หม่าเยว่ฮุยพบเจอมามากจึงรู้เยอะ เขาจึงเกิดความ
สงสัย
ไม่นานนัก ทั้งสองก็เข็นผู้ป่วยไปเอ็กซเรย์ช่องท้องด้วยตัวเอง
ผลออกมาแล้ว!
ช่องท้องบนซ้ายมีเงาสิ่งแปลกปลอมกระจายอยู่เป็น
จำ นวนมาก[1]วารสารเนเจอร์ (Nature) วารสารวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่ง
เป็นหนึ่งในวารสารวิทยาศาสตร์ที่เก่าแก่และทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
[2] โรคเครียดภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญ หรือ
PTSD (Post-traumatic stress disorder) เป็นความผิดปกติ
ทางจิตใจที่เกิดขึ้นหลังจากเผชิญกับเหตุการณ์คุกคามที่
กระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง หรือเผชิญเหตุการณ์ที่
เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บที่มีความเป็นอันตรายถึงชีวิต
[3] ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง หรือ Borderline
Personality Disorder เป็นความผิดปกติทางจิตที่ส่งผลต่อความคิด
และความรู้สึกที่ผู้ป่วยมีต่อตนเองและผู้อื่น ผู้ป่วยอาจมีอารมณ์ขึ้นๆ
ลงๆ อารมณ์รุนแรง หุนหันพลันแล่น มีความคิดและนิสัยไม่คงที่ ซึ่ง
ส่งผลให้มีปัญหาในการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นและการใช้
ชีวิตประจำ วัน
[4] โรคจิตแบบอารมณ์แปรปรวน (Schizoaffective disorder)
เป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีอาการของโรคจิตร่วมไปกับอาการของโรคอารมณ์แปรปรวน
[5] ฟลูเพนทิซอล (Flupenthixol) คือ ยาจิตเวชชนิดหนึ่ง
ใช้รักษาภาวะวิตกกังวล โรคซึมเศร้าและคลายความเครียด มีชื่อ
การค้าว่าดีนซิท (Deanxit)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ