หยวนชิงหลิงแอบมองไปที่สีหน้าของอดีตจักรพรรดิและเห็นว่าสีม่วงคล้ำจางลงอย่างเห็นได้ชัด การหายใจของเขาก็สะดวกขึ้นมาก นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางได้ช่วยชีวิตเขาสำเร็จแล้วชั่วคราว
อดีตจักรพรรดิมองไปยังอวี่เหวินฮ่าวและพยายามพยุงร่างของเขาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่ออวี่เหวินฮ่าวเห็นดังนั้นจึงรีบยืนขึ้นและเอาหมอนมาหนุนหลังเพื่อให้เขาเอนได้สะดวก
"หลานห้า ชายาของเจ้า ดูเหมือนปู่จะไม่เคยเห็นมาก่อน" คำพูดของอดีตจักรพรรดิดูมีแรงกว่าเมื่อครู่ แต่เมื่อเทียบกับคนปกติแล้วเขาก็ยังดูอ่อนแอมาก
อวี่เหวินฮ่าวรู้สึกอึดอัด เมื่อเสด็จปู่ของเข้าฟื้นขึ้นมากลับถามถึงเรื่องผู้หญิงคนนั้นก่อน
ในหนึ่งปีมานี้อดีตจักรพรรดินอนป่วยอยู่บนเตียงมาตลอด หลังพวกเขาแต่งงานกันก็เคยเข้าวังมาถวายพระพร แต่เป็นเพราะอดีตจักรพรรดิร่างกายไม่ดีนัก อวี่เหวินฮ่าวจึงไม่ได้พานางมาพบ
หยวนชิงหลิงก้มหน้าลงไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา
แต่นางรู้สึกได้ว่าดวงตาของอดีตจักรพรรดิกำลังจ้องอยู่ที่ใบหน้าของนางอย่างพินิจพิเคราะห์ การจ้องมองนี้มีอำนาจทะลุทะลวงอันแข็งแกร่งราวกับจะจ้องจนหยวนชิงหลิงจนทะลุปรุโปร่งไปทั้งตัว
อดีตจักรพรรดิครองราชย์มาเป็นเวลาสามสิบแปดปี ในยุคที่มีอำนาจมาก บารมีของเขาก็ถูกฝึกฝนมาวันเวลาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
"เสด็จปู่ นาง... สุขภาพไม่ดี หลานจึงไม่ได้พานางมาทักทานเสด็จปู่ เกรงว่าท่านจะได้รับเชื้อโรคไปด้วย" อวี่เหวินฮ่าวอธิบายเพียงเท่านี้
"ข้าเป็นคนใกล้ตายอยู่แล้ว ยังจะต้องกลัวติดโรคอะไรอีก?" อดีตจักรพรรดิหัวเราะขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
หยวนชิงหลิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นสัมผัสกับสายตากันเฉียบคมของอดีตจักรพรรดิและทันใดนั้นนางก็ก้มศีรษะลงอีกครั้งด้วยความตกใจกลัวอย่างมาก
"เสด็จปู่ห้ามพูดเหลวไหล ท่านจะไม่เป็นไร" เสียงของอวี่เหวินฮ่าวทุกข์ใจเล็กน้อย
จักรพรรดิหมิงหยวนตี้และรุ่ยชินอ๋องที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า "เสด็จพ่อเป็นคนดีฟ้าคุ้มครอง"
นางกำนัลนำโจ๊กข้าวฟ่างเข้ามา ฉางกงกงก็รับมาบริการ อดีตจักรพรรดิจ้องมองเขา "ทำไม? ข้าไม่สมควรจะมีคนหนุ่มสาวรับใช้ข้าบ้างหรือไง? เจ้าแก่นี่ ดูขอบตาดำของเจ้าสิดำขนาดไหนแล้ว? ข้ายังไม่ตาย พอเห็นท่าทางเหมือนผีของเจ้าก็คงจะกลัวจนตายแน่ ไปๆๆ ไปนอนเสีย มีชายาของฉู่อ๋องอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว"
ฉางกงกงรับใช้อดีตจักรพรรดิมาหลายปี เขาเข้าใจดีถึงนิสัยของอดีตจักรพรรดิและยังรู้ว่าท่านเป็นห่วงและสงสารเขา น้ำตาจึงรื้นขึ้นมาพร้อมเสียงสะอื้น "บ่าวชราไม่เหนื่อย ข้าจะอยู่รับใช้พระองค์ที่นี่"
"ไปให้พ้น!" เมื่ออารมณ์ขึ้น เขาก็เริ่มหอบหายใจและเอามือกุมหน้าอก "เจ้าจะยั่วโมโหให้ข้าโกรธตายใช่ไหม?"
เมื่อฉางกงกงเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดลงด้วยความตกใจและรีบพูดว่า "พ่ะย่ะค่ะๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ พระองค์อย่าได้โกรธไปเลย!"
หลังจากที่ฉางกงกงออกไปแล้ว หยวนชิงหลิงก็ยังคงคุกเข่าอยู่อย่างไร้ชีวิต ดวงตาของอดีตจักรพรรดิจ้องมองนางอีกครั้ง "ทำไมล์ เจ้าไม่อยากรับใช้ตาแก่คนนี้หรือ?"
หยวนชิงหลิงรีบลุกขึ้นยืน รับถ้วยโจ๊กจากนางกำนัลแล้วรีบคุกเข่าลงและกล่าวว่า "เปล่าเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่... เพียงแค่ปลื้มใจมาก"
"ให้หลานทำเถอะ!" อวี่เหวินฮ่าวไม่เต็มใจที่จะให้นางเข้าใกล้อดีตจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงต้องการป้อนอดีตจักรพรรดิด้วยตนเอง
อดีตจักรพรรดิเงยหน้าขึ้น "ทำไมล่ะ? ไม่อยากให้ภรรยาเจ้าลำบากมารับใช้ข้าหรือ?"
"ไม่... ไม่ใช่!" อวี่เหวินฮ่าวลดมือลง ในใจเขารู้สึกแปลกมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันเป็นความจริงแต่ก็ยังไม่เต็มใจให้คนอื่นเรียกหยวนชิงหลิงว่าเป็นภรรยาของเขา
ทั้งพระชายาและภรรยาต่างก็เป็นเพียงคำเรียกเท่านั้น แต่สำหรับเขาแล้วกลับมีความแตกต่างกันอย่างมาก
หยวนชิงหลิงคุกเข่ายืดตัวตรงป้อนอาหารให้อดีตจักรพรรดิ
อดีตจักรพรรดิกินเข้าไปแล้วก็ถอนหายใจและยกมุมหางตา "อืม อาหารรสเลิศเช่นนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้กินอีก"
คำพูดนี้ทำให้จักรพรรดิหมิงหยวนตี้และรุ่ยชินอ๋องน้ำตารื้น
"เจ้านั่งที่ขอบเตียงเถอะ" อดีตจักรพรรดิกล่าว
หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น ตอนนี้นางรู้สึกเจ็บปวดมากจะนั่งลงได้อย่างไร?
"หลานไม่บังอาจหรอกเพคะ หลานคุกเข่าก็พอแล้วเพคะ"
"บอกให้นั่งก็นั่งเถอะ!" อดีตจักรพรรดิถลึงตาอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงจึงได้แต่เพียงยืนขึ้นและนั่งลงอย่างสั่นเทา แม้ว่าเตียงจะถูกปูด้วยเบาะนุ่ม แต่เมื่อน้ำหนักของนางกดทับลงไปก็มีความเจ็บปวดที่ทำให้หัวใจบีบรัด เจ็บจนซึ่งทำให้นางตัวสั่นเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-ตำนานหยวนชิงหลิง