ตอนที่ 1003 การคัดเลือกโดยไม่เปิดเผยชื่อ (1)
สามสิบเพลง พร้อมทั้งโน้ตเพลงสำหรับการบรรเลง…
ดูเหมือนจะมาก แต่เมื่อเทียบกับจำนวนรายการแข่งขันในมหกรรมเพลงบลูสตาร์แล้ว หลินเยวียนกลับรู้สึกว่ายังไม่มากพอ
มหกรรมเพลงบลูสตาร์มีการแข่งขันทั้งหมด 108 รายการ!
แต่ละรายการคงไม่แข่งแค่รอบเดียวหรอกล่ะมั้ง?
ใครจะรู้ว่าความต้องการด้านดนตรีของแต่ละภูมิภาคนั้นมากแค่ไหน?
ยิ่งไปกว่านั้นกฎของมหกรรมเพลงบลูสตาร์กำหนดไว้ว่าต้องใช้ผลงานใหม่ทั้งหมด
เพลงที่เคยถูกเผยแพร่แล้ว จะไม่สามารถนำมาใช้ได้
หลินเยวียนพอจะเดาเหตุผลได้ เพราะมหกรรมเพลงบลูสตาร์ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแข่งขันของนักร้องเท่านั้น แต่มันคือเวทีแข่งขันของเหล่าพ่อเพลงจากแต่ละทวีปด้วย!
การประชันระหว่างพ่อเพลงของทั้งแปดทวีป!
เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะไม่พลาดโอกาสในการแข่งขัน และเพื่อรับประกันว่าผลงานของเขาจะพร้อมที่สุด หลินเยวียนจึงซื้อเพลงสำรองเพิ่มเติมจากระบบ
‘รอบนี้มั่นใจได้เลย’
เขาคิดในใจ
ถึงแม้หลินเยวียนจะซื้อเพลงสำเร็จแล้ว แต่เขายังต้องเรียบเรียงดนตรีทุกเพลงใหม่ด้วย
เรื่องนี้ต้องใช้เวลา
โชคดีที่ทุกคนต้องใช้เวลาเหมือนกัน
หยางจงหมิงไม่ได้เร่งรัดนักประพันธ์เพลงเลย
เพราะยังมีการคัดเลือกภายในอีกสองรอบสำหรับผู้เข้าแข่งขันที่กำลังฝึกซ้อมในศูนย์ดนตรี
…
หลายวันต่อมา
การคัดเลือกรอบที่สองเริ่มต้นขึ้น
ยังคงเป็นเวทีเดิม ที่นั่งเดิม คณะกรรมการกว่าร้อยคนก็ยังเป็นชุดเดิมกับครั้งก่อน
“เริ่มได้”
หยางจงหมิงประกาศเริ่มการแข่งขัน นักร้องที่เข้ารอบทั้งหมดทยอยเดินขึ้นเวที
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือนักร้องคนแรกที่ขึ้นเวทีในวันนี้คือเฟ่ยหยาง
เขาเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดของฉินโจว
เพลงที่เฟ่ยหยางเลือกใช้ในการทดสอบร้องคือเพลง ‘ชาด’ หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเจิ้งจิง
นี่เป็นเพลงที่มีร้องยากมาก ทว่าสำหรับนักร้องระดับราชาเพลงหรือราชินีเพลงแล้ว การรับมือกับเพลงนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เฟ่ยหยางไม่ได้พูดให้มากความ เมื่อเสียงดนตรีเริ่มขึ้น เขาก็เริ่มขับขานบทเพลงในทันที
ช่วงแรกทุกคนฟังแล้วก็รู้สึกว่าใช้ได้
แต่ยิ่งฟังไปเรื่อยๆ สีหน้าของกรรมการก็เริ่มเปลี่ยนไป
ไม่ใช่ว่าเฟ่ยหยางร้องไม่ดี
ตรงกันข้าม
เขาร้องได้ดีเหลือเกิน…
ในแถวหน้าสุด
อิ่นตงดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเวทีด้วย!
เขานับว่าเป็นหนึ่งในพ่อเพลงที่เคยร่วมงานกับเฟ่ยหยางบ่อยครั้ง จึงรู้ความสามารถของเขาดี ทว่าตอนนี้เขากลับตกตะลึงจนพูดไม่ออก!
เฟ่ยหยางพัฒนาขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?
ฝีมือของเขาถึงขั้นนี้แล้ว ยังสามารถการพัฒนาทักษะในการร้องเพลงได้อีกหรือ แม้แต่ข้อบกพร่องอย่างการถ่ายทอดอารมณ์ก็ได้รับการเติมเต็มจนสมบูรณ์แบบแล้ว?
“ให้ตายเถอะ!”
“พัฒนาขึ้นเยอะมาก!”
“สมแล้วที่เป็นตัวเต็งของฉินโจว!”
“ฝีมือระดับนี้ไม่ด้อยไปกว่าพวกนักร้องจากจงโจวเลย!”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เขาเก่งได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!?”
ความดีใจแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดบนใบหน้าของกรรมการ
ยิ่งนักร้องจากฉินโจวแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้นเท่านั้น!
เพลงยังไม่ทันจบถึงครึ่งหนึ่ง หลินเยวียนก็พูดขึ้นมาว่า
“พอแล้วครับ”
หัวหน้าโค้ชมีสิทธิ์หยุดการแสดงได้
โดยทั่วไปมีสองกรณีที่ต้องหยุดการแสดง
กรณีแรกคือนักร้องร้องได้แย่มากจนหัวหน้าโค้ชไม่อยากให้เสียเวลาต่อ
กรณีที่สองคือนักร้องร้องดีมากจนไม่จำเป็นต้องร้องต่อ เพราะถึงอย่างไรก็ผ่านเข้ารอบแน่นอน กรณีของเฟ่ยหยางเป็นแบบที่สอง
เวลามีจำกัด
ด้านหลังยังมีผู้เข้าแข่งขันอีกหลายร้อยคนรอคิวขึ้นเวที
แต่ถึงกระนั้นอิ่นตงก็ยังอดไม่ได้ที่จะใช้เวลาอีกสักหน่อยเพื่อถามเฟ่ยหยางก่อนที่เขาจะลงจากเวที
“คุณพัฒนาขึ้นทุกด้าน ได้รับแรงบันดาลใจจากไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”
เฟ่ยหยางหันไปมองทิศทางของหลินเยวียน เอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “อาจารย์เซี่ยนอวี๋สอนได้ดีครับ”
พูดจบ เฟ่ยหยางก็พยักหน้าให้ทุกคน ก่อนจะเดินลงจากเวทีไป
ทันใดนั้น
สายตาของกรรมการทุกคนพุ่งตรงไปที่หลินเยวียน
แต่มันพุ่งไปที่ด้านหลังศีรษะของเขา
ทุกคนมองเห็นแค่ด้านหลังของเขา
ทว่าสายตาของกรรมการทุกคนก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง!
หยางจงหมิง และหัวหน้าโค้ชคนอื่นๆ ซึ่งนั้งอยู่ในแถวหน้าหันไปมองหลินเยวียนทันที
คลาสเรียนของเซี่ยนอวี๋เป็นที่รู้กันว่าได้รับความนิยมในศูนย์ฝึกซ้อม
ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ว่า นักร้องทุกคนชื่นชอบการเรียนการสอนของเขา

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...