ตอนที่ 1013 พวกเขายังไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ (1)
ตลอดระยะเวลากว่าสามเดือนของการเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น การทำงานร่วมกันของทีมโค้ชที่ทุ่มเททั้งวันทั้งคืน ทำให้บรรดาพ่อเพลงชาวฉินโจวต่างก็เริ่มมองเห็นความแตกต่างของระดับฝีมือระหว่างกันและกันอย่างชัดเจน…
ระหว่างกระบวนการนี้ ลู่เซิ่งได้จับตามองเซี่ยนอวี๋อยู่ไม่น้อย
ตั้งแต่ผลงานของอีกฝ่ายถูกเหล่านักร้องเลือกอย่างล้นหลามในการคัดเลือกแบบไม่เปิดเผยชื่อ
ไปจนถึงความสามารถที่เขาได้แสดงออกมาตลอดการฝึกซ้อมครั้งนี้
ยิ่งลู่เซิ่งสังเกตมากเท่าไรเขาก็ยิ่งหวาดหวั่นมากขึ้นเท่านั้น นี่มันอัจฉริยะตัวจริง!
ก่อนที่เซี่ยนอวี๋จะปรากฏตัวขึ้นในวงการ ลู่เซิ่งเคยได้รับสมญานามว่า ‘เทพลู่’ และเป็นพ่อเพลงที่อายุน้อยที่สุดในบลูสตาร์
ตัวเขาเองก็นับว่าเป็นอัจฉริยะในสายตาของผู้คนมากมาย
แต่อัจฉริยะแบบเขา
หลังจากที่ได้จับตามองเซี่ยนอวี๋อย่างใกล้ชิดมาหลายเดือน กลับได้ข้อสรุปที่ชวนให้ขนลุกว่า ‘เซี่ยนอวี๋ต่างหากที่เป็นอัจฉริยะตัวจริง’
ในช่วงเวลานั้นมีเรื่องราวที่ทำให้เขาต้องตะลึงมาแค่ไหน?
มีเพียงลู่เซิ่งเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด
พ่อเพลงคนอื่นๆ ของฉินโจวก็รู้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน
แต่ไม่มีใครที่เข้าใจถึงระดับความเหนือชั้นของเซี่ยนอวี๋ได้ลึกซึ้งเท่ากับลู่เซิ่ง
เพราะถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เป็นหัวหน้าโค้ช และมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันมากที่สุด
ขอยกตัวอย่างง่ายๆ
ลู่เซิ่งเคยเห็นกับตาตัวเองว่า เซี่ยนอวี๋เดินเข้าไปในกลุ่มเปียโน
และเมื่อเขาเดินออกมา เหล่านักเปียโนทั้งหมดก็ยกย่องเขาประหนึ่งเทพเจ้า!
และนี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว…
สิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งรู้สึกตะลึงที่สุดก็คือ
ในศูนย์ฝึกซ้อมแห่งนี้ มีผู้เข้าแข่งขันจำนวนมาก รวมไปถึงศิลปินระดับตำนานหลายคน ทุกคนล้วยเคยผ่านประสบการณ์การถูกเซี่ยนอวี๋ชี้หน้าด่ามาแล้ว!
อย่างเช่นเจ้าตัวแสบแห่งหมวดเพลงแร็ป
หมอนั่นเป็นพวกไม่กลัวฟ้ากลัวดิน เวลาปล่อยเพลงก็กล้า ‘diss’ พ่อเพลงอย่างไม่เกรงใจ ปากเอาแต่บอกว่าตนเองนั้น ‘real’
เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวงการใต้ดิน
เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเซี่ยนอวี๋ กลับดูราวกับเป็นลูกหนูตัวเล็กๆ โดนด่าเสียยับเยินอยู่นานโข ไม่กล้าแม้แต่จะเถียงกลับแม้แต่คำเดียว
ลู่เซิ่งอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเป็นตัวเขาที่ไปต่อว่าหมอนี่ ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่กล้าก่อเรื่องต่อหน้ากันตรงๆ แต่ลับหลังต้องแอบแข็งข้อแน่ๆ
แต่กับเซี่ยนอวี๋นั้นต่างออกไป
หลังจากถูกเซี่ยนอวี๋ต่อว่าต่อหน้าคนอื่น หมอนั่นกลับซ้อมคนเดียวจนดึกดื่นโดยไม่มีปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว
ทำไมน่ะหรือ
ลู่เซิ่งแค่คิดตามก็รู้สึกขนลุกแล้ว
ลู่เซิ่งแค่นึกถึงสิ่งซึ่งอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาแล้ว
เพราะนั่นหมายความว่า ผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ยอมศิโรราบให้กับตัวตนของเซี่ยนอวี๋อย่างแท้จริง มีเพียงการเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเองยอมรับเท่านั้น ที่ทำให้มนุษย์เชื่องได้ขนาดนี้!
แต่ปัญหาคือเซี่ยนอวี๋น่ากลัวเกินไป
เด็กหนุ่มอายุแค่นี้ กลับสามารถทำให้ทั้งศูนย์ฝึกซ้อม เต็มไปด้วยผู้เข้าแข่งขันที่ยอมศิโรราบให้กับเขา
ถ้าหากจะเปรียบเทียบกันในแง่ของอิทธิพลภายในศูนย์ฝึกซ้อมแห่งนี้ อันที่จริงลู่เซิ่งยังแอบสงสัยเลยว่าบางทีคำพูดของเซี่ยนอวี๋ อาจทรงอิทธิพลกว่าคำพูดของหยางจงหมิงเสียอีก!
ยังไม่ต้องพูดถึงผลลัพธ์ของมหกรรมดนตรีบลูสตาร์ในครั้งนี้
อนาคตของวงการดนตรีแห่งฉินโจว จะกลายเป็นแผ่นดินของเซี่ยนอวี๋อย่างแน่นอน!
หากมีการจัดมหกรรมดนตรีบลูสตาร์ครั้งที่สองในอนาคต เกรงว่าเซี่ยนอวี๋คงไม่ได้เป็นแค่หัวหน้าโค้ชอีกต่อไป ต่อให้ได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นหัวหน้าโค้ชใหญ่ก็เป็นได้!
เรื่องเหล่านี้ คนนอกไม่มีทางรู้
เหมือนกับที่คนนอกไม่มีทางรู้เลยว่าราชวงศ์ปลาได้พลิกโฉมไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าไม่เห็นกับตา ก็ไม่มีทางเข้าใจ
หลายสิ่งหลายอย่างที่จับต้องไม่ได้ ผู้คนทำได้เพียงค่อยๆ สัมผัสและรับรู้ไปตามกาลเวลาเท่านั้น
ส่วนกระแสการพูดคุยในฉินโจว?
ไม่ว่าลู่เซิ่ง หรือเซี่ยนอวี๋ หรือแม้แต่ทั้งศูนย์ฝึกซ้อม ไม่มีใครใส่ใจกับเรื่องเหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
หลังจบมหกรรมดนตรีบลูสตาร์ในครั้งนี้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายก็จะมลายหายไป
อย่างไรก็ตาม
เรื่องนี้ก็ไม่บานปลายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
เช่นเดียวกับตอนที่ราชวงศ์ปลาถูกเลือกเข้ารอบเป็นตัวจริงครบทุกคน ในเวลานั้นก็มีกระแสถกเถียง ทว่าสุดท้ายทุกอย่างก็เงียบหายไปเอง
เมื่อเซี่ยนอวี๋ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าโค้ชลำดับที่หนึ่งของฉินโจว แม้ว่าจะดูผิดแปลกไปจากที่คิด แต่ในเมื่อลู่เซิ่งเองยังไม่ปริปากพูดอะไร แค่แฟนคลับไม่พอใจก็ไม่สามารถปั่นให้เป็นเรื่องใหญ่โตได้อยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาที่มหกรรมดนตรีบลูสตาร์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ประชาชนชาวฉินต่างตระหนักดี จึงพยายามจัดการกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายในกันเองให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางจิตใจของผู้เข้าแข่งขันมากเกินไป
เมื่อเผชิญมหกรรมดนตรีบลูสตาร์
ทุกทวีปต่างรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
และจากจุดนี้ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า
แต่ละทวีป ล้วนคาดหวังกับผลงานของทวีปตนในการแข่งขันครั้งนี้ได้มากแค่ไหน!
…
หลังจากเดินทางถึงเว่ยโจว
ทางการเว่ยโจวได้เตรียมการทุกอย่างไว้ให้กับตัวแทนจากทุกทวีปเป็นอย่างดี
อาหารการกินเต็มที่
ที่พักสะดวกสบายและหรูหรา
แต่ตัวแทนจากแต่ละทวีปถูกแยกให้อยู่และรับประทานอาหารกันคนละที่ทำให้แต่ละฝ่ายไม่สามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ของกันและกันได้
“ตอนนี้ทุกอย่างได้รับการยืนยันแล้ว”
ทีมโค้ชหลักได้ประชุมกันอีกครั้ง
หยางจงหมิงหยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมาและกล่าวว่า “มหกรรมดนตรีบลูสตาร์จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 15 เมษายน โดยการแข่งขันในหมวดหมู่โอเปร่าจะเริ่มต้นก่อนเป็นลำดับแรก”
“นี่มันจุดอ่อนของพวกเราเลยนะ”
มีพ่อเพลงของฉินโจวขมวดคิ้ว เพราะหมวดหมู่โอเปร่าของฝั่งฉินโจวไม่ได้มีระดับที่สูงนัก
ระดับของผู้เข้าแข่งขันในหมวดหมู่นี้ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...