ตอนที่ 1019-2 แม้ต่ำต้อยแต่ข้ายังห่วงแผ่นดิน (2)
การผสมผสานสำเนียงการร้องงิ้วกับเพลงหลักซึ่งเป็นเพลงสมัยใหม่ นั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกแปลกแยกแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำกลับรวมเข้ากับเรื่องราวในบทเพลงได้อย่างแยบยล กลายเป็นพลังที่ยิ่งสะเทือนใจผู้ชม
ท่ามกลางความสะเทือนใจนี้
ท่อนเวิร์สดังขึ้นอีกครั้ง
เปลวไฟที่เคยโหมกระหน่ำบนเวทีกลับดับลงในพริบตา
นักแสดงงิ้วยังยืนอยู่บนเวทีขับขานบทเพลงต่อไป ทว่าผู้ชมด้านล่างเวทีในครั้งนี้ ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่ผู้รุกราน หากเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา
การแสดงงิ้วยังคงดำเนินต่อไป
เหล่าชาวบ้านใต้เวทีต่างพากันตบมือและส่งเสียงร้อง
แท้จริงแล้ว นี่คือฉากที่เกิดขึ้นก่อนสงคราม…
ผู้ชมต่างพากันสะเทือนใจ เมื่อเข้าใจความหมายจากการเล่าเรื่องผ่านภาพบนเวที
ความสงบสุขในอดีต ตัดกับความโหดร้ายในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
เมื่อท่อนร้องของเพลงดังขึ้นอีกครั้ง
เนื้อเพลงที่ตอนฟังครั้งแรกอาจดูธรรมดา แต่เมื่อได้ฟังเป็นครั้งที่สองกลับเศร้าจับใจ
โดยเฉพาะเมื่อท่อนงิ้วแบบจัดเต็มกลับมาดังอีกครั้ง
มีผู้ชมบางคนถึงกับลุกขึ้นยืน
ผู้ชมที่มีจิตใจอ่อนไหว บางคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
แม้ในบลูสตาร์ ผู้คนอาจไม่ได้มีแนวคิดเรื่องชาติที่ชัดเจนเท่ากับบนโลก แต่อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่สื่อถึงกันได้เสมอ
ในสถานการณ์เช่นนี้
ยากนักที่จะไม่รู้สึกเข้าถึงเรื่องราวและอารมณ์ของตัวละครในเพลง
เปลวไฟเริ่มลุกลามรุนแรงจนไม่อาจหยุดยั้ง บรรดาทหารที่เคยก่อความโหดร้าย ถูกไฟกลืนกินจนหมดสิ้น
โดยเฉพาะทหารที่เคยทำร้ายชาวบ้านอย่างทารุณ บัดนี้ก็ถึงคราวต้องร้องโหยหวน ดิ้นทุรนทุรายกลางเปลวไฟ
ทหารซึ่งใบหน้ามีแผลเป็น ผู้ซึ่งเคยโยนแท่งเงินใส่นักแสดงงิ้วคนนั้น กระโจนขึ้นเวทีท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ทั่วร่าง พร้อมกับกรีดร้องด้วยความบ้าคลั่ง
แล้วจ้วงดาบแทงเข้าไปที่หน้าท้องของหญิงงามในชุดแดง
ฉึก
ปลายดาบแทงทะลุผ่านแผ่นหลังของเธอ เลือดไหลทะลักออกมา เสียงดนตรีเงียบลงทันใด เวทีที่กำลังลุกเป็นไฟประหนึ่งกลายเป็นเวทีละครเงียบ
เงียบ
เงียบสนิทถึงขีดสุด
เธอล้มลงอย่างไร้ซึ่งสุ้มเสียงใด
นักแสดงไร้ชื่อผู้หนึ่ง กลับเผยรอยยิ้มสุดท้ายออกมา
และทันทีที่จังหวะช่องว่างอันไร้เสียงผ่านพ้นไป
เสียงดนตรีก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าเปี่ยมไปด้วยความเศร้าโศกยิ่งกว่าเดิม สะท้านโสตประสาทของทุกคนที่ได้ฟัง
“เจ้าร้องจบ ข้าขึ้นเวทีต่อ
อย่าเย้ยว่าร้องเพลงเพ้อถึงจันทร์
อย่าขันว่าผู้คนเหลวไหล
เคยเอ่ยถามถึงความรุ่งโรจน์เสื่อมไป
เคยขับขานเรื่องแผ่นดินพลันสลาย
จะว่าไร้ใจ
จะว่ามีใจ
ใครเล่าเข้าใจ”
เจียงคุยร้องมาจนถึงท่อนสุดท้าย เปลวเพลิงลุกโชนอยู่บนเวทีจริงๆ ไม่ใช่เพียงภาพในหน้าจอ นี่คือเทคโนโลยีของเวทีเว่ยโจวโดยเฉพาะ
ทว่าในขณะนี้ ผู้คนแทบลืมไปว่านี่คือเอฟเฟกต์พิเศษ
มีเสียงร้องเรียกดังขึ้น เสียงแล้วเสียงเล่า แต่เสียงของเจียงคุยกลับค่อยๆ เบาลง แช่มช้าในทุกถ้อยคำ…
“จะว่าไร้ใจ…”
“จะว่ามีใจ…”
“ใครเล่าเข้าใจ…”
เปลวเพลิงกลืนกินเวที กลืนร่างของเธอจนมิด จนกระทั่งเสียงดนตรีเงียบลง เอฟเฟกต์พิเศษจางหาย เธอจึงปรากฏตัวอีกครั้ง
ยังคงสวมชุดสีแดงเพลิง
ค้อมศีรษะคำนับเบาๆ ต่อผู้ชมเบื้องล่าง
…
ร่างของซูเจวียนทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
เธอสู้เจียงขุยไม่ได้
กรรมการทั้งเจ็ดคน ไม่รู้ลุกขึ้นยืนตั้งแต่เมื่อไหร่ พร้อมกับปรบมือให้
และจากนั้น
เสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั่วทั้งสนามแข่งขัน
แต่ไม่มีใครกระซิบกระซาบพูดคุยกันแม้แต่คนเดียว
นั่นคือ
ความเคารพสูงสุดที่ทุกคนมอบให้แก่เวทีแห่งนี้
…
ในห้องถ่ายทอดสดของฉินโจว
หลินเยวียนถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
เพลงนี้เจียงขุยซ้อมเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น
ตามหลักควรซ้อมให้มากกว่านี้ แต่หลินเยวียนกลัวว่าอารมณ์จะหมดก่อนถึงวันจริง เลยให้เจียงขุยเก็บไว้
และเธอก็ทำได้
แม้จะซ้อมเพียงสามครั้ง แต่เธอกลับสามารถปลดปล่อยทุกอย่างบนเวทีได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่มีความเก้อเขินหรือติดขัดแม้แต่น้อย!
ถามว่านางงิ้วผู้ภักดีเป็นเพลงที่ดีไหม?
แน่นอนว่าดีมาก
นักร้องระดับพระกาฬอย่างถันจิงเคยนำเพลงนี้มาขับร้องใหม่
ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงงิ้วระดับเทพอย่างหลี่อวี้กังก็เคยขับร้องเพลงนี้
แม้กระทั่งทำเวอร์ชันซิมโฟนีออกมา
แต่ละคนมีมุมมองของตัวเองต่อเพลงนี้ ตีความแตกต่างกันไป และหลินเยวียนเอง ก็มีวิธีตีความของเขาเช่นกัน
เขาได้ปรับเปลี่ยนการเรียบเรียงเพลงบางส่วน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...