Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 108

สรุปบท ตอนที่ 108 ภารกิจสำเร็จ: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

สรุปตอน ตอนที่ 108 ภารกิจสำเร็จ – จากเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 108 ภารกิจสำเร็จ ของนิยายการเงินเรื่องดัง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 108 ภารกิจสำเร็จ

“ติ๊งต่อง! ยินดีกับโฮสต์ด้วยที่ทำภารกิจค่าความโด่งดังทะลุหนึ่งพันได้สำเร็จ ได้รับกล่องสมบัติทองแดงหนึ่งใบ กล่องสมบัติเงินหนึ่งใบ”

ห้าวันผ่านไป

ในที่สุดหลินเยวียนก็ทำภารกิจค่าความโด่งดังด้านจิตรกรรมได้สำเร็จก่อนเวลาที่กำหนด เมื่อได้ยินการแจ้งเตือนอันรื่นหู ก็นับว่าไม่เสียเปล่าที่โดดเรียนมาชมรมจิตรกรรมติดต่อกันห้าวัน

มีกล่องสมบัติแล้ว!

ไม่ใช่แค่กล่องสมบัติทองแดง

แต่ยังมีกล่องสมบัติเงินอีกใบหนึ่งด้วย

ครั้งก่อนกล่องสมบัติเงินให้เพลงเปียโนกับหลินเยวียน ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเปิดออกมาได้อะไร

ระบบ “จะเปิดหรือไม่”

หลินเยวียน “เก็บไว้ในคลังไอเทมก่อน”

เขาตัดสินใจว่าจะเก็บกล่องสมบัติไว้ก่อน รอมือขึ้นแล้วค่อยเปิด

เรื่องอย่างการเปิดกล่องนั้นเป็นเรื่องลี้ลับสุดๆ ถ้าเกิดเปิดกล่องแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วของที่เปิดมาไม่ดีจะทำยังไงล่ะ

ระบบไม่ยอมให้คืนของซะด้วยสิ

หลังจากภารกิจสำเร็จ

หลินเยวียนก็ผ่อนคลายขึ้นมาก

หลังจากนี้เขาวางแผนจะเขียนเล่มแรกของกระบี่เทพสังหาร

นิยายเรื่องนี้ถูกระบบแบ่งเนื้อหาเป็นทั้งหมดแปดเล่ม ทุกเล่มจะหยุดอยู่ที่ประมาณสองแสนตัวอักษร

ในตอนนี้หลินเยวียนเขียนเสร็จไปแล้วหนึ่งแสนห้าหมื่นตัวอักษร

ด้วยความเร็วในการพิมพ์ของหลินเยวียน จำนวนตัวอักษรที่เหลืออยู่ สองสามวันก็พิมพ์เสร็จแล้ว แถมยังเป็นการพิมพ์ออกมาในช่วงเวลาว่างด้วย

ถ้าหากเป็นการโดดเรียนมานั่งพิมพ์เช่นเดียวกับตอนทำภารกิจละก็ ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวัน หลินเยวียนก็ทำเล่มแรกเสร็จแล้ว

และขณะที่พิมพ์เนื้อเรื่องอยู่นั้น ในห้วงสำนึกของหลินเยวียนก็มีพล็อตของเรื่องกระบี่เทพสังหารสว่างวาบขึ้นมาไม่หยุด

เล่มแรกของนิยายเรื่องกระบี่เทพสังหาร บรรยายจากมุมมองของตัวละครที่ชื่อว่าจางเสี่ยวฝาน

ในฐานะที่เป็นพระเอกของนิยาย จางเสี่ยวฝานและหลินจิงอวี่สหายรักกราบเข้าสำนักเมฆาคราม

จางเสี่ยวฝานพื้นฐานไม่ได้เรื่อง ไม่มีพรสวรรค์อะไร หลินจิงอวี่สหายรักก็มีพรสวรรค์เกินมนุษย์มนา เป็นต้นกล้าชั้นดีในการบำเพ็ญเพียร ดังนั้นเมื่อเข้าประตูไป ผู้อาวุโสในสำนักเมฆาครามก็ล้วนแต่อยากรับหลินจิงอวี่เป็นศิษย์ จางเสี่ยวฝานกลับไม่มีใครสนใจ

เป็นสวัสดิการมาตรฐานที่คนไม่เอาไหนจะได้รับ

และในพล็อตเรื่องหลังจากนั้น จางเสี่ยวฝานกลับค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเพราะการผจญภัยในตอนเปิดเรื่อง รวมไปถึงไม้ดูดวิญญาณที่ครอบครองอยู่

ไม่เพียงเท่านี้

จางเสี่ยวฝานยังหลงรักเถียนหลิงเอ๋อร์บุตรสาวของอาจารย์ และเพื่อนตั้งแต่วัยเยาว์ น่าเสียดายที่เถียนหลิงเอ๋อร์มองจางเสี่ยวฝานเป็นเพียงน้องชาย ไม่ได้รู้สึกรักใคร่ชอบพอเยี่ยงคนรัก

เป็นไปตามนี้

เนื้อเรื่องค่อยๆ ลึกล้ำไปแบบนี้ ทั้งโลกทัศน์ของเรื่องกระบี่เทพสังหาร ก็จะเป็นประจักษ์ชัดแก่สายตาของนักอ่านอย่างแช่มช้า นี่เป็นสิ่งที่หลินเยวียนสัมผัสได้มากที่สุดมาตลอดระยะเวลาที่เขียน

ในส่วนท้ายของเล่มแรก

สำนักเมฆาครามกำลังจะจัดการประลองเจ็ดปราณ!

จางเสี่ยวฝานก็จะเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ด้วย แต่ไม่มีใครคาดหวังกับจางเสี่ยวฝาน อาจารย์ให้จางเสี่ยวฝานเข้าร่วม ก็เพียงเพราะอยากให้เขาได้ออกไปเปิดโลกบ้าง

แต่หลินเยวียนรู้

ว่าผู้อ่านไม่คิดแบบนั้นหรอก

ผู้อ่านยืนอยู่บนมุมมองพระเจ้า ฉะนั้นพวกเขาเห็นได้ชัดเจน ว่าจางเสี่ยวฝานไม่ได้อ่อนแอดังเช่นที่เห็นภายนอก

จางเสี่ยวฝานผ่านการผจญภัย

หนำซ้ำยังมีอาวุธวิเศษของตน

ประลองเจ็ดปราณก็เป็นเวทีชั้นดีที่สุดในการพิสูจน์ตัวเองของจางเสี่ยวฝาน ดังนั้นหลินเยวียนจึงเชื่อว่า ไม่ว่านักอ่านคนไหนที่อ่านกระบี่เทพสังหารจบ จุดที่จะตั้งตารอมากที่สุดเห็นจะเป็นจางเสี่ยวฝานซึ่งแสดงความสามารถอันล้ำเลิศออกมาในการประลองเจ็ดปราณนั่นเอง!

เรื่องมาหยุดชะงักได้จังหวะพอดี

เพราะช่วงแรกของจางเสี่ยวฝานค่อนข้างจะเศร้าสลดอยู่สักหน่อย

ในหมู่บ้านเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กล่าวได้ว่าเป็นหายนะ พรสวรรค์ในการบำเพ็ญตบะของตนก็ไม่ได้ความอีก ไม่ได้มีใครใส่ใจกับตบะของเขา เมื่อยืนอยู่ในมุมมองของนักอ่าน ก็ย่อมคาดหวังให้ตัวเอกเงยหน้าอ้าปากสักตั้ง

……

หลายวันให้หลัง

ขณะที่หลินเยวียนคิดว่าจะเขียนเรื่องกระบี่เทพสังหารเล่มหนึ่งให้เสร็จรวดเดียวนั้นเอง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากซย่าฝาน

ซย่าฝานเป็นแม่ทัพซึ่งผ่านศึกมาไม่รู้กี่เวทีแล้วจริงๆ

ในรอบแรกของการออดิชัน เธอร้องเพลงเก่าเพลงหนึ่ง หลังร้องจบกรรมการก็หันไปกระซิบกระซาบกัน ก่อนที่ต่างคนต่างยกป้ายให้ผ่านฉลุย

“ขอบคุณกรรมการทุกท่านค่ะ!”

ซย่าฝานก้มโค้งครั้งหนึ่ง ก้าวลงจากเวทีอย่างปลื้มปีติ เป็นครั้งแรกที่ได้แบ่งปันช่วงเวลาแห่งความสุขกับหลินเยวียนและเจี่ยนอี้

“นี่เพิ่งจะเริ่มต้น”

เจี่ยนอี้กล่าวกลั้วหัวเราะ “หลังจากนี้เธอต้องสู้นะ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็เอาเพลงความฝันแรกออกมาร้องให้กรรมการช็อกตายไปเลย!”

ซย่าฝานยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร

เธอไม่คิดจะนำเพลงความฝันแรกออกมาร้อง ถ้าร้องเพลงนี้ในการประกวดแล้วแลกมาได้เพียงโควตาผ่านเข้ารอบก็ออกจะน่าเสียดายไปหน่อย เธออยากร้องเพลงนี้ตอนเดบิวต์อย่างเป็นทางการมากกว่า

ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว

เจี่ยนอี้เสนอ “พวกเรากลับกัน?”

ซย่าฝานพยักหน้า มองไปยังทั้งสอง กล่าวว่า “วันนี้กลับก่อนเถอะ หลังจากนี้ฉันยังต้องแข่งอีกหลายรอบ แต่พวกนายสองคนไม่ต้องมาเป็นเพื่อนแล้ว”

เธอเพียงแค่รู้สึกกังวลในวันแรก

หลังจากนี้จะรบกวนทั้งสองคนตลอดไม่ได้

สองคนยิ้มตอบตกลง

จะว่าไปแล้ววิทยาลัยก็มีช่วงที่ว่างเหมือนกัน แต่ความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะว่างพร้อมกันพอดีกลับมีไม่มาก

การประกวดของซย่าฝานกินเวลานานสุดๆ หลินเยวียนกับเจี่ยนอี้ว่างแล้วถึงมาอยู่เป็นเพื่อนเธอได้ ไม่ว่างก็มาไม่ได้

เมื่อกลับถึงบ้าน

หลินเยวียนมองโทรศัพท์ คืนนี้ยังเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งก่อนจะถึงเวลานอน เขาจึงเปิดเรื่องกระบี่เทพสังหารแล้วลงมือเขียนต่อ

มือของเขาคล่องแคล่วว่องไว เขียนใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก

ใกล้ช่วงเวลาสามทุ่ม

ในที่สุดหลินเยวียนก็เขียนเรื่องกระบี่เทพสังหารเสร็จ!

…………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน