ตอนที่ 109 ฟ้าดินไร้ปรานี เห็นสรรพสิ่งเฉกเช่นสุนัขฟาง
วันต่อมา
หลังจากที่หลินเยวียนตื่นนอนและล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ก็ลงไปกินอาหารเช้า แต่ขณะที่กำลังจะคิดเงิน เจ้าของร้านอาหารเช้ากลับปัดมืออย่างยิ้มแย้ม
“ไม่ต้องจ่ายเงิน”
หลินเยวียนถาม “ทำไมล่ะครับ”
เจ้าของร้านยิ้มอย่างดีอกดีใจยิ่งกว่าเดิม “ร้านอาหารเช้าของเราเปลี่ยนเจ้าของแล้ว เจ้าของร้านคนใหม่ชื่อว่าซุนเย่าหั่ว เขาเคยให้ผมดูรูปคุณ บอกว่าเป็นเพื่อนสนิทกับคุณล่ะครับ เขายังบอกอีกว่าคุณเป็นสมาชิกวีไอพีคนสำคัญของร้านอาหารเช้าของเรา ให้กินฟรีตลอดชีพ”
“ขอบคุณครับ”
หลินเยวียนไม่ทัดทาน
อันที่จริงเขาก็แอบตกใจอยู่บ้าง
ว่ากันว่าศิลปินในวงการบันเทิงชื่นชอบการลงทุนทำร้านอาหาร นึกไม่ถึงว่ารุ่นพี่ซุนเย่าหั่วจะชื่นชอบเรื่องพวกนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ก็ทำร้านชานม ตอนนี้ก็ลงทุนกับร้านอาหารเช้าอีก
ต่อไปตนจะลงทุนด้วยบ้างดีไหมนะ
ช่างเถอะ
อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้เลย
ในตอนนี้เรื่องกระบี่เทพสังหารเล่มที่หนึ่งเขียนเสร็จแล้ว หลินเยวียนคิดว่าจะตีพิมพ์โดยเร็วที่สุด
สำนักพิมพ์ก็เลือกคลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็แล้วกัน
ความประทับใจที่หลินเยวียนมีต่อคลังหนังสือซิลเวอร์บลูนับว่าไม่เลว เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาระหว่างการตีพิมพ์ หรือช่องทางการวางขายสินค้า หรือว่าช่องทางการโปรโมตก็มีผลงานครบถ้วนสมบูรณ์เลยทีเดียว ระหว่างนั้นก็ยังเพิ่มส่วนแบ่งในสัญญาให้เขาด้วย จึงไม่มีเหตุผลให้เปลี่ยนผู้ร่วมงาน
นอกจากนั้นแล้ว หลินเยวียนยังปักธงร่วมงานกับนิตยสารอ่านสนุกของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูมาแล้วครั้งหนึ่ง ประสบการณ์ที่ได้รับก็ไม่เลวเช่นกัน
ค่าต้นฉบับของพวกเขาน่าพอใจมากทีเดียว
ครั้งนี้หลินเยวียนมีความมั่นใจในเรื่องกระบี่เทพสังหารอยู่บ้าง ต่างจากความรู้สึกกระวนกระวายในครั้งก่อน
เมื่อครุ่นคิดมาถึงตรงนี้
ระหว่างทางไปวิทยาลัย หลินเยวียนก็ส่งข้อความหาบรรณาธิการหยางเฟิง ‘ผมเขียนเรื่องใหม่เสร็จแล้วครับ’
‘เร็วขนาดนั้นเลย?’
หยางเฟิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว ‘ส่งมาให้ผมตอนนี้เลยได้ไหม’
ที่หยางเฟิงตอบได้อย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้ ก็เพราะเขาตั้งฉู่ขวงเอาไว้เป็นรายการโปรด
แม้ว่าเขาจะรับผิดชอบในการประสานงานกับนักเขียนจำนวนมาก แต่ฉู่ขวงเป็นนักเขียนตัวท็อปที่สุดซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหยางเฟิง ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญเอาไว้
ไม่ทันรอให้ฉู่ขวงตอบ
มือของหยางเฟิงกดหน้าจอ พิมพ์ซักไซ้ต่อด้วยความเร็วสูง ‘เรื่องใหม่เขียนเกี่ยวกับเทนนิสใช่ไหมครับ นี่คงจะเป็นกีฬาที่คุณถนัดที่สุดแล้ว แถมยังมีประสบการณ์จากเล่มแรกมาแล้ว คงจะเขียนได้คล่องมือ ผมว่าเขียนอีกก็คงไม่ยาก’
หยางเฟิงปลุกใจฉู่ขวง
ในความคิดของเขา นิยายเรื่องใหม่ของฉู่ขวงจะยังคงเขียนแนวการแข่งขันกีฬาที่เขาถนัด ผลักดันนิยายแนวเฉพาะกลุ่มนี้ให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนในแผนกแฟนตาซีเยาวชนกองบรรณาธิการของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูคาดหวังเป็นที่สุด
ฉู่ขวง ‘ไม่ใช่ครับ’
หยางเฟิง ‘แล้วเขียนอะไรล่ะ’
ถ้าไม่เขียนเกี่ยวกับเทนนิส หรือว่าฉู่ขวงจะเขียนเกี่ยวกับบาสเกตบอลหรือฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในตอนนี้ ระยะนี้มีคนมากมายในวงการเขียนแนวการแข่งขันกีฬาตามกระแสของฉู่ขวง โดยส่วนมากเน้นไปทางฟุตบอลและบาสเกตบอล ฉู่ขวงคงคิดจะสอนคนพวกนี้ว่านิยายเกี่ยวกับฟุตบอลและบาสเกตบอลนั้นเขียนอย่างไร
ใจกล้าสุดๆ ไปเลย!
สมแล้วที่เป็นฉู่ขวง!
หยางเฟิงรู้สึกว่าการคาดเดาของตนนั้นแม่นยำทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขาได้เห็นคำตอบของฉู่ขวง ก็ชะงักงันไปทั้งตัว เพราะฉู่ขวงตอบมาด้วยคำสั้นๆ ทำให้บรรณาธิการอย่างเขารู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
‘เทพเซียนกำลังภายใน’
ฉู่ขวงจะเขียนแนวเทพเซียนกำลังภายใน
ปัญหาคือเทพเซียนกำลังภายในคืออะไรล่ะ
หยางเฟิงรู้สึกท้อแท้เหลือเกิน ในฐานะที่เป็นบรรณาธิการมืออาชีพ เขาไม่มีทางไม่รู้จักว่าเทพเซียนกำลังภายในคืออะไร แต่ก็เพราะว่ารู้จักนี่แหละ เขาถึงได้ปวดเศียรเวียนเกล้าขนาดนี้ ‘แบบมหาศึกเซียนปะทะมารน่ะเหรอครับ’
‘ประมาณนั้นครับ’
ก่อนหน้านี้หลินเยวียนค้นข้อมูลมาแล้ว จึงรู้ว่ามหาศึกเซียนปะทะมารนั้นเป็นผลงานแนวเทพเซียนกำลังภายในเรื่องล่าสุดของบลูสตาร์แล้ว หลังจากผลงานชิ้นนี้ ฉินโจวก็ไม่มีนิยายแนวเทพเซียนกำลังภายในอีกแล้ว จวบจนวันนี้ก็นับเป็นเวลาแปดสิบปีมาแล้ว
‘โทรศัพท์ได้ไหม’
‘ผมกำลังจะเข้าเรียนครับ’
ฉู่ขวงพูดจบก็ไม่ตอบกลับมาอีก แต่หยางเฟิงก็ได้รับนิยายซึ่งมีชื่อว่ากระบี่เทพสังหารในอีเมล ทำเอาหยางเฟิงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกไปชั่วขณะ ฉู่ขวงมาบุกเบิกนิยายแนวนี้จริงๆ หรือนี่!
มาเขียนอะไรนิยายเทพเซียนกำลังภายใน
ฉู่ขวงเป็นคนหัวโบราณหรือยังไง
เห็นชัดๆ ว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน