ตอนที่ 1096 เกือบถึงขั้นโพสต์โพรดักชัน
………………..
“อะแฮ่ม”
จินมู่กระแอมเบาๆ เพื่อทำลายความเงียบในห้อง “หวังว่าทุกคนจะไม่คิดมากนะครับ ที่จริงอาจารย์อิ่งจือไม่ได้ตั้งใจจะใส่หน้ากากมาพูดคุยกับทุกคนหรอกครับ แต่เพราะเขาแพ้แสงแดดมาตั้งแต่เด็ก ยังไงก็ขอให้ทุกคนช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยครับ”
“แพ้แสงแดด?”
หัวหน้าหญิงคนหนึ่งถึงกับตื่นเต้นขึ้นมา “เหมือนเคยได้ยินว่าบางคนก็แพ้แสงแดดจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์อิ่งจือก็เป็นหนึ่งในนั้น แบบนี้หรือเปล่าถึงใช้นามปากกาว่าอิ่งจือ (เงา)?”
“แต่ในห้องนี้ไม่มีแสงแดดเลยนะ!”
“อาจจะชินกับการใส่หน้ากากไปแล้วก็ได้?”
“แต่ไม่ว่ายังไง นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!”
“พวกเราทุกคนเข้าใจอาจารย์อิ่งจือได้”
“เรื่องนี้เราจะไม่แพร่งพรายออกไปแน่นอน!”
ถึงแม้จะยังไม่ได้เห็นใบหน้าจริงของอิ่งจือ แต่ดูเหมือนทุกคนจะยอมรับคำอธิบายของจินมู่กันหมด และแน่นอนว่าไม่มีใครเสียมารยาทถึงขั้นจะขอให้อิ่งจือถอดหน้ากากดำสวยๆ นั่นออกหรอก
อันที่จริง
เมื่อเทียบกับเหตุผลเรื่องแพ้แสงแดด ทุกคนในใจก็แอบคิดว่า อิ่งจืออาจจะเป็นพวกจูนิเบียวก็เป็นได้
เพราะบางคนจับได้ถึงความรู้สึกไม่มั่นใจของจินมู่
มาคิดดูดีๆ ก็ใช่
การ์ตูนแนวเด็กผู้ชายอย่างราชาโจรสลัดหรือนินจาจอมคาถา จุดที่ดึงดูดผู้อ่านที่สุดก็คือความจูนิเบียวและความเลือดเดือดไม่ใช่หรือไง?
อย่างเช่นผลงานชิ้นเอกของอิ่งจืออย่างเซนต์เซย์ยา
ตัวเอกตะโกนว่า ‘หมัดดาวตกเพกาซัส’ ทีไร ความจูนิเบียวก็ทะลุเพดานทุกทีใช่ไหมล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น
เมื่อทุกคนยอมรับคาแรกเตอร์นี้ได้แล้ว กลับรู้สึกว่า อิ่งจือที่ใส่หน้ากากอยู่นี่ ดูน่าเอ็นดูและเป็นกันเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ใช่แล้ว
บางที ก็อาจจะเป็นเพราะความจูนิเบียวแบบนี้ล่ะมั้ง ที่ทำให้อิ่งจือได้รับความรักจากผู้อ่านวัยรุ่นนับไม่ถ้วน?
เข้าใจได้
และเคารพในการเลือกของเขา
ทุกคนต่างจินตนาการกันไปต่างๆ นานา พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
จินมู่กระแอมขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าใครมีคำถามอะไรก็ถามมาได้เลยครับ!”
บรรยากาศกลับมาจริงจังอีกครั้ง ไม่มีใครพูดถึงหน้ากากหรือตั้งข้อสงสัยเรื่องความเป็นจูนิเบียวของอิ่งจืออีก
หัวหน้าหญิงคนหนึ่งที่เคยพูดก่อนหน้าเป็นผู้เปิดประเด็น
“ฉันได้อ่านบทภาพยนตร์ที่อาจารย์อิ่งจือเขียนแล้วค่ะ พูดตรงๆ เลยนะคะ ฉันว่าบทนี้ยอดเยี่ยมมาก!”
“ใช่เลย!”
“บทเขียนได้ดีมาก!”
“ฉันไม่คิดเลยจริงๆ ว่าบทภาพยนตร์แอนิเมชันของอิ่งจือจะเขียนออกมาได้ดีขนาดนี้ ต้องเข้าใจก่อนนะว่างานพวกนี้ วิธีคิดมันต่างจากการ์ตูนสิ้นเชิงเลย!”
“การ์ตูนคือเรื่องยาว”
“เรื่องยาวสามารถค่อยๆ ดำเนินเนื้อเรื่องไปได้”
“หนังแอนิเมชันแบบนี้ ต้องเล่าเรื่องให้ครบถ้วนภายในเวลาที่จำกัด ถ่ายทอดเรื่องราวอย่างราบรื่น ไม่เร่งไม่รีบ ทั้งการเกริ่นนำ การพัฒนาเรื่อง จุดหักมุม และบทสรุป ทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างเป็นจังหวะในขอบเขตที่แน่นอน นี่แหละที่น่าทึ่งสุดๆ !”
“เมื่อคืนผมนั่งอ่านจนเช้าเลย”
“ฉันร้องไห้ตอนอ่านไปได้ครึ่งเรื่อง…”
ทุกคนต่างเอ่ยคำชื่นชม แม้จะดูเหมือนการประจบ แต่ก็ไม่ได้พูดเกินจริง บทภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องวอลล์อีเวอร์ชันของอาจารย์อิ่งจือนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ !
ถ้าอิ่งจือยอมเป็นผู้เขียนบทแค่อย่างเดียวก็คงจะดีไม่น้อย
หลังจากชื่นชมกันพอประมาณ หญิงสาวหัวหน้าแผนกคนเดิมก็กล่าวต่อ
“แผนกของเรารับผิดชอบด้านการออกแบบตัวละคร ตอนนี้มีแนวทางอยู่สองแบบค่ะ อยากให้อาจารย์อิ่งจือดูว่าได้ไหม”
พูดพลาง
เธอก็ยื่นแบบร่างตัวละครออกมา
เป็นภาพดีไซน์ของตัวละครหลักในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้
“ไม่ได้ครับ”
หลินเยวียนในตอนนี้ก็คืออิ่งจือ
อิ่งจือเพียงแค่เหลือบมองแบบร่างแวบเดียวก็ส่ายหน้าทันที
หัวหน้าแผนกหญิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “งั้นเราจะออกแบบใหม่ค่ะ”
อิ่งจือเอ่ยขึ้น “ผมออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงท่าทางของหุ่นยนต์ด้วย”
ขณะพูด
หลินเยวียนเลื่อนกระดาษร่างแบบไปตรงหน้าเธอ
หัวหน้าหญิงคลี่ยิ้มบาง “อาจารย์อิ่งจืออาจจะยังไม่เข้าใจขั้นตอนการสร้างแอนิเมชันดีนักค่ะ การออกแบบตัวละครแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้แบบร่างครั้งแรกเลย เราต้องทดลองซ้ำไปซ้ำมา เพื่อหาแบบที่เหมาะสมที่สุ…”
เธอหยุดพูดกะทันหัน
เสียงของเธอขาดห้วงไปในทันที
สายตาของเธอจ้องแน่นอยู่ที่แบบร่างตัวละครที่อิ่งจือส่งให้ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไป ดวงตาเปล่งประกายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“วอลล์อี!”
“อีฟ!”
เจ้าหุ่นวอลล์อีในแบบร่างนั้นเต็มไปด้วยคราบสกปรก ร่างกายเปื้อนโคลน ดูซอมซ่อราวกับไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนเลยแม้แต่น้อย
ในแง่ของรูปลักษณ์ของหุ่นยนต์นั้น โครงสร้างของมันดูเก่าและยุ่งเหยิง การออกแบบภายนอกก็ดูหยาบกระด้าง เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของหุ่นยนต์รุ่นเก่า แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเปล่งประกายอย่างมีชีวิตชีวา ราวกับว่ามันมีความคิดเป็นของตัวเอง และสามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้!
แต่สิ่งที่ทำให้หัวหน้าแผนกหญิงตกใจยิ่งกว่าก็คืออีฟ!
หัวหน้าหญิงครุ่นคิดเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของอีฟมาโดยตลอด
ในบทภาพยนตร์ อีฟถูกบรรยายว่าเป็นหุ่นยนต์ที่ว่องไว ฉลาดเฉลียว กล้าหาญ และทำงานอย่างหมดจดเรียบร้อย
การจะถ่ายทอดลักษณะเหล่านี้ผ่านรูปลักษณ์ของหุ่นยนต์นับเป็นเรื่องยากมาก ทำให้คนในแผนกลำบากใจกันไม่น้อย
แต่ตอนนี้เอง อิ่งจือกลับเสนอรูปลักษณ์ของอีฟออกมาแล้ว
รูปลักษณ์ที่ขาวล้วนทั้งตัว ดูเรียบลื่นเงางาม ออกแบบได้โค้งมนและกลมกลืนเป็นชิ้นเดียวกัน แลดูล้ำสมัย สื่อถึงเทคโนโลยีชั้นสูงได้อย่างชัดเจน และยังตัดกับรูปลักษณ์ของวอลล์อีที่ดูเก่าคร่ำคร่าอย่างสิ้นเชิง!
ดวงตาอิเล็กทรอนิกส์ล้ำยุคคู่นั้น กลับไม่ให้ความรู้สึกเย็นชาเลย
เวลาที่อีฟแสดงสีหน้าดูแคลน ดวงตาของเธอจะโค้งลงคล้ายพระจันทร์เสี้ยว เวลาร้องไห้ ดวงตาคู่นั้นจะโค้งขึ้นคล้ายเสี้ยวจันทร์กลับด้าน เวลาจนใจ ดวงตาจะกลายเป็นเส้นตรง เธอยังมีท่าทางยกมือปิดปากหัวเราะอีกด้วย ซึ่งทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกสนใจอย่างบอกไม่ถูก!
นอกจากนี้
ไม่ว่าจะเป็นกัปตัน คนทำความสะอาด หรือแม้แต่ยานอวกาศ แอ็กเซียมต่างก็ยังผ่านการออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบ!
สมบูรณ์จนหัวหน้าแผนกหญิงสัมผัสได้อย่างรุนแรงว่า
งานออกแบบพวกนี้ไม่ต้องแก้อะไรอีกแล้ว ใช้ในภาพยนตร์ได้ทันที และยังสอดคล้องกับบทภาพยนตร์อย่างสมบูรณ์แบบ!”
“ฉันไม่มีข้อโต้แย้งอะไรอีกแล้วค่ะ”
หัวหน้าหญิงอ่านแบบร่างทั้งหมดก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยชมออกมาจากใจจริง “ผู้กำกับยอดเยี่ยมมากค่ะ!”
ก่อนหน้านี้เธอเรียกหัวหน้าของตนว่า ‘อาจารย์อิ่งจือ’
ตอนนี้เธอเปลี่ยนคำเรียกเสียใหม่ ยอมรับตัวตนของอีกฝ่ายในฐานะผู้กำกับหลักแล้ว
ในเวลาเดียวกัน
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอน 837-839 ไม่มีข้อความเลยครับ...