ตอนที่ 114 หนึ่งร้อยคนสุดท้าย
บรรณาธิการบริการของเฟลอริชรู้สึกทรมานเหลือเกิน และความทรมานนี้ก็จะติดตามเขาไปตลอดทั้งเดือนมิถุนายน เขาคาดหวังให้เป็นสัญชาตญาณที่ผิดพลาด เพราะถ้าหากสิ่งที่เขากังวลกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ก็จะก่อให้เกิดความทรมานที่แสนสาหัสขึ้นไปอีก
ชีวิตของหลินเยวียนกลับเหมือนเดิมทุกประการ
เขาถึงขั้นเริ่มเขียนกระบี่เทพสังหารเล่มสอง การเลื่อนส่งต้นฉบับไม่ใช่นิสัยที่ดี และจะส่งผลต่อรายรับของหลินเยวียน อย่างน้อยในเรื่องการหาเงิน หลินเยวียนต้องขยันขันแข็งไว้ก่อน
แต่ถึงอย่างนั้นจะให้หาเงินตลอดเวลาก็คงไม่ได้
ตัวอย่างเช่นในช่วงนี้ปู้ลั่ววรรณกรรมโทรศัพท์มาหาเขา อยากขอต้นฉบับนิยายสั้นอีกสักเรื่อง ก็ถูกหลินเยวียนปฏิเสธไป เพราะในมือของหลินเยวียนมีเรื่องสั้นเหลือเพียงสองเรื่อง เขาต้องใช้สอยอย่างประหยัด ถึงยังไงราคาของนิยายเรื่องนี้ก็ต้องเอาให้คุ้มค่า
เหตุผลที่เขาปฏิเสธก็คือ
ช่วงนี้ไม่มีแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องสั้น
แผนกนิตยสารคลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็เคยมาถาม เขาใช้เหตุผลเดียวกันปฏิเสธไป สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ตกก็คือ ราคาที่ทั้งสองฝั่งเสนอมานั้นใกล้เคียงกัน รอให้หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะปล่อยผลงานลงแพลตฟอร์มไหนค่อยเลือกฝั่งที่ให้ผลประโยชน์มากที่สุด
ทั้งสองบริษัทต่างก็เชื่อคำพูดโกหกของหลินเยวียน
เพราะสำหรับคนทั่วไปแล้ว นักเขียนมีแรงบันดาลใจอยู่ทุกวันก็ออกจะแปลกประหลาดไปหน่อย นับประสาอะไรกับฉู่ขวงซึ่งทุกครั้งที่ปล่อยเรื่องสั้นออกมาก็จะเป็นผลงานสุดคลาสสิก และคลาสสิกก็เท่ากับว่าขั้นตอนการผลิตผลงานนั้นลำบากยากเย็น ไหนเลยจะมีผลงานคลาสสิกที่เขียนออกมามั่วๆ ได้?
นิยายคลาสสิกไม่ใช่ผักกาดขาว[1]สักหน่อย
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่หลินเยวียนปฏิเสธการขอต้นฉบับจากทั้งสองฝั่ง พรสวรรค์เป็นสิ่งที่มีข้อจำกัดอย่างหนึ่ง ถ้าเกิดเขาสั่งเพลงสุดคลาสสิกจากระบบสักสิบเพลง โลกภายนอกคงไม่ได้ประหลาดใจ แต่น่าจะตกใจกลัวเสียมากกว่า
ดังนั้นหลินเยวียนจึงไม่รีบร้อน
เขาขาดแคลนค่าความโด่งดังก็จริง
แต่รีบร้อนไปก็ใช่เรื่อง
ทางซย่าฝานยังคงยุ่งกับการแข่งขันของเธอ การแข่งขันรายการสะพรั่งในเดือนมิถุนายนค่อนข้างอัดแน่น ด้วยเหตุนี้เธอจึงลาเรียนติดต่อกันหลายวันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นทางคณะดนตรีก็ไม่ได้ทำให้เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด วิทยาลัยไม่ได้สนับสนุนให้นักศึกษาเข้าวงการบันเทิงเร็วถึงขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้เข้าไปขัดขวางเส้นทางของพวกเขา
ช่วงกลางเดือนมิถุนายน
หลินเยวียนกับเจี่ยนอี้ไปยังเวทีประกวดรายการสะพรั่งเป็นเพื่อนซย่าฝานอีกครั้ง ในครั้งที่สองนี้ที่ทั้งสองมากับซย่าฝานหลังจากรอบออดิชัน เหตุผลสำคัญก็คือการแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างสำคัญ และจะตัดสินว่าซย่าฝานจะทะลุเข้าไปเป็นหนึ่งร้อยคนสุดท้ายของทั้งประเทศได้หรือไม่
ซย่าฝานมีปมในใจอยู่เล็กน้อย
การแข่งขันสองรอบก่อนหน้านี้เธอไม่ติดหนึ่งในร้อยเลย หนำซ้ำทุกครั้งก็ล้วนเป็นความผิดพลาดที่น่าเสียดาย หลินเยวียนกับเจี่ยนอี้ให้กำลังใจเธอ และหวังว่าวันนี้เธอจะเอาชนะตัวเองได้ ยังไงซะการเข้าไปเป็นหนึ่งร้อยคนสุดท้ายถึงจะมีโอกาสโผล่ไปให้ผู้ชมในฉินโจวเห็นหน้าค่าตา
ก็เหมือนกับรอบออดิชัน
เสียงของผู้คนในเวทีประกวดจ้อกแจ้กจอแจไปหมด
การฟาดฟันเพื่อชิงที่นั่งในหนึ่งร้อยคนสุดท้ายจัดขึ้นพร้อมกันในทุกหัวเมืองใหญ่ ถึงจะบอกว่าหนึ่งร้อยคน แต่ทางเมืองซูก็มีเพียงห้าคนที่สามารถผ่านเข้ารอบไปในท้ายที่สุด ถึงอย่างไรในทุกเมืองของฉินโจวก็ล้วนเฟ้นหาแคนดิเดตออกมา ฉะนั้นการประกวดรอบที่ซย่าฝานกำลังจะเผชิญหน้าต่อไปนี้จึงกดดันมาก
“ฉันจะไปฉี่…หลังเวที”
ทันทีที่หลินเยวียนและเจี่ยนอี้มาถึงเวทีการแข่งขันพร้อมกับซย่าฝาน เธอก็รีบร้อนออกไป ครั้งก่อนหลินเยวียนกับเจี่ยนอี้ยังไม่ทันฉุกคิด ครั้งนี้ทั้งสองเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าซย่าฝานรีบไปเข้าห้องน้ำอย่างแน่นอน!
นี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของซย่าฝาน
ทุกครั้งที่เธอกังวล ก็มักจะอยากเข้าห้องน้ำ ถ้ากังวลเป็นพิเศษ โดยทั่วไปก็ถ่ายหนัก ถ้ากังวลทั่วไป แค่ถ่ายเบาก็แก้ปัญหาได้แล้ว ถ้ากังวลเพียงเล็กน้อย เข้าไปนั่งในห้องน้ำสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ซย่าฝานจะเอ่ยปากบอกกับทั้งสอง ผู้หญิงจะค่อนข้างกระดากอาย ทั้งสองได้ข้อสรุปจากการสังเกตล้วนๆ แล้วก็ไม่กล้าเอ่ยขึ้นต่อหน้าซย่าฝานด้วย
ถ้าเกิดถูกฆ่าขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ
ครั้งนี้คงจะไปถ่ายเบาสินะ?
เห็นได้ชัดว่ายังกังวลระดับกลางเท่านั้น
ความกังวลในระดับที่พอเหมาะนับว่าส่งผลดีต่อการแข่งขัน แม้ว่าซย่าฝานจะขึ้นเวทีค่อนข้างข้า แต่ในยามที่เธอขึ้นเวที หลินเยวียนกับเจี่ยนอี้ก็มองออกว่าเพื่อนรักอยู่ในสภาพที่ใช้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ได้ยืนท่าหนีบขาอยากเข้าห้องน้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน