ตอนที่ 119 คำขอของหลินเยวียน
คนที่ซื้อกระบี่เทพสังหารมีมากขึ้นเรื่อยๆ
คนที่อ่านกระบี่เทพสังหารก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อเวลาดำเนินไปได้สองวัน สองแสนตัวอักษรของเรื่องกระบี่เทพสังหารเล่มที่หนึ่งก็ค่อยๆ มีผู้อ่านอ่านจบมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดทุกคนก็กลายเป็นเครื่องเล่นเสียงซ้ำไปอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
‘เวรเอ๊ย จบเล่มแล้วเหรอ’
ภาษิตกล่าวได้ถูกต้อง
หากวันใดมีดอยู่ในมือ จะสับเจ้าพวกชอบตัดตอนให้เละ
ตอนนี้บรรดานักอ่านละอยากจะส่งของขวัญไปให้ฉู่ขวง
ตัวอย่างเช่น…
มีดสักเล่มเป็นไง
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการล้อเล่น…
ล่ะมั้ง…
ในเว็บบอร์ดนิยาย ปริมาณของเรื่องกระบี่เทพสังหารไม่ใช่สิ่งที่ในวันแรกจะเทียบได้อีกต่อไป แต่คนที่อ่านช้าสักหน่อย เมื่อเข้ามาในเว็บบอร์ดอย่างน้อยก็ต้องถูกบรรดากองทัพกระทู้ถล่มสปอยล์ใส่ไปแล้วแปดส่วน
‘เมื่อไหร่จางเสี่ยวฝานจะลุกขึ้นมาได้ นายเป็นถึงผู้บำเพ็ญเพียรคู่พุทธเต๋าที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยนะ!’
‘เมื่อไหร่ไม้ดูดวิญญาณจะทำให้สำนักเมฆาครามตะลึงบ้าง’
‘ดูจากโพสต์ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าครั้งนี้จางเสี่ยวฝานจะต้องชนะการประลองเจ็ดปราณ สั่นสะเทือนสำนักเมฆาครามและเอาชนะใจของศิษย์พี่หญิงเถียนหลิงเอ๋อร์’
‘เป็นโลกเทพเซียนกำลังภายในที่ชวนให้คนตั้งหน้าตั้งตารอจริงๆ ถ้าบอกว่าหนังสือเล่มก่อนหน้าของฉู่ขวงทำให้ฉันสนใจแนวการแข่งกันกีฬา เรื่องกระบี่เทพสังหารก็ทำให้ฉันหลงรักแนวเทพเซียนกำลังภายในเลยละ!’
‘ฟ้าดินไร้ปรานี เห็นสรรพสิ่งเฉกเช่นสุนัขฟาง นี่แหละเทพเซียนกำลังภายใน!’
‘…’
ไม่ใช่เพียงนักอ่านที่อ่านกระบี่เทพสังหาร บรรณาธิการและเหล่านักเขียนในสายงานก็อ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่ออ่านแล้ว
ทุกคนล้วนแต่พูดไม่ออก
ผ่านไปเนิ่นนาน กว่าจะมีบรรณาธิการบริหารผู้ทรงคุณวุฒิกล่าวขึ้นพลางทอดถอนใจ “ฉู่ขวงนิยามแนวเทพเซียนกำลังภายในขึ้นมาใหม่ที่ไหนกันล่ะ นี่มันสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว!”
จริงด้วย!
สร้างขึ้นมาใหม่!
ไม่มีใครคลางแคลงใจอีก สิ่งสำคัญก็คือแนวเทพเซียนกำลังภายในเขียนอย่างไร ฉู่ขวงได้แสดงให้วงการนี้ได้เห็นเป็นประจักษ์ด้วยเรื่องกระบี่เทพสังหารแล้ว
‘บุกเบิกแล้ว’
‘หนังสือสองเล่มติด ผลิตผลงานมาสองประเภท ฉู่ขวงกำลังจะกลายเป็นมาตรวัดทิศทางของกระแสในอุตสาหรรม หลังจากนี้แนวเทพเซียนกำลังภายในจะกลายเป็นแนวใหม่ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักเขียน’
‘ฉันกลับรู้สึกว่าหลังจากนี้แนวเทพเซียนกำลังภายในจะดังกว่าแนวการแข่งขันกีฬา!’
‘คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของนิยายทั้งสองเรื่องของฉู่ขวง ที่จริงก็คือการสร้างแรงผลักดันครั้งใหม่ให้กับอาชีพของเรา ก่อนหน้านี้ทุกคนแห่กันไปเขียนแนวผจญภัยในต่างโลก แต่ตอนนี้ฉู่ขวงมอบตัวเลือกให้ทุกคนเพิ่มขึ้นอีกสองตัวเลือก’
‘อนาคตของนิยายแนวเทพเซียนกำลังภายในยังมีอีกไม่จำกัด’
‘ฉันเองไม่ได้โกรธเลยที่นิยายของฉู่ขวงเล่มนี้ดังกว่าเล่มก่อนหน้า ฉู่ขวงบุกเบิกแบบนี้นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับวงการ คนในสายงานนี้อย่างพวกเราน่าจะต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำไป ที่ฉันโกรธก็คือทำไมนักเขียนผู้บุกเบิกอย่างฉู่ขวงจะต้องเป็นคนของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูด้วย!’
‘…’
เมื่อก่อน แนวผจญภัยในต่างโลกเป็นแนวยอดฮิต ส่วนแนวอื่นๆ กลับเป็นเพียงแอ่งน้ำนิ่งไร้คนสนใจ
ทว่าในตอนนี้ ฉู่ขวงได้นำพากระแสความร้อนแรงมาสู่แนวการแข่งขันกีฬา
หลังจากนี้ แนวเทพเซียนกำลังภายในน่าจะฮ็อตฮิตยิ่งกว่า!
คงไม่มีใครเลียนแบบเรื่องราวของกระบี่เทพสังหารได้ แต่เมื่อฉู่ขวงได้ผลิตต้นแบบของการเขียนผลงานแนวเทพเซียนกำลังภายในแบบใหม่ออกมา ผู้ที่สามารถหยิบยืมและนำมาสร้างสรรค์ผลงานที่คล้ายคลึงกันได้นั้นกลับมีมากมาย
นี่ก็เหมือนในจีนนั่นละ
คนรุ่นก่อนเพาะกล้า คนรุ่นหลังได้พึ่งพิงร่มเงา ต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานของการสร้างสรรค์เรื่องกระบี่เทพสังหาร ก็มาจากนิยายเทพเซียนอีกเรื่องหนึ่ง
หนังสือเรื่องนั้นมีชื่อว่า ‘การเดินทางอันพร่าเลือน’
ต่อให้หลังจากนี้จะปรากฏผลงานแนวเทพเซียนกำลังภายในซึ่งเป็นที่นิยมกว่านี้ ความสำเร็จที่ฉู่ขวงได้จากกระบี่เทพสังหาร ก็บ่งชี้ว่าเขาเป็นบุคคลที่มีความสำคัญที่สุดของนิยายประเภทนี้ ก็เหมือนกับประเภทการแข่งขันกีฬาในตอนนี้ก็ยกให้ฉู่ขวงเป็นอันดับหนึ่งนั่นแหละ
……
หลินเยวียนได้รับหนังสือเรื่องกระบี่เทพสังหารเล่มหนึ่งมาแล้ว ทางคลังหนังสือซิลเวอร์บลูส่งมาให้โดยไม่คิดเงิน
หยางเฟิงโทรศัพท์ไปขอให้หลินเยวียนส่งกลับมา ก่อนจะส่งกลับมาให้เซ็นชื่อในหนังสือเล่มนั้นก่อน
นี่เป็นหนังสือฉบับมีลายเซ็นที่บรรณาธิการบริหารต้องการ
หลินเยวียนตอบตกลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน