Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 154

ตอนที่ 154 (1) ชอบเธอ

ในวันเดียวกันนั้นเอง แผนกดนตรีของธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ ก็เปิดประชุมปลายเดือนเป็นการล่วงหน้า

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ในแผนกมาถึงห้องประชุม ต่างก็เหลือบเห็นฟ่านหลงเหอนั่งอยู่ที่มุมมุมหนึ่ง ในมือกำโทรศัพท์มือถือแน่น

มีคนนึกอยากเข้าไปเอ่ยปลอบ แต่กลับถูกเพื่อนร่วมงานดึงแขนเสื้อไว้ จึงทำได้เพียงเลือกที่จะปล่อยไปหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

เสียงของรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นดังมาจากด้านนอก

หัวหน้าหลัวฉีมาถึงแล้ว

เมื่อเธอเดินเข้ามา ก็กวาดสายตาไปเห็นฟ่านหลงเหอที่มุมห้องเช่นเดียวกัน ส่วนลึกในดวงตาฉายแววขบขัน พูดขึ้นเสียงดังว่า “เปิดประชุมได้แล้วละ เรื่องเพลงประกอบซีรีส์ ฉันว่าถึงเวลาที่จะต้องไปยืนยันกับแผนกที่เกี่ยวข้องแล้ว”

“หัวหน้าหลัว”

ฟ่านหลงเหอเงยหน้าขึ้นทันที

หลัวฉีเลิกคิ้ว “รองหัวหน้าฟ่านเชิญพูด”

ฟ่านหลงเหอเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “ทำไมถึงเปิดประชุมล่วงหน้าล่ะครับ นี่ยังไม่ถึงวันที่กำหนดเลย”

“รองหัวหน้าฟ่านลืมเรื่องหนึ่งไปแล้วเหรอ”

หลัวฉีนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน สั่นขาเบาๆ “ถ้ายังรอต่อไป ต่อให้เซี่ยนอวี๋ของคุณส่งเพลงมา พวกเรายังจะมีเวลาอัดเพลงใหม่เหรอ”

ฟ่านหลงเหอกัดฟันกรอด

เป็นอย่างที่หลัวฉีพูดจริงๆ

ขืนยังรอต่อไป ต่อให้เซี่ยนอวี๋เขียนเพลงเสร็จ ทางบริษัทก็ไม่มีเวลาอัดเพลงแล้ว

จะให้รอบทเพลงที่ยังยืนยันคุณภาพไม่ได้ และมาเปลี่ยนเวลาออกอากาศที่กำหนดมาเรียบร้อยแล้วไม่ได้หรอก

“ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ตอนนี้เขาจะส่งเพลงมา ก็ยังต้องแก้เนื้อเพลงไม่ใช่หรือไง” หลัวฉีพูดอย่างเฉียบขาด

ฟ่านหลงเหอจ้องมองหลัวฉี

เห็นได้ชัดว่าหลัวฉีมีหูมีตาอยู่ในนี้ ไม่เช่นนั้นเธอไม่มีทางล่วงรู้รายละเอียดมากถึงขนาดนี้หรอก รู้แม้กระทั่งเรื่องที่เซี่ยนอวี๋ไม่อยากให้คนอื่นเขียนเนื้อเพลง

เขาเหมือนกับว่า จะแพ้แล้วจริงๆ?

การประชุมหลังจากนั้น ฟ่านหลงเหอไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรอีก

เขานั่งอยู่ที่มุมห้อง รู้สึกประหนึ่งตนเป็นบุคลากรที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรอย่างนั้น

จนกระทั่งการประชุมจบลง ก็มีคนตบบ่าของเขา จนเขาได้สติกลับมา

“เลิกประชุมแล้วครับ รองหัวหน้าฟ่าน”

ลูกน้องซึ่งปกติแล้วสนิทสนมกันเดินเข้ามาเตือน

ฟ่านหลงเหอยิ้มขื่นพลางพยักหน้า “นายเองก็ไม่ต้องเข้าใกล้ฉันมากไป ถ้าหัวหน้าหลัวเห็นเข้า นายจะเดือดร้อน”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ”

ลูกน้องคนนี้แบมือยักไหล่ “ผมไม่ได้มีความคิดอยากจะไต่เต้าอะไรอยู่แล้ว เป็นพนักงานตัวเล็กๆ ก็สบายใจดี”

ฟ่านหลงเหอรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง

มีใครบ้างที่ไม่อยากเลื่อนตำแหน่ง

ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากความซื่อสัตย์ภักดีก็เท่านั้น

ปกติแล้วลูกน้องที่มาห้อมล้อมเขามีมากมายก่ายกอง แต่ยามนี้เหลือเพียงคนเดียวที่ยังคงยืนหยัดอยู่ข้างเขา

ทันใดนั้นเอง

โทรศัพท์มือถือของฟ่านหลงเหอก็ดังขึ้น

ฟ่านหลงเหอเหลือบมองโทรศัพท์มือถือ จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมา สายตาฉายแววประกายวาบ แต่ก็ยังรีบปรับอารมณ์ให้เยือกเย็น “ตอนนี้ทางนั้นน่าจะแจ้งไปแล้วใช่ไหม…”

“ครับ”

ลูกน้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เพลงส่งมาแล้วเหรอครับ น่าเสียดายที่ไม่ทันแล้ว ถ้ารู้แต่แรกน่าจะถ่วงเวลาไว้อีกหน่อยนะครับ”

“นั่นสิ”

ฟ่านลงเหอกล่าวกลั้วหัวเราะ “แต่ต่อให้ยื้อเวลาไว้ก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์ แต่ยังโชคดีที่เป็นออเดอร์ราคาไม่เกินสามล้าน ถึงจะเป็นงานเร่ง มีเวลาแค่เดือนเดียวก็เถอะ เรามาลองฟังดูมั้ย”

ลูกน้องพยักหน้าหงึกๆ

ทั้งสองคนสวมหูฟังคนละข้าง จากนั้นฟ่านหลงเหอก็กดปุ่มเล่นเพลง

ทำนองเปียโนนุ่มนวลระคนความปวดร้าวดังขึ้น เข้ากับความรู้สึกของฟ่านหลงเหอในตอนนี้อย่างไม่อาจบรรยายได้ เพียงแต่เขารู้สึกว่าชีวิตตนขมขื่นกว่าอยู่สักหน่อย

จากนั้น

เสียงดนตรีสังเคราะห์ซึ่งถูกร้อยเรียงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผนวกกับเสียงขับร้องด้วยภาษาฉีดังขึ้นอย่างแช่มช้า “สายลมโชยพัดบนถนนในวันฝนพรำ เช็ดดวงตาช้ำไร้เหตุผลให้มองขึ้นไป ฉายซ้ำความทรงจำปวดร้าว ใจเหน็บหนาวยามมองแสงไฟ…”

ฟ่านหลงเหอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

ลูกน้องของเขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน แววตาของทั้งสองคล้ายกับสื่อสารกันชั่วขณะ

และในหูฟังแต่ละข้างของทั้งสอง บทเพลงยังคงบรรเลงต่อไป “ความคิดมากมายก่อเกิดขึ้นในใจอีกครา รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าไม่เคยลบเลือน ตอนนี้มีเพียงปรารถนา ให้เธอรับรู้เสียงจากใจ…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน