Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 169

สรุปบท ตอนที่ 169 ผงาด: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

สรุปตอน ตอนที่ 169 ผงาด – จากเรื่อง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดย Internet

ตอน ตอนที่ 169 ผงาด ของนิยายการเงินเรื่องดัง Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 169 ผงาด

บริษัทโลนวูล์ฟ

บรรยากาศหลายวันมานี้ค่อนข้างตึงเครียด เพราะนับตั้งแต่บริษัทส่งออเดอร์ ทางชีซิงก็น่าจะได้ข้อสรุปในเร็ววัน

“ไม่รู้ว่าครั้งนี้ผลงานของเรดมูนเป็นอย่างไร พวกเราจะแพ้หรือเปล่า”

รองหัวหน้ากระวนกระวายใจ

สีหน้าของหัวหน้าแลดูเย็นชา “ออเดอร์แข่งขันในครั้งนี้โลนวูล์ฟจะแพ้ไม่ได้ เพราะคู่แข่งของเราคือเรดมูน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อันดับของสองบริษัทใกล้เคียงกัน แค่ความแค้นของทั้งสองบริษัท เราก็มีเหตุผลมากพอให้แพ้ไม่ได้แล้ว!”

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

รองหัวหน้าทอดถอนใจอีกครั้ง “ฉันยอมพังเองดีกว่า แพ้ให้หนึ่งในบริษัทไก่กาพวกนั้น แต่จะไม่แพ้ให้เรดมูนเด็ดขาด แถมยังมีทั้งวงการคอยจับตาดูออเดอร์แข่งขันของพวกเราอยู่ ถ้าแพ้ละก็ขายหน้าแย่เลย”

“คุณก็กล้าพูดนะ”

หัวหน้าจนคำพูด ก่อนจะเอ่ยอย่างอับจนหนทาง “แต่ที่คุณพูดก็จริง ถ้าจะแพ้ให้อีกสามบริษัท ยังดีกว่าแพ้เรดมูน อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องโดนเรดมูนหัวเราะเยาะ ใครๆ เขาก็รู้กันหมดว่าสองบริษัทเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน”

ขณะเดียวกันนั้นเอง

ณ บริษัทเรดมูน

สถานการณ์ทางนี้แทบไม่ได้แตกต่างจากโลนวูล์ฟเลย

พนักงานทุกระดับล้วนรอผลของออเดอร์ชีซิง เพราะทั้งสองบริษัทเป็นคู่แข่งตัวฉกาจกัน ต่อให้ตอนนั้นจะบอกว่าลงเอยกันด้วยดีแล้ว แต่หนามยอกอกไหนเลยจะบ่งออกไปได้ง่ายๆ

“ปัญหาจิ๊บจ๊อย!”

“เรดมูนต้องชนะ!”

“ถึงยังไงเพลงนี้ก็ทุ่มสุดตัวกันแล้ว นักแต่งเพลงมือทองหลายคนช่วยกันออกความเห็น กว่าจะทำเพลงนี้ออกมาได้ ทุกคนได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลว ไม่มีเหตุผลให้แพ้โลนวูล์ฟเลย”

“…”

ปากก็พูดมาเสียมั่นอกมั่นใจ ทว่าความจริงแล้วบรรดานักประพันธ์เพลงส่วนมากให้กำลังใจตัวเองอยู่ต่างหาก บทเพลงของพวกเขาไม่เลวก็จริง แต่ทางโลนวูล์ฟเองก็พยายามสุดความสามารถเหมือนกันไม่ใช่หรือ?

การรอคอยทำให้คนเรารู้สึกทรมานเสมอ

ทว่าผู้ที่ทนทุกข์ทรมานมีเพียงโลนวูล์ฟและเรดมูน ในวงการกลับรู้สึกตื่นเต้นประหนึ่งกำลังรับชมละครหลังข่าว ไม่ว่าสองบริษัทนี้จะชนะหรือปราชัย ก็เป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งซึ่งผู้คนในวงการคอยติดตาม ถึงขั้นที่ผู้ว่าจ้างบางรายเองก็ยังซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก

“สองเดือนแล้ว”

“ผลจะออกแล้ว”

“โลนวูล์ฟมีความหวังมากกว่า”

“ดูจากอันดับแล้วโลนวูล์ฟเก่งกว่า”

“แต่อันดับของเรดมูนก็ไม่ได้ต่ำกว่ามากนะ”

“ทางชีซิงน่าจะประกาศได้แล้วนะ ยังไงซะตอนนี้เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นร้อนขึ้นมา คนตั้งเยอะแยะรอผลอยู่ ยังไงฉันก็คาดหวังว่าเรดมูนจะชนะ เพราะอันดับของเรดมูนต่ำกว่าหน่อย”

“แกเห็นใจคนอ่อนแอว่างั้น?”

“ถ้าจะเห็นใจคนอ่อนแอจริงๆ เทียบกับเรดมูนกับโลนวูล์ฟแล้ว ผู้ว่าจ้างอย่างบริษัทตัวประกอบอีกสามรายที่เหลือไม่อ่อนแอกว่าหรือไง เอาไว้รอดูสามบริษัทที่เหลือโค่นเรดมูนกับโลนวูล์ฟ ตอนนั้นแหละจะสนุกสุดๆ!”

“…”

แน่นอนว่าบทสนทนาด้านหลังมาจากเจตนาอยากสัพยอกหยอกเอิน คนที่พูดว่าเรดมูนและโลนวูล์ฟจะถูกล้มนั้นเพียงแค่คะนองปากก็แค่นั้น

แม้ว่าเรดมูนและโลนวูล์ฟต่างก็ไม่ค่อยชอบใจกับความคะนองปากประเภทนี้สักเท่าไหร่ก็เถอะ

และขณะที่ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในความกระวนกระวาย ตัวแทนผู้ว่าจ้างของชีซิงก็ติดต่อทั้งสองบริษัทไปในที่สุด

ผลของออเดอร์แข่งขันออกมาแล้ว

“เป็นยังไงบ้างคะ”

ทันทีที่โลนวูล์ฟรับโทรศัพท์จากตัวแทนของชีซิง ก็ลอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

ขณะนั้นรองหัวหน้าก็รีบขยับเข้ามาใกล้โทรศัพท์มือถือโดยหลงลืมเรื่องมารยาทไปเสียสนิท เพราะอยากฟังผลของออเดอร์แข่งขันในทันที

“ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

ตัวแทนจากชีซิงบอก

หัวหน้าและรองหัวหน้าของโลนวูล์ฟสบตากัน ขณะเดียวกันก็เห็นความผิดหวังฉายวาบในแววตาของอีกฝ่าย

รองหัวหน้าส่ายหน้า

สุดท้ายแล้วก็เป็นหัวหน้าที่แข็งใจพูดออกไปว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ค่อยยอมรับผลสักเท่าไหร่ “ครั้งนี้ผลงานของเรดมูนดีกว่าของพวกผมเหรอครับ”

“ไม่ใช่ครับ”

“ถ้าอย่างนั้น?”

“สตาร์ไลท์มิวสิก”

“…”

หลังจากตัวแทนจากชีซิงวางสายไป หัวหน้าของโลนวูล์ฟยังคงตั้งสติกลับมาไม่ได้

จนกระทั่งเสียงสัญญาณในโทรศัพท์หายไป เขาถึงพึมพำขึ้นมาว่า “เหมือนจะพังจริงๆ ด้วย”

“แกหมายถึงบริษัทที่รั้งท้ายในการจัดอันดับผู้รับงานน่ะเหรอ”

“…”

ความตื่นอกตกใจในวันนี้ถูกครอบงำโดยสตาร์ไลท์มิวสิก

อันที่จริงช่องทางการรับส่งข้อมูลของทุกคนไม่ได้ถูกปิดกั้นถึงขนาดนั้น หลายคนรู้ว่าสตาร์ไลท์มิวสิกมีขาใหญ่อยู่ ไม่งั้นบริษัทนี้คงไม่มีคุณสมบัติพอให้ติดหนึ่งร้อยอันดับแรกหรอก

แต่ขาใหญ่ท่อนนี้จะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน ตอนนี้ยังไม่มีใครวัดได้

ทุกคนเมินเฉยกันไปด้วยความเคยชิน

จนกระทั่งในวันนี้ ชีซิงได้ประเมินความแข็งแกร่งออกมาแทนทุกคนแล้ว

“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”

“เซี่ยนอวี๋นี่แหละมือสังหารของจริง!”

“ยามโลนวูล์ฟและเรดมูนกอดคอกันตาย ไม่มีปลาตัวไหนที่เป็นผู้บริสุทธิ์!”

“กอดคอกันตายอะไรล่ะ ปรับคำให้มันเข้ากับสถานการณ์หน่อย เห็นชัดๆ ว่าโลนวูล์ฟกับเรดมูนคืนดีกันก่อนตาย!”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณของเซี่ยนอวี๋โดยแท้”

“…”

เรื่องนี้ถูกกล่าวถึงไปต่างๆ นานา

ความตกใจนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสอันว่องไวของบรรดาผู้ว่าจ้าง

เมื่อเซี่ยนอวี๋คว่ำเรดมูนกับโลนวูล์ฟอย่างแทบจะเรียกไว้ว่าด้วยท่วงท่าอันงดงาม ในสมองของผู้ว่าจ้างจำนวนนับไม่ถ้วนก็ผุดความคิดที่เหมือนกันอย่างเหลือเชื่อ

สตาร์ไลท์มิวสิกกำลังจะผงาดขึ้นมา

และหลังจากที่เกิดความคิดนี้ ทุกคนก็เกิดความคิดใหม่ขึ้นอีกครั้งอย่างพร้อมเพียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ไปร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋สักหน่อย?

ส่วนความคิดที่สองนั้นอยู่บนพื้นฐานของความจริงกว่าความคิดแรกอย่างเห็นได้ชัด

ทว่าผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวที่ตามมาจากเรื่องนี้คือ…

โทรศัพท์ของสตาร์ไลท์มิวสิกสายแทบไหม้แล้ว

…………………………………………………..

[1] แม่ทัพบนเวที มาจากคำแสลงอินเทอร์เน็ตว่า ‘แม่ทัพเฒ่าบนเวทีการแสดง’ เปรียบเปรยถึงคนที่ตั้งเป้าหมาย(ปักธง)ไว้เสมอ แต่เป้าหมายเหล่านั้นมักจะทำไม่สำเร็จ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน