Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 179

ตอนที่ 179 ศึกษาตำราเป็นเพื่อนองค์รัชทายาท

เหล่าโจวเดินออกไปด้วยสีหน้าสลดหดหู่

คนจากแผนกประพันธ์เพลงชั้นเก้าหลายคนสังเกตเห็นว่าตอนที่เหล่าโจวออกไปนั้น สติสตังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว

เกิดอะไรขึ้น

คุยกับตัวแทนหลินแค่ไม่กี่ประโยค ทำไมถึงรู้สึกว่าเหล่าโจวของพวกเราคนนี้กำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้วล่ะ

แน่นอนว่าไม่มีใครเข้าใจเหตุผล

เหล่าโจวไม่ได้กลับห้องทำงานของตน แต่ตรงขึ้นไปชั้นบน เคาะประตูห้องของประธานกรรมการ

“เชิญครับ”

มีเสียงทุ้มน่าเกรงขามดังออกมาจากด้านใน

เหล่าโจวเดินเข้าไป สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะบอกว่า “เกิดเรื่องแล้วครับ”

“มีอะไร”

หลี่ซ่งหวาขมวดคิ้ว “แผนกภาพยนตร์เกิดเรื่อง?”

เหล่าโจวส่ายหน้า “เซี่ยนอวี๋อยากทำหนัง…”

หลี่ซ่งหวาเลิกคิ้ว “คุณไม่ได้ปฏิเสธ?”

“ผมไม่ได้ปฏิเสธ ตอนที่ธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์โทรมาหาเซี่ยนอวี๋ ผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาพอดี ถึงเซี่ยนอวี๋คงไม่ได้คิดจะย้ายสายงาน แต่ผมก็ไม่กล้าเดิมพันจริงๆ ครับ!” เหล่าโจวรู้สึกว่าความดันกำลังจะขึ้นแล้ว

แน่นอนว่ามีบางส่วนที่เขากำลังเสแสร้งแกล้งแสดงละคร

ถ้าไม่ทำท่าทางตื่นอกตกใจให้ใหญ่โตสักหน่อย ประธานกรรมการท่านนี้จะไปเข้าใจความลำบากใจของตนได้อย่างไร

หลี่ซ่งหวาเงียบงันไปสามวินาที กล่าวว่า “งั้นก็ให้เขาเล่นสนุกไปก็แล้วกัน”

เมื่อมีคำพูดนี้ของหลี่ซ่งหวา เหล่าโจวก็พอจะสงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง “งั้นผมคุมงบเลยนะครับ? เนื้อหาของบทที่เขาเขียนผมยังไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่พวกเงินลงทุนน่าจะไม่มาก ทางแผนกภาพยนตร์…”

“ผมจะแจ้งไปเอง…”

หลี่ซ่งหวารู้สึกปวดหัวหนึบ “คิดซะว่าให้พวกเขาศึกษาตำราเป็นเพื่อนองค์รัชทายาทก็แล้วกัน ส่งพนักงานที่ชอบทำตัวว่างงานไปช่วยเขา เรื่องนี้เขาอยากทำก็ให้เขาทำไป โฟกัสงานของพวกเราต่อไปอย่าให้เสีย เรื่อง ‘อัสนีบาต’ เป็นหนังเรื่องแรกของบริษัทเรา ถ้าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จละก็ เขาจะทำอะไรก็ปล่อยเขาทำไป”

“คุณใจกว้างมากเลยครับ”

เหล่าโจวยกนิ้วโป้งให้

ผู้มีอำนาจของบริษัทพยักหน้าแล้ว เหล่าโจวจะไม่ใช่คนที่แบกรับภาระความรับผิดชอบเรื่องนี้อีกต่อไป

ขอเพียงเขาลดงบประมาณของหลินเยวียนให้ได้มากที่สุดก็พอแล้ว

ความจริงแล้วต่อให้หลินเยวียนอยากหาเรื่องเล่นสนุกจริงๆ ก็คงไม่ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร

เพราะบริษัทได้ตั้งโปรเจ็กต์ภาพยนตร์เรื่องอัสนีบาต และกำลังจะเริ่มเปิดกล้องแล้ว

เงินลงทุนของภาพยนตร์เรื่องนี้เกิน 100 ล้านหยวน หลังจากนี้อาจมีการเพิ่มต้นเงินลงทุนก็เป็นได้

กว่าครึ่งของแผนกภาพยนตร์ของทางสตาร์ไลท์ ล้วนแต่สาละวนอยู่กับภาพยนตร์เรื่องนี้

ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็นเงินหรือคนก็มีอยู่ไม่มากแล้ว

อย่างมากที่สุดก็พยายามหาทีมงานกลุ่มเล็กๆ ให้หลินเยวียนเล่น

ให้เด็กคนนี้เล่นตามใจไปแล้วกัน

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ตอนนี้เด็กคนนี้ถูกสปอยล์แล้ว…” เหล่าโจวพึมพำก่อนเดินหนีไป

หลี่ซ่งหวาเหลือบมองแผ่นหลังของเขา “ไม่ต้องเล่นละคร ผมไม่ให้รางวัลคุณหรอก”

เหล่าโจวชะงักฝีเท้า กระแอมครั้งหนึ่ง ก่อนจะเผ่นหนีไป

หลี่ซ่งหวาเอ่ยเตือนได้ยินดังมาไกลๆ “คุมงบให้อยู่ในสิบล้านนะครับ”

“รับทราบครับ”

เหล่าโจวรีบรับปาก

กล่าวง่ายๆ ก็คือบริษัทคิดจะทุ่มเงินหลายล้าน หรืออาจถึงสิบล้าน เพื่อซื้อความสุขให้เซี่ยนอวี๋ เมื่อพ่อเพลงตัวน้อยคนนี้มีความสุข เขาก็ย่อมไม่ย้ายไปบริษัทอื่น

ช่วงนี้ตลาดยังไม่สงบ

ดูจากซาไห่เป็นตัวอย่าง

บุคลากรระดับพ่อเพลงบอกว่าจะไปก็ไปกันดื้อๆ

ถ้าเกิดเซี่ยนอวี๋ไม่พอใจขึ้นมา แล้วย้ายไปอยู่บริษัทอื่นจะทำยังไงล่ะ

ความเสียหายนี้ไม่ได้มีมูลค่าแค่ไม่กี่ล้านหรือสิบล้าน เรื่องนี้บริษัทตระหนักดี

ดังนั้นเหล่าโจวจึงเลือกที่จะปล่อยให้หลินเยวียนเล่นสนุกไป

ถึงอย่างไรหลี่ซ่งหวาก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาเงินลงทุนมาโปรยทิ้งอยู่แล้ว

……

เหล่าโจวเข้าใจดี แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเข้าใจ

เพราะทันทีที่บรรดาหัวหน้าแผนกภาพยนตร์ได้ยินว่าตัวแทนสักคนหนึ่งจากแผนกประพันธ์เพลงจะทำภาพยนตร์

ทุกคนแทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน!

“ล้อเล่นอะไรเนี่ย”

“คนแผนกประพันธ์เพลงจะทำหนัง?”

“เรียกว่าข้ามสายเลยนะ ข้ามมาไกลไปหรือเปล่า”

“แผนกภาพยนตร์บริษัทเราเพิ่งก่อตั้ง จะไปรับไหวได้ไง”

“ตอนนี้แผนกภาพยนตร์ง่วนอยู่กับโปรเจ็กต์เรื่องอัสนีบาต จะเอาแรงที่ไหนไปดูอีกโปรเจ็กต์นึง”

“…”

เหล่าโจวพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “ประธานกรรมการตกลงแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน