Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 20

ตอนที่ 20 หมอนั่นสวมเขาฉัน

ทุกคนต่างก็มีสี่บุคลิกที่แตกต่างกัน

บุคลิกบ้าๆ บอๆ ต่อหน้าเพื่อน บุคลิกสมบูรณ์แบบในสายตาของคนรัก ยามอยู่ลำพังก็อ่อนแอ แล้วก็ยังมีบุคลิกนิ่งเงียบต่อหน้าผู้คน

จะต้องเสแสร้งสักหน่อย

ทว่าท่าทางที่หลินเยวียนคุยโทรศัพท์กับแม่นั้นต่างออกไปจากยามปกติที่เขามักจะนิ่งเงียบสงบปากสงบคำ หลินเยวียนนึกว่าเขาจงใจเลียนแบบเจ้าของร่างเดิม แต่มาคิดดูให้ดีก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมด เพราะความรู้สึกเหล่านี้ออกมาจากใจ

หลินเยวียนลังเลอยู่สักพัก

แต่เขาตัดสินใจว่าจะติดต่อพี่สาวไปเดือนหน้า เดือนนี้เขาไม่มีเงินซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้พี่สาว มิหนำซ้ำสนทนากับคนในครอบครัวจำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญ หลินเยวียนต้องเตรียมสภาพจิตใจก่อนถึงจะกล้าโทรหาแม่ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่เจ้าของร่างตัวจริง

หลังจากนี้จะทำยังไงดี

หลินเยวียนเลือกที่จะเลี้ยงอาหารซย่าฝานและเจี่ยนอี้ในฐานะเพื่อนตาย คอยดูแลหลินเยวียนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด หลินเยวียนได้เงินมา ย่อมอยากเลี้ยงอาหารดีๆ สองคนนี้สักมื้อ เขาจึงจองภัตตาคารซึ่งค่อนข้างหรูใกล้วิทยาลัยเป็นการเฉพาะ ราคาเฉลี่ยต่อคนตกประมาณเกือบสองร้อยหยวน

ช่วงบ่าย ทั้งสามคนมาถึงภัตตาคาร

ก่อนจะเข้าไปในภัตตาคาร เจี่ยนอี้และซย่าฝานดึงรั้งหลินเยวียนสุดชีวิต ด้วยกลัวว่าที่นี่จะแพงเกินไป ทำให้เขาถังแตกได้ น่าเสียดายที่คำโน้มน้าวไม่เป็นผลสำเร็จ เหตุผลของหลินเยวียนคือเขามีตำแหน่งเป็นตัวเป็นตนในบริษัทแล้ว ได้เงินเดือนเดือนละหนึ่งหมื่นหยวน

“อ๋อ”

เจี่ยนอี้ถึงกระจ่างขึ้นมา เอ่ยหยอกล้อหลินเยวียนในทันทีว่า “ถึงว่าเดือนนี้วันหยุดเสาร์อาทิตย์เล่นหายไปเลย ที่แท้ก็ไปทำงานที่สตาร์ไลท์ คงไม่ได้ถูกพวกผู้บริหารระดับสูงเลี้ยงจนอิ่มใช่มั้ย ถึงกับให้เงินเดือนนักศึกษาสูงขนาดนี้”

“หลินเยวียนเก่งมากเลย”

ซย่าฝานโต้แย้งเจี่ยนอี้ ต่อให้ร้องเพลงไม่ได้ แต่เรื่องเสียงเพลงหลินเยวียนก็มีความรู้แน่นทีเดียว ทว่าเธอก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียง เพียงแค่เดาว่าสตูดิโอหรือแผนกอะไรทำนองนี้เหมาะกับความสามารถของหลินเยวียน

หลินเยวียนยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร

ในตอนนั้นอยู่ๆ เจี่ยนอี้ก็สะกิดแขนของหลินเยวียน มองไปยังหญิงสาวซึ่งเพิ่งจะนั่งลง “เฮ้ย นั่นมันกู้ซีนางฟ้าเปียโนของวิทยาลัยเราไม่ใช่เหรอ”

หลินเยวียนมองตามสายตาของเจี่ยนอี้ไป พบว่าเด็กสาวคนที่เจี่ยนอี้พูดถึงก็คือคนที่วิจารณ์เขาว่า ‘สกิลเปียโนอ่อนหัด’

“สนใจเหรอ”

ซย่าฝานกล่าวกลั้วหัวเราะ “คนเขาเป็นถึงนักเปียโนที่อายุน้อยที่สุดซึ่งเคยแสดงในโถงทองคำ ในวงการขนานนามว่าต่อไปจะต้องได้เป็นนักเปียโนระดับอัจฉริยะ แถวผู้ชายที่ตามจีบยาวจากปากประตูโรงเรียนจนถึงภัตตาคารนี้ นายยังไม่เข้าเกณฑ์”

เจี่ยนอี้ไม่รู้ไม่ชี้ “ประตูโรงเรียนห่างจากภัตตาคารนี้แค่ 3.45 กิโล”

ซย่าฝานกลอกตา “เถียงเก่ง”

เจี่ยนอี้ตอบ “ไม่ใช่เธอที่ด้อยค่าฉันก่อนเหรอ”

“ฉันจะไปตักไอศกรีม”

หลินเยวียนลุกขึ้น ปลีกตัวออกจากสนามรบชั่วคราว

แม้ว่าภัตตาคารแห่งนี้จะค่อนข้างแพง แต่ไอศกรีมที่นี่กินได้ตามสบาย รสชาติก็ไม่เลว ก่อนหน้านี้เขากินไปแล้วนิดหน่อย รู้สึกชอบรสชาติมาก

เมื่อมาถึงหน้าตู้ไอศกรีม

หลินเยวียนก็พบว่าไอศกรีมในตู้กำลังจะหมดแล้ว

เขาหยิบช้อนกำลังจะตัก แต่ฝั่งตรงข้ามกลับยื่นช้อนออกมาชนเข้ากับช้อนของหลินเยวียนพอดี

ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมา

หลินเยวียนมองหน้าอีกฝ่าย นึกได้ว่าเจี่ยนอี้เพิ่งเอ่ยถึงชื่อของอีกฝ่าย “กู้ซี?”

“นายเองเหรอ”

กู้ซีจำหมอนี่ที่ครั้งก่อนถือวิสาสะมาใช้เปียโนของตนได้ เลิกคิ้วพลางพูดแดกดัน “ไม่เสแสร้งแล้วเหรอ ไหนครั้งก่อนบอกว่าไม่รู้จักฉัน?”

หลินเยวียนไม่สนใจเธอ เตรียมตัวตักไอศกรีม

กู้ซีขวางช้อนของเขาไว้ “ฉันมาก่อน”

หลินเยวียนตอบ “แต่เธอไม่ได้ตัก”

กู้ซีเริ่มโมโหแล้ว “ฉันกำลังจะตัก”

หลินเยวียนครุ่นคิด “งั้นคนละครึ่ง”

กู้ซีจ้องมองหลินเยวียนอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้นก็ผุดยิ้มเล็กน้อย “ให้นายก็ได้”

“ขอบคุณ”

หลินเยวียนไม่ได้เกรงใจ ตักไอศกรีมทั้งหมดแล้วเดินไป

กู้ซีสีหน้างงงัน มองหลินเยวียนซึ่งตักไอศกรีมไปทั้งหมด

ที่ตนพูดว่า ‘ให้นายก็ได้’ เพราะเป็นกลยุทธ์ถอยเพื่อบุกอย่างหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าผู้หญิงยอมอ่อนข้อให้ คนทั่วไปก็จะตอบว่า ‘ไม่เป็นไร เธอกินเถอะ’

แต่หลินเยวียนกลับไม่ได้วางไพ่เหมือนปกติ

เมื่อกลับมาถึงที่นั่ง เจี่ยนอี้กับซย่าฝานเลิกตีกันแล้ว ทั้งสองคนกำลังมองหลินเยวียนด้วยความประหลาดใจ

หลินเยวียนถาม “มีอะไร”

เจี่ยนอี้ยกนิ้วโป้งให้ “เนียนสุดยอด!”

ซย่าฝานก็พยักหน้าตามไปด้วย “สหาย นายเรียกร้องความสนใจจากเธอได้สำเร็จ”

“ใช่”

เจี่ยนอี้ทำหน้าตามีเลศนัย “ตั้งแต่ตักไอศกรีมกลับมา เธอมองนายหลายรอบแล้ว”

หลินเยวียนไม่ได้สนใจเจ้าสองคนนี้

…..

กู้ซีเดินกลับมายังที่นั่งด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

เพื่อนถามว่า “ไอศกรีมล่ะ”

กู้ซีมองหลินเยวียน ตอบว่า “ถูกผู้ชายไร้มารยาทแย่งไปแล้ว”

เพื่อนมองไปทางหลินเยวียน “คนที่ใส่เสื้อสีขาวอะนะ? หล่อมากเลย เธอรู้จักเหรอ”

กู้ซีหรี่ตาลง แววตาระคนความอาฆาตแค้น “หมอนั่นสวมเขาฉัน”

เพื่อนตกใจจนเกือบพ่นเครื่องดื่มออกมา

กู้ซีรู้ว่าเพื่อนเข้าใจผิดแล้ว จึงพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “เขาใช้เสี่ยวหลี”

เสี่ยวหลีเป็นชื่อที่กู้ซีตั้งให้เปียโน

นั่นคือเปียโนที่เป็นของกู้ซี แต่กลับถูกหลินเยวียนใช้ไปแล้ว จึงทำให้กู้ซีรู้สึกเดือดดาลเหมือนถูกสวมเขา

เพื่อนหลุดหัวเราะออกมาทันที “แล้วดูศัพท์ที่เธอพูดเข้าสิ”

“เอาเถอะๆ รีบกินก่อน ตอนบ่ายยังมีสัมภาษณ์อีก”

กู้ซีเบ้ปากพูด

……

ช่วงบ่าย

นักข่าวกลุ่มหนึ่งเข้าไปในวิทยาลัย คนที่พวกเขาจะต้องสัมภาษณ์วันนี้คือนักศึกษาปีสองคนหนึ่ง

กู้ซี

ฉินโจวอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของดนตรี

หลายปีที่ผ่านมา มีอัจฉริยะด้านดนตรีถือกำเนิดขึ้นมากมาย หนึ่งในคนที่เจิดจรัสที่สุดในก็นั้นคือเด็กสาวที่ชื่อว่ากู้ซี!

และประวัติชีวิตอันเป็นตำนานที่สุดของเธอก็คือในตอนที่เธออายุสิบห้าปีได้เข้าไปแสดงเปียโนเพลง ‘ใจปรารถนา’ ในห้องโถงทองคำ เพียงครั้งเดียวก็สะเทือนทั้งวงการ!

แม้แต่อบิเกลผู้ประพันธ์เพลง ‘ใจปรารถนา’ เองก็ยังกล่าวชมเชยในความสามารถของกู้ซี

ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเปียโนระดับสูงคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า

ฝีมือเปียโนของกู้ซีนั้นห่างจากระดับปรมาจารย์เพียงเส้นบางกั้น

ในฉินโจว

เวทีดนตรีที่สูงที่สุดไม่ได้มีเพียงเวทีเดียว

แต่ห้องโถงทองคำนั้นเป็นหนึ่งในเวทีระดับยักษ์ใหญ่ในใจของผู้คนนับไม่ถ้วน

อายุสิบห้าก็ได้ก้าวขึ้นสู่เวทีระดับนี้ก็นับได้ว่าเป็นตำนาน แถมยังได้รับการยอมรับจากผู้ยิ่งใหญ่ในวงการ ยิ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง!

ฉะนั้นฉายา ‘นางฟ้าเปียโน’ ที่กู้ซีได้มานั้นไม่ได้เกินจริง

เพียงแต่โดยปกติแล้วกู้ซีจะไม่ให้สัมภาษณ์ วันนี้โรงเรียนโน้มน้าวให้กู้ซีให้สัมภาษณ์สักครั้ง เพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับวิทยาลัยศิลปะฉินโจว

สถานที่สัมภาษณ์นั้นไม่ไกลจากห้องเปียโน

นั่นเพราะประเดี๋ยวจะได้ถ่ายภาพกู้ซีกับเปียโนของเธอได้สะดวก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน