Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน นิยาย บท 215

ตอนที่ 215 โปรโมตระดับสูงสุด

เมื่อส่งเหล่าจางเสร็จ ระหว่างทางกลับ หยางเฟิงก็ไม่ได้ฟังเรื่องคนขุดสุสานอีกต่อไป เพื่อความปลอดภัยของตนเอง

โชคดีที่ซอฟต์แวร์เล่นเสียงเป็นโหมดอัจฉริยะ

ถ้าหากเป็นคนทำพ็อดแคสต์ระดับมืออาชีพ ใส่ดนตรีสะเทือนอารมณ์ไปสักนิด กดโทนเสียงให้ต่ำลงอีกสักหน่อย เรื่องนี้มีหรือจะไม่ทำให้คนกลัวจนขนหัวลุก?

คืนนั้นกลับบ้านไป หยางเฟิงยังนอนหลับฝัน

เขาฝันว่าตนกับเหล่าจางกำลังขุดสุสาน พวกเขาวางเทียนไว้ที่มุมสุสาน ปรากฏว่าโลงศพยังไม่ทันเปิดออก จู่ๆ เทียนก็ดับลง…

คนจุดเทียน ผีเป่าโคม[1]!

หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น หยางเฟิงไม่รับรู้อีกต่อไป เพราะเขาถูกความหวั่นกลัวในใจปลุกให้ตื่นขึ้น

วันต่อมา

หยางเฟิงมาถึงบริษัท ด้วยท่าทางสะโหลสะเหล ราวกับเมื่อคืนนอนหลับไม่สนิท

“เป็นอะไรไป” มีเพื่อนร่วมงานบางคนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

หยางเฟิงพูด “หนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวง ฉันไม่รู้ว่าควรวิจารณ์ว่ายังไง…”

“ฉู่ขวงเขียนหนังสือเรื่องใหม่เสร็จแล้ว?”

บรรณาธิการแทบทุกคนมองไปทางหยางเฟิงพร้อมกัน

บรรณาธิการของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูกลุ่มนี้นับว่าเป็นกึ่งแฟนคลับของฉู่ขวง เรื่องกระบี่เทพสังหารเรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่ครึ่งค่อนวงการรอติดตามมาโดยตลอด!

มีคนถามซัก “เป็นแนวไหนล่ะ”

ในตอนนั้นเหล่าจางก็มาถึงบริษัทแล้วเช่นกัน เมื่อได้ยินทุกคนถกเถียงกัน ก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “ในเมื่อทุกคนอยากรู้กันขนาดนี้ งั้นก็ให้เสี่ยวหยางส่งให้ทุกคนอ่านเลยสิ ดูว่าทุกคนจะว่ายังไง”

“ก็ได้”

หยางเฟิงทำเช่นเดียวกับครั้งก่อน ส่งเรื่องคนขุดสุสานเข้าอีเมลทุกคนซะเลย

นิยายจำต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะตีพิมพ์ ทว่าระหว่างบรรณาธิการด้วยกันเองย่อมไม่ใช่ปัญหา

หลังจากที่ทุกคนได้รับเรื่องคนขุดสุสาน ก็รีบก้มหน้าก้มตาอ่านทันที

ปรากฏว่าอ่านไปได้ไม่กี่นาที จู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้นว่า “บุคคลที่หนึ่ง?”

“นี่เป็นนิยายสยองขวัญ?”

“พูดให้ชัดคือ เป็นนิยายลี้ลับ…”

“ขุดสุสานเรียกว่าลี้ลับได้เหรอ ถ้าว่ากันตามหลักการแล้ว นี่เรียกว่านิยายแนวเรียลลิสม์ชัดๆ”

“ฉันคิดว่านี่เป็นแนวเทพเซียนกำลังภายในซะอีก”

“แบบนี้ก็ได้เหรอ?”

“…”

สิ่งที่ทุกคนพูด ยังนับว่าอ้อมค้อมประนีประนอม

อันที่จริง เพียงแค่อ่านอารัมภบท รวมไปถึงบทบรรยายจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ทุกคนก็เริ่มไม่ได้คาดหวังกับนิยายเรื่องนี้แล้ว

ถ้านี่ไม่ใช่หนังสือของฉู่ขวง ทุกคนคงเทต้นฉบับเรื่องนี้ไปแล้ว!

บุคคลที่หนึ่ง?

ยุคนี้ยังมีใครเขียนด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งอีก?

ไม่รู้ว่านักอ่านทุกวันนี้เห็นบทบรรยายจากมุมมองบุคคลที่หนึ่งแล้วจะวางหนังสือลงเลยหรือเปล่า

นอกจากนั้นอารัมภบทยังเล่ายืดยาวไปครึ่งค่อนวัน ไม่รู้ทำไมถึงเอาแต่พูดถึงคุณปู่ของตัวเอกไม่จบไม่สิ้น

ด้านหน้ายังเล่าเรื่องการขุดสุสานอีก…

การขุดสุสานมีอะไรให้เล่ากัน?

ไม่เคยเห็นนิยายประเภทนี้มาก่อนเลย

เหล่าจางหัวเราะชอบใจ “อ่านต่อสิ”

เมื่อคืนขณะที่เขาฟังเรื่องคนขุดสุสานกับหยางเฟิง ก็รู้สึกงงงวยไปเช่นกัน ถึงขั้นที่รู้สึกว่าฉู่ขวงเขียนออกมามั่วๆ

แต่เมื่อฟังจนถึงช่วงหลัง ความคิดของทั้งสองก็เปลี่ยนไป

และเหล่าบรรณาธิการของกองบรรณาธิการในตอนนี้ ก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านทางจิตใจในลักษณะเดียวกัน

เมื่อพวกเขาอ่านถึงยามที่หุ่นกระดาษสำหรับเผาให้คนตายถึงกับมีชีวิตขึ้นมาและเอ่ยปากว่าจะแต่งงานกับหูกั๋วหวา ทุกคนก็สั่นสะท้านขึ้นมา

บรรยากาศทั่วทั้งห้องพลันเย็นเฉียบลง!

และเมื่อพวกเขาอ่านจนถึงตอนที่หุ่นกระดาษให้หูกั๋วหวาไปยังสุสานตอนดึกเพื่อขุดหาทรัพย์สินซึ่งฝังไปพร้อมกับศพ หูกั๋วหวาจึงไปด้วยความละโมบ ท้ายที่สุดกลับถูกหุ่นกระดาษเขมือบกินตับไตไส้พุง ทุกคนก็หายใจเฮือกสะดุ้งโหยง…

เหล่าจางและหยางเฟิงสบตากัน

ปฏิกิริยาของทุกคนไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา

มีฉากสยองขวัญมากมายในนิยายเรื่องนี้ จุดเริ่มต้นเป็นเพียงความชั่วร้าย และจุดจบค่อนข้างมืดมนเล็กน้อย

ตัวอย่างเช่นหูปาอีและพั่งจื่อไปทำงานในพื้นที่หนึ่ง ภรรยาของนายหวังในหมู่บ้านเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังคุกเข่ากราบไหว้ต้นหวายซู่ เธอจึงเดินไปมองดู และพบว่าคนเหล่านี้ไม่มีศีรษะ…

ลำพังแค่ฉากนี้ก็ชวนให้อกสั่นขวัญแขวนแล้ว…

ยังไม่ต้องพูดถึงซากศพตัวหงโห่ว และยังมีเด็กอีกสองคนซึ่งหมดลมไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน